ตอนที่แล้วบทที่ 71: สาวใช้ทั้งสองของข้า ได้โปรดให้อภัยความหยาบคายของพวกนางด้วย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 73: ความไม่พอใจปรากฏ เหล่าขุนนางรวมตัวกล่าวโทษ!

บทที่ 72: หากปราศจากสถานการณ์บีบคั้น เจ้าคงมิรู้ได้ว่าบิดามารดาของเจ้ารวยเพียงใด!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 72: หากปราศจากสถานการณ์บีบคั้น เจ้าคงมิรู้ได้ว่าบิดามารดาของเจ้ารวยเพียงใด!

หลังจากที่โม่หรูซวงจากไปแล้ว ทั้งเจ้าหญิงน้อยและหลี่ซือซือก็หัวเราะคิกคักกัน

เจ้าหญิงน้อยโผเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่ซือซือพลางหัวเราะคิกคัก “พี่สาวซือซือ เมื่อครู่ท่านแสดงได้ดีมาก! ท่าทางขวยเขินของท่านที่ดูราวกับไม่สามารถตามบทสนทนาได้ทัน ทำให้พวกเขาทั้งสองคนเหวอไปเลย!”

“องค์หญิงน้อย ท่านก็เก่งเหมือนกัน! ท่าทางอันน่าเวทนาที่ท่านแสดงออกมายามที่ท่านทำพลาดไป มันก็ทำให้ข้าเองถึงกับคล้อยตามไปด้วย!” หลี่ซือซือป้องปากของนางและหัวเราะออกมา

“ไม่เลยพี่สาวซือซือ ท่านแสดงดีกว่าข้ามาก ข้ายังมีอีกหลายอยา่างต้องปรับปรุง!” สองสาวต่างชื่นชมกัน

ส่วนทางด้านหลินเป่ยฟาน เขาก็ได้แต่ถอนหายใจและตำหนิพวกนาง “พวกเจ้าหลอกคนอื่นเช่นนี้ได้ยังไง? เขาเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยปณิธาน ทว่าพวกเจ้ากลับทำลายเขาเสียอย่างนั้น!”

เจ้าหญิงน้อยวางมือบนสะโพกแล้วบ่นออกมา “เจ้าต่างหากที่เป็นคนที่แย่ที่สุด! ก่อนหน้านั้นเจ้าบอกว่าเขาอ่อนแอ พอผ่านมาสักพักเจ้าก็ใช้เรื่องที่เราเป็นเพียงข้ารับใช้ทำลายความมุ่งมั่นของเขา! เหอะ!”

“ท่านสามี เจ้าหญิงน้อยพูดถูกทุกประการ ครานี้ข้าคงไม่อาจปกป้องท่าน” หลี่ซือซือกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจเช่นกัน

หลินเป่ยฟานจึงได้แต่กล่าวขอโทษออกมา “ก็ได้ มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด! แต่ที่ข้าทำไปมันก็เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง!”

หญิงสาวทั้งสองต่างรู้สึกสับสน “เพื่อประโยชน์ของเขางั้นหรือ?”

“ใช่ ข้าทำลงไปเพื่อสั่งสอนบทเรียนอันมีค่าให้แก่พวกเขา ว่าจงอย่าเชื่อใจใครเพียงเพราะพวกเขาเก่งกาจ!” หลินเป่ยฟานอธิบาย

หญิงสาวทั้งสองระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาดื่มไวน์กันหมดแล้ว พวกเขาก็ยังคงชื่นชมทิวทัศน์ต่อไปจนดึกแล้วจึงกลับเรือนไป

หลินเป่ยฟานไม่ได้คิดจริงจังกับโม่หรูซวงและสหายของนาง คิดว่ามันเพียงการพบปะกันโดยบังเอิญ เส้นทางของพวกเขาคงจะไม่มีวันมาบรรจบกันอีก

หลังจากไปพักผ่อนแล้ว หลินเป่ยฟานก็กลับมายังสถาบันจักรพรรดิเพื่อกลับมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการอีกครั้ง

ในวันสอบประจำเดือน หลินเป่ยฟานได้ยกเลิกงานอื่นๆ ทั้งหมดเพื่อเร่งการทดสอบ

เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะวันนี้เป็นอีกวันที่จะได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่เขาฟูมฟักเอาไว้ เขาจะได้เด็ดหัวกะหล่ำปลีที่กำลังแตกหน่อเสียที

ขณะที่เขากำลังมองดูนักเรียนที่กำลังเคร่งเครียดกับข้อสอบ หลินเป่ยฟานก็ดูพึงพอใจยิ่ง

ดูเหมือนว่าเขาจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตที่เขาสร้างไว้อย่างแน่นอน หวานหมู!

ไม่นานนัก คะแนนก็ถูกประกาศออกมา

“เกาเทียนหยู ไม่ผ่าน!”

“หวังรัวเฟิง ไม่ผ่าน !”

“ติงเส้าเหริน ไม่ผ่าน!”

…ไม่มีผู้ใดผ่านเลย!

หลินเป่ยฟานโกรธมาก “ดูคะแนนของพวกเจ้าสิ! ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือน จัดเตรียมอาจารย์ที่เก่งกาจที่สุดและจ้างอาจารย์ประจำห้องให้กับพวกเจ้า แต่สุดท้ายพวกเจ้าก็ยังได้คะแนนเป็นศูนย์! พวกเจ้าทำอะไรกันบ้าง? คุ้มกับความพยายามที่ข้าเสียไปหรือเปล่า?”

บุตรชายของขุนนางะดับสูงตัวสั่นด้วยความกลัว “ผู้อำนวยการ พวกเราผิดไปแล้ว! ได้โปรดให้โอกาสพวกเราอีกครั้งเถิด!”

“ข้าไม่อยากพูดอีกแล้ว!” หลินเป่ยฟานชักไม้เท้าขนาดใหญ่ขึ้นมา “ข้าไม่ต้องการใช้ความรุนแรง แต่เจ้ากำลังบังคับให้ข้าทำ! ข้ายึดหลักถึงหลักประชาธิปไตย เจ้าเลือกมาเลยว่าจะให้เงินมาหรือให้ชีวิต เลือกมาหนึ่งอย่าง!”

“เงิน…เราเลือกเงิน!!!”

ด้วยการบังคับของหลินเป่ยฟาน พวกเขาทั้งหมดก็หยิบเงินออกมาทีละคนด้วยความไม่เต็มใจนัก ตามกฎแล้ว การสอบไม่ผ่านในเดือนแรกจะส่งผลให้ถูกเฆี่ยนตี 20 ครั้ง

การสอบไม่ผ่านเดือนที่สองจะถูกเฆี่ยนตี 40 ครั้ง หากพวกเขาไม่ต้องการถูกทุบตี พวกเขาก็ต้องจ่ายเงิน 100 ตำลึงต่อการตีแต่ละครั้ง ดังนั้นแต่ละคนจึงต้องหยิบเงินออกมา 4,000 ตำลึงเงิน รวมแล้วมีทั้งหมด 24 คน ซึ่งรวมกันเป็นเงินถึง 96,000 ตำลึง เพียงการขู่กรรโชกครั้งเดียว หลินเป่ยฟานก็รวยเละ!

หลินเป่ยฟานรับเงินมาด้วยความรู้สึกพึงพอใจ “พวกเจ้าทุกคนคงทำได้ดีกว่านี้ ถ้าเพียงแต่พวกเจ้าจะทุ่มเทความพยายามในการศึกษาของพวกเจ้าขึ้นอีก!”

เจ้าเด็กเหลือขอนิสัยเสียพวกนี้ถูกรีดนมมาหลายครั้งแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีเงินตรามากมายให้รีดไถอีก หลินเป่ยฟานจึงมีความคิดที่จะรีดไถพวกเขาให้หมดเลย

“ถ้าข้าไม่บีบคั้นพวกเจ้า เจ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบิดามารดาของเจ้าร่ำรวยเพียงใด!”

เมื่อเห็นใบหน้าที่หดหู่ของเหล่าบัณฑิต หลินเป่ยฟานก็ตะโกนว่า "หยุดทำหน้าเศร้าโศกได้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าต้องการเงินของพวกเจ้าจริงๆ หรือ?"

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องการหรอกเหรอ?” เหล่าบัณฑิตถามออกมาด้วยความโกรธ

"ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว! ข้าเป็นผู้อำนวยการสถาบัน ข้าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้ยังไง?”

หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาด้วยความเที่ยงธรรม “ข้าทำสิ่งนี้ไปเพื่อกระตุ้นให้พวกเจ้าตั้งใจศึกษา! หากเจ้าไม่เข้าใจ มันก็คือความผิดของพวกเจ้า ไฉนมาโทษตัวข้ากัน?”

เหล่าบัณฑิตทุกคนแค่นเสียง พวกเขาไม่เชื่อคำที่หลินเป่ยฟานกล่าวสักประโยคเดียว

“ข้าจะบอกพวกเจ้าว่าเงินจะอยู่กับข้าเพียงชั่วคราวเท่านั้น! เมื่อพวกเจ้าดีขึ้นแล้ว ข้าก็จะคืนเงินให้!”

บัณฑิตทุกคนเมื่อได้ฟังต่างก็ตื่นเต้น “เราจะได้เงินคืนงั้นหรือ?”

"ถูกต้อง! ข้าเป็นผู้อำนวยการสถาบัน จะรีดไถเงินพวกเจ้าไปเพื่ออะไร?” หลินเป่ยฟานเริ่มรู้สึกโกรธ

เหล่าบัณฑิตคล้ายกับมีความหวังอันริบหรี่ อารมณ์ของพวกเขาดีขึ้นมาก “ข้าขอโทษด้วยผู้อำนวยการหลิน ข้าเข้าใจท่านผิดไป!”

“ข้าคิดว่าท่านเป็นขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ข้าไม่คิดเลยว่าท่านมีความหวังดีต่อเราถึงเพียงนี้!”

“ข้าขอโทษด้วยท่านผู้อำนวยการ ข้าผิดเองที่ตำหนิท่าน!” … หลินเป่ยฟานรู้สึกอบอุ่นในใจยิ่ง

พวกเขาเหล่านี้เป็นเพียงเยาวชนรุ่นหลังเท่านั้น! เขาโบกมืออย่างไม่สนใจอะไรนักและกล่าวตอบไปว่า “ตราบใดที่พวกเจ้าเข้าใจความตั้งใจอันดีของข้า แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว! เมื่อพูดคุยกันจบ ก็จงตั้งใจร่ำเรียนเสีย! ข้าหวังว่าจะได้ยินข่าวดีจากพวกเจ้าทุกคน!”

“อืม ผู้อำนวยการหลิน…แล้วเราจะเอาเงินคืนได้อย่างไรหรือ?” คนผู้หนึ่งได้เอ่ยถามขึ้นมา ทุกคนต่างตั้งใจฟังกันถ้วนหน้า

หลินเป่ยฟานยิ้ม “ง่ายมาก แค่ผ่านการทดสอบของจักรพรรดิแล้วข้าจะคืนเงินให้!”

“การทดสอบจักรพรรดิ?”

"นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก!"

“ฆ่าข้าเสียจะดีกว่า!” ทุกคนต่างคร่ำครวญ

การผ่านการสอบระดับมณฑลพอเป็นไปได้ เพราะพวกเขามีภูมิหลังของตระกูลและอำนาจอยู่บ้าง แต่การสอบจักรพรรดินั้นสิ้นหวังอย่างแท้จริง!

ตามหลักแล้ว การสอบจักรพรรดิจะเป็นการทบทวนข้อสอบของเหล่าบัณฑิตเป็นการส่วนตัว ทำให้เข้าใจอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าบัณฑิตผู้นั้นมีความสามารถจริงหรือไม่! หากมีการโกงขึ้น อาจถึงแก่ชีวิตได้! พวกเขาจ้องมองไปที่หลินเป่ยฟานด้วยความโกรธ เจ้าผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว! เขานำความหวังมาให้พวกเขา แล้วก็บดขยี้มันลงไปอีก! เจ้ามันปีศาจเลวทราม!!!

หลินเป่ยฟานเมินพวกเขาและตบก้นปัดฝุ่น ก่อนจะเดินจากไป “ครั้งต่อไปที่พวกเจ้าจะให้อะไรข้า จงเอาของมีค่าดีๆ มาด้วย ไม่เช่นนั้นข้าจะขึ้นราคาที่ต้องจ่ายมาสำหรับการลงโทษอีก!”

หลังจากที่หลินเป่ยฟานจากไปแล้ว เกาเทียนหยูก็ตะโกนออกมา “พอกันที! ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!

“ทุกๆ วันเราต้องมายังสถาบัน สูญเสียอิสรภาพ มีชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”

“ถ้าเรามาช้าก็จะถูกทุบตี ถ้าเราไม่ร่ำเรียนก็จะถูกทุบตี ถ้าไม่ผ่านก็โดนอีก!”

“ถ้าเราไม่อยากโดนตี มีแต่ต้องจ่ายเงิน แต่ถ้าไม่จ่ายเราก็ยังโดนตี ยามนี้ข้าไม่มีเงินเหลือแม้แต่ตำลึงเดียวด้วยซ้ำ!”

“เมื่อเรากลับไปขอเงินท่านพ่อท่านแม่ พวกเขาก็จะตำหนิเราอีก!”

“เมื่อไรชีวิตอันน่าสังเวชเช่นนี้จะจบลงกัน?”

“ข้าไม่อยากอยู่ต่อแล้ว!!!”…

นายน้อยคนอื่นๆ ต่างพร่ำบ่นสิ่งในใจของพวกเขาออกมาด้วยความโศกเศร้า จนน้ำตาไหลอาบหน้า

“ใช่ พวกเราใช้ชีวิตอย่างอนาถเหลือเกิน!”

“ไม่มีเงิน ไม่มีอิสรภาพ ไม่มีผู้ใดรักเรา! พวกเราไม่มีอะไรเลย ข้าไม่รู้ความหมายของการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปด้วยซ้ำ!”

“ข้าไม่ได้ลิ้มรสสัมผัสของเหล่าอิสตรีมาหนึ่งเดือนแล้วนะ!”

“ข้าเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มวัยแรกแย้ม ไฉนพวกเขาถึงทำกับข้าเช่นนี้?”

“ข้าไม่อยากอยู่ต่อแล้ว! ว๊ากกก!”

ในยามนั้น ดวงตาของเกาเทียนหยูก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชา เขากัดฟัน “เรามา…หาคนที่จะฆ่าเขากันเถอะ ดีไหม?”

คนอื่นๆ ทั้งหมดล้วนตกใจ

“ฆ่าขุนนางหลวงเหรอ? นั่นเป็นอาชญากรรมครั้งใหญ่เลยนะ! รังแต่จะทำให้เราถูกตัดหัว!”

“ท่านพ่อของข้าบอกว่าหลินเป่ยฟานได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินี ถ้าเราฆ่าเขา จักรพรรดินีก็คงจะโกรธมาก แม้แต่บรรพบุรุษของเราก็คงไม่สามารถปกป้องเราได้!”

“ข้าคิดว่าเราควรพิจารณาเรื่องนี้ให้นานกว่านี้เสียหน่อย…”

“มีอะไรต้องกลัวกัน? เราแอบใช้เงินจ้างมือสังหารก็ได้! ถึงมือสังหารจะถูกจับได้ เราก็คงไม่ถูกตำหนิอยู่ดี!” เกาเทียนหยูแค่นเสียง

“มันจะคุ้มเสี่ยงหรือ?”

“มีอะไรไม่คุ้มเสี่ยงกัน? พวกเจ้าอยากใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปงั้นเหรอ? ข้าทนไม่ไหวแล้ว!” เกาเทียนหยูกล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองเลย

“แล้วถ้าเขาไม่ตายล่ะ?”

“ถ้าเขาไม่ตาย เราก็จะจ้างมือสังหารคนอื่นมาฆ่าเขาจนกว่าเขาจะตายจริงๆ!” เกาเทียนหยูหัวเราะอย่างหยิ่งผยอง

“แล้วถ้าเขารู้เล่า?”

“แม้ว่าเขาจะรู้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย แค่ปฏิเสธไป! พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าการกล่าวหาจำเป็นต้องใช้หลักฐาน? เราไม่มีทางที่จะปล่อยให้เขามารังแกเราง่ายๆ หรอก!” เกาเทียนหยูหัวเราะ

“ถ้าเกิดเขาไม่ยอมแพ้ล่ะ?” เกาเทียนหยูโกรธและกระแทกมือลงบนโต๊ะ

"พอได้แล้ว! ไม่เห็นเหรอว่าข้าปวดหัวกับเสียงของพวกเจ้า?” วินาทีต่อมา ใบหน้าของพวกเขาทุกคนพลันซีดเผือด

“ผ…ผู้อำนวยการหลิน! ท…ท่านกลับมาแล้วเหรอ?” เขาถึงกับพูดติดอ่าง

“ข้ากลับมาเอาไม้ของข้า แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตของข้าเสียอย่างนั้น! ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมมาก! ประเสริฐสุดไปเลย!” หลินเป่ยฟานหัวเราะออกมาขณะถือไม้เท้าของเขาแน่น

เกาเทียนหยูจ้องมองผู้คนรอบตัวเขาแล้วกระซิบออกมา "ทำไมพวกเจ้าถึงไม่เตือนข้ากันเล่า?"

นายน้อยคนอื่นๆ ต่างก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น พวกเขาต้องการเตือนเขา แต่ก็ไม่สามารถเปิดปากกล่าวออกมาได้เลย

พวกเขาได้แต่มองเกาเทียนหยูตกหลุมลึกเข้าไปในกับดัก

“ผู้อำนวยการ ได้โปรดฟังข้าก่อน สิ่งต่างๆ ไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็น…” เกาเทียนหยูพยายามอธิบาย

หลินเป่ยฟานยังคงนิ่งเฉย “การจ้างคนมาฆ่าขุนนางหลวงถือเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงมาก! ตามกฎของสถาบันจักรพรรดิ เจ้าจะถูกไล่ออกและส่งไปให้เหล่าขุนนางตัดสินโทษ!”

เกาเทียนหยูถึงกับตื่นตระหนก “อย่าไล่ข้าออกเลย ข้าจะจ่าย! ข้าจะจ่าย…”

เขาหยิบเงินทั้งหมดออกมาทันที รวมประมาณ 50,000 ตำลึง จากนั้นเขาชี้นิ้วไปทางนายน้อยคนอื่นๆ จนในที่สุดก็รวบรวมกันมาได้ 300,000 ตำลึง

"ผู้อำนวยการหลิน นี่ไง! ทั้งหมด 300,000 ตำลึง!” เกาเทียนหยูอ้อนวอน

หลินเป่ยฟานเก็บเงินและยกไม้เท้าขึ้น “แต่ข้ายังโกรธมาก คงต้องขอตีเจ้าสักครั้งได้ไหม?”

เมื่อมองดูไม้หนาๆ ขาของเกาเทียนหยูก็อ่อนแรงลง เขาได้แต่ขอร้องออกมา “นายท่าน ได้โปรดอย่าทุบตีข้าเลย! ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว หากท่านตีข้า ข้าคงจะตายเป็นแน่…”

เสียงของหลินเป่ยฟานดังเบาลง “ฟังข้าให้ดี! จงนอนลงแล้วยกก้นของเจ้าขึ้นมา!”

ใบหน้าของเกาเทียนหยูเปลี่ยนเป็นสีขาว เขาได้แต่เกาะขาของหลินเป่ยฟาน “ผู้อำนวยการ ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้เลย…”

“ไม่ต้องห่วง เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! อีกไม่นานมันก็จบแล้ว!” หลินเป่ยฟานส่ายขาเบาๆ และเกาเทียนหยูก็ล้มลงกับพื้น

ไม้ถูกยกขึ้นสูง จากนั้นมันก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว

“ไม่…อ๊ากกก!!!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด