บทที่ 25 ซ่อนเร้น

บทที่ 25 ซ่อนเร้น

“รับโทรศัพท์ซะ แต่แกไม่ควรพูดอะไรที่ไม่จำเป็น”

ควีนหยิบแมลงสื่อสารขึ้นมาและวางไว้ตรงหน้าไรเลธ โดยแสดงรอยยิ้มอันตรายแบบเดียวกัน แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงจากอีกด้านหนึ่งของแมลงสื่อสาร พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าไรเลธจะเป็นคนที่มีความลับมากมายขนาดนี้

“ไรเลธ นี่ฉันเองสแปนไดร์” กองเรือของเซเฟอร์จะไปถึงสาขาที่ 277 ในอีกสองวัน รีบหนีออกไปจากที่นั่น เข้าใจไหม”

"ได้ ฉันเข้าใจแล้ว."

"ฮะ? ทำไมนายถึงพูดแปลกๆ มันเกิดอะไรขึ้นที่นั่น? ทำไมคนอื่นไม่ส่งข้อมูลกลับมาเลย?”

“โจรสลัดเหล่านั้นบุกเข้ามาเผชิญหน้า บางทีคนที่นายจัดไว้อาจได้รับบาดเจ็บ?”

“ไรเลธ แกควรซื่อสัตย์กับฉันไว้จะดีกว่า สมบัติของร็อคส์ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างแกจะได้รับ เซเฟอร์จะมาถึงเร็วๆนี้ อย่าโดนเขาจับได้แล้วกัน”

เสียงนั้นดังขึ้นและสแปนไดร์ก็ตัดการเชื่อมต่อของแมลงสื่อสาร ในขณะนั้นรอยยิ้มที่อันตรายยิ่งกว่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของควีน

“โอ้ ดูเหมือนแกจะยังไม่พูดความจริงเลย”

“ไม่ ไม่ รอก่อน! ฉันแค่ยังพูดไม่จบ! และพวกแกยังไม่ได้ถามอะไรแบบนั้นเลย”

“งั้นตอนนี้แกก็อธิบายอย่างตรงไปตรงมาได้แล้วว่าทำไมถึงติดต่อกับสแปนไดร์ ใครบ้างคนจาก CP9”

สแปนไดร์ พ่อของสแปนดัม ปัจจุบันเป็นหัวหน้าของ CP9 แม้ว่าโลกภายนอกจะรู้เพียงว่ารัฐบาลโลกมี CP1 ถึง CP8 แต่ CP9 และ CP0 ก็ไม่ใช่ความลับสำหรับผู้มีอำนาจ

ควีน ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในทีมวิจัยผิดกฎหมาย ย่อมรู้เรื่องนี้มากพอสมควรอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อเวก้าพังค์ถูกรัฐบาลคัดเลือกโดยบังคับ มันก็เป็นสแปนไดร์เองที่เป็นผู้นำทีมนี้

โจรสลัด หรือจะเป็นโจรสลัดที่เพิ่งออกทะเลไม่นานมานี้ แม้ว่าเขาจะเป็นซุปเปอร์รุกกี้ ที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลโลกและเป็นโจรสลัดรายใหญ่ในเวลาเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ

ภายใต้เงาอันน่าสะพรึงกลัวของคิง ในที่สุดไรเลธก็บอกทุกอย่างได้

เขาเคยถูกจับกุมครั้งหนึ่งก่อนที่จะไปถึงหมู่เกาะชาบอนดี้ เดิมที เขาจะถูกส่งไปที่อิมเพลดาวน์ ซึ่งเป็นคุกขนาดใหญ่ใต้ทะเล แต่เขาได้พบกับสแปนไดร์

หลังจากที่กลุ่มโจรสลัดร็อคส์ถูกกวาดล้างไป ความสงบสุขก็ยังไม่กลับคืนสู่ทะเล ด้วยนโยบายของรัฐบาลโลกในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้ที่โจรสลัดจะถูกกำจัดให้สิ้นซาก สถานการณ์ในทะเลเป็นผลมาจากทัศนคติแบบปล่อยวาง

เดิมทีร็อคส์ทำหน้าที่เป็นโซ่ตรวนอันทรงพลัง บังคับมัดสัตว์ประหลาดในทะเลเข้าไว้ด้วยกัน แต่ความพ่ายแพ้ของเขาทำให้โซ่ตรวนเหล่านั้นหายไปจนหมด

สัตว์ประหลาดส่วนใหญ่ในโลกใหม่ทุกวันนี้เคยเป็นลูกเรือของร็อคส์กันทั้งนั้น หนวดขาว-เอ็ดเวิร์ด นิวเกต ราชสีห์ทองคำ-ชิกิ บิ๊กมัม-ชาร์ล็อตต์ หลินหลิน กัปตันจอห์น หวัง จือ และขวานเงิน พวกเขาได้ยึดครองนิวเวิลด์ไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่ง

พวกเขาไม่กลัวโจรสลัด และไม่กลัวว่าโจรสลัดคนอื่นจะแข็งแกร่งเกินพวกเขาไป สิ่งที่พวกเขากังวลคือจู่ๆ โจรสลัดเหล่านี้จะกลายเป็นคนโง่และทำอะไรบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้ เช่นเดียวกับร็อคในสมัยนั้น ทุกคนรู้เกี่ยวกับความทะเยอทะยานของร็อคส์ แต่ใครจะคิดว่าเขาจะโจมตีเผ่ามังกรฟ้าโดยตรง

เพื่อป้องกันการเผชิญหน้ากับคนบ้าเช่นร็อคส์อีกครั้ง ไซเฟอร์โพลแห่งรัฐบาลโลกจึงเริ่มพยายามสร้างสายลับในหมู่โจรสลัดที่สามารถส่งข้อมูลสถานการณ์เหล่านี้ให้พวกเขาได้อย่างทันท่วงที

นี่เป็นภารกิจดั้งเดิมของไรเลธ นั่นคือการเข้าสู่นิวเวิลด์และเข้าร่วมกับโจรสลัด และส่งข้อมูลกลับเป็นประจำ เงินรางวัลส่วนหนึ่งของเขาได้รับการส่งเสริมโดยแสปนไดร์

สแปนไดร์ไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น แต่เขามีความสัมพันธ์อันทรงพลังในรัฐบาลโลก ท้ายที่สุด เขาสามารถผลักดันสแปนดัม ลูกชายที่ไร้ประโยชน์ของเขาให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้า CP9 ได้

ต่อมา ไรเลธได้พบกับจอห์นในหมู่เกาะชาบอนดี้และถูกบดขยี้อีกครั้ง ในช่วงครึ่งแรกของแกรนด์ไลน์ โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถพึ่งพาความสามารถของผลปีศาจในการควบคุมภูมิภาคได้ และผู้ใช้สายโลเกียยังมีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงอีกด้วย

ในสายตาของผู้ที่เพิ่งออกเดินทางสู่ทะเล สายโลเกียหมายถึงการอยู่ยงคงกระพัน แต่ในนิวเวิลด์ที่มีการแข่งขันสูงขึ้น เมื่อฮาคิกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้คนที่พึ่งพาความสามารถของผลปีศาจเพียงอย่างเดียวจะทนทุกข์ทรมานอย่างหนักได้อย่างง่ายดาย

ด้วยผลหุ่นเชิด ทักษะทางกายภาพของไรเลธจึงไม่ทรงพลังมากนัก ท้ายที่สุดแล้ว หน้ากากของเขาสามารถเลียนแบบความสามารถ และเขายังสามารถใช้งานกองทัพหุ่นเชิดได้อีกด้วย ด้วยความสามารถเหล่านี้และการจัดเตรียมของสแปนไดร์ เขามาถึงครึ่งแรกของแกรนด์ไลน์ได้อย่างราบรื่น

แต่จอห์นทำให้เขาตกใจมาก ทำให้เขาตระหนักถึงความโหดร้ายของโลกโจรสลัด ในขณะนั้น เขารู้สึกเสียใจมากที่เลือกออกทะเลมาเป็นโจรสลัด

อย่างไรก็ตาม จอห์นให้ความสำคัญกับความสามารถในการสวมหน้ากากของเขา ดังนั้นเขาจึงถูกคัดเลือกจากจอห์นด้วย

ในเวลานั้น เขากลัวมาก เขาจึงบอกสแปนไดร์ว่าเขาไม่ต้องการเข้าสู่โลกใหม่ และเขาก็เล่าเรื่องจอห์นด้วย แต่เขาไม่คาดคิดว่าสแปนดีนจะเสนอเงื่อนไขใหม่ให้กับเขา

ตราบใดที่เขาสามารถปลอมตัวไปในหมู่โจรสลัดจอห์นและค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับสมบัติได้ รัฐบาลโลกก็สามารถยกเลิกค่าหัวของเขาและทำให้เขาเป็นพลเมืองที่ชอบด้วยกฎหมายได้อีกครั้ง

มีหลายคนที่ถูกล่อลวงด้วยสมบัติของร็อคส์ รวมถึงรัฐบาลโลกด้วย ท้ายที่สุดแล้ว พวกมันคือสมบัติของกลุ่มโจรสลัดร็อคส์ทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ที่เหรียญทองและเงินเท่านั้นที่จะสามารถสร้างจินตนาการของร็อคส์ได้ ในกรณีที่แย่ที่สุดพวกมันจะต้องเป็นสมบัติไร้ค่า

แต่พวกเขาไม่ได้รับอะไรเลยจากการต่อสู้ใน God Valley ยกเว้นการช่วยเหลือเผ่ามังกรฟ้า เอาชนะร็อคส์ และกำจัดลูกเรือของร็อคส์จำนวนมาก สมบัติของร็อคส์หายไปอย่างไร้ร่องรอย และแม้แต่รัฐบาลโลกก็ไม่สามารถหาได้ว่าสมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ไหน

อย่างไรก็ตาม จากคำสารภาพของโจรสลัดที่รอดชีวิต มีความเป็นไปได้สูงที่ความมั่งคั่งนี้จะอยู่กับจอห์น

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาไม่ได้มองหามันด้วยการประโคมข่าวใหญ่โต เหตุผลแรกคือร่องรอยของจอห์นหาได้ยากเนื่องจากเขามีพลังค่อนข้างมาก และการตามหาเขาทำให้เสียกำลังคนมากเกินไป

เขาเป็นโจรสลัดเพียงคนเดียวในนิวเวิลด์ที่ไม่มีอาณาเขตที่แน่นอน และเขามักจะเดินทางไปตามล่าหาสมบัติหรือปล้นสมบัติอยู่เสมอ

ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติของร็อคส์จำนวนมากยังถูกปล้นมาจากคลังของอาณาจักรพันธมิตรอีกด้วย หากการค้นพบสมบัติของเขากระจายออกไป สมบัติที่เป็นของอาณาจักรจะต้องถูกส่งคืน

แต่หากพวกเขาพบพวกมันอย่างลับๆ ไม่เพียงแต่สมบัติเหล่านั้นจะเป็นของรัฐบาลโลกเท่านั้น แต่สแปนไดร์จะได้รับผลประโยชน์มากมายด้วย ดังนั้นเขาจึงทำข้อเสนอกับสแปนไดร์

เพื่อที่จะกลับมาเป็นคนธรรมดาอีกครั้ง ไรเลธตอบรับคำเชิญของจอห์น

จากนั้นจอห์นก็โจมตีสาขาทหารเรือของเซาท์บลูเป็นการส่วนตัว และให้ไรเลธแปลงร่างเป็นรูปร่างหน้าตาของเขา และเปิดเผยข้อมูลสำหรับการรับสมัครเข้ากองเรือของจอห์น

จอห์นรู้ด้วยว่ามีหลายคนกำลังจับตาดูเขาอยู่ สมบัติของร็อคส์มีมากมายพอที่จะทำให้ใครก็ตามคลั่งไคล้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเงินก็เป็นเพียงสิ่งที่พบบ่อยที่สุดในหมู่พวกเขา

จุดประสงค์ของเขาคือการดึงดูดความสนใจของทุกคน ในขณะที่เขาจะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้เพื่อค้นหาสิ่งเหล่านั้น

ร็อคส์เป็นโจรสลัด ไม่ใช่ธนาคาร เขาไม่ได้นำสมบัติทั้งหมดติดตัวไปด้วยเมื่อเขาล่องเรือ เช่นเดียวกับจินเจ่าแห่งประเทศคาโนะ ซึ่งซ่อนสมบัติทั้งหมดของเขาไว้ในทวีปน้ำแข็งที่เยือกแข็งตลอดกาล

ร็อคจึงนำมันขึ้นเรือไปด้วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น