ตอนที่ 590 การแก้แค้นของเซี่ยเฟย
ตอนที่ 590 การแก้แค้นของเซี่ยเฟย
ในทุก ๆ วันที่เซี่ยเฟยเดินทางไปยังสำนักงานมังกรฟ้าในกลุ่มดาวม้าขาว เขาจะต้องเดินผ่านกระดานรายชื่อยาว ๆ ที่ระบุรายชื่อและคะแนนของผู้สมัครแต่ละคนเอาไว้
กระดานเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะระบุรายชื่อและคะแนนของผู้สมัครแต่ละคนเท่านั้น แต่มันยังมีการระบุภูมิหลังของผู้สมัครแต่ละคนเอาไว้อีกด้วยว่าผู้สมัครคนนั้นมีถิ่นฐานอยู่ในตระกูลไหน ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญมากกว่าคะแนนที่พวกเขาได้รับจากการประเมินเสียอีก
ท้ายที่สุดภายในดินแดนผู้ใช้กฎก็ให้ความสำคัญกับระดับชั้นเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่มาจากตระกูลที่สูงชั้นกว่าจึงรู้สึกดูถูกผู้ที่มาจากตระกูลต่ำชั้นกว่าเป็นเรื่องปกติ
นอกจากนี้การแสดงผลคะแนนในกลุ่มดาวม้าขาวยังใช้วิธีการที่แปลกประหลาดสำหรับเซี่ยเฟยมาก เพราะพวกเขาไม่ได้แสดงคะแนนผ่านทางหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ แต่เป็นการเขียนรายชื่อและคะแนนด้วยลายมือทุกตัวอักษร ซึ่งวิธีการนี้ใช้เวลานานและลำบากกว่าการกรอกข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์มาก แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าผู้คนภายในไฮแลนด์ยังคงยึดติดกับอารยธรรมในระดับดั้งเดิมอยู่
ชื่อของเซี่ยเฟยอยู่อันดับท้ายสุด มันจึงอยู่ใกล้กับกำแพงมากที่สุดและเป็นชื่อที่สะดุดตา นอกจากนี้ในบรรดาผู้สมัครนับหมื่นคนยังมีเขาเพียงคนเดียวที่มีคะแนนต่ำกว่าศูนย์
หัวข้อการประเมินในวันที่ 3 ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า หากผู้สมัครคนไหนวาดรูปไม่เป็นแค่พยายามวาดรูปที่เกี่ยวข้องก็จะได้คะแนนเล็กน้อยถือเป็นคะแนนปลอบใจ แต่เซี่ยเฟยกลับเลือกวาดรูปเต่าน้อยที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อภาพวิวทิวทัศน์ที่ดอกกุหลาบพันปีกำลังส่งกลิ่นหอมเลย เขาจึงได้คะแนนติดลบแทนที่จะได้คะแนนเล็กน้อยกลับมาแทน
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งเซี่ยเฟยและรูดี้ต่างก็มีชื่อเสียในแง่ที่ไม่ดีเหมือน ๆ กัน ทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าผ่านบานประตูพวกเขาจึงกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทันที
“ดูนั่น! เซี่ยเฟยมาแล้ว”
ใครคนหนึ่งในฝูงชนเริ่มส่งเสียงตะโกนก่อนที่คนกลุ่มใหญ่จะมองไปที่เซี่ยเฟยพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“สวัสดี นายคือเซี่ยเฟยที่ได้คะแนนติดลบใช่ไหม?”
คนหลาย ๆ คนเริ่มเดินเข้ามาทักทายเซี่ยเฟยทีละคน โดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะรู้จักกันหรือไม่ และการกระทำของพวกเขาก็ก่อให้เกิดบรรยากาศอันขบขันสำหรับเหล่าบรรดาผู้ที่กำลังรับชมเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่
ในเวลาเดียวกันรูดี้ก็แสดงท่าทีออกมาอย่างไม่พอใจ ท้ายที่สุดเหตุการณ์เมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกชื่นชมเซี่ยเฟยมาก เมื่อคนพวกนี้เริ่มหัวเราะเยาะสหายเขาจึงพร้อมที่จะหาเรื่องทุกคนได้ทุกเมื่อ
“เดี๋ยวก่อนนะ นายคือรูดี้จากธนาคารซิงเย่ใช่ไหม?”
“รูดี้? คนที่ปฏิเสธซื่อหลานอี้ไปน่ะเหรอ?”
“คนอะไรสาว ๆ สวย ๆ มีให้ชอบก็ไม่ชอบ แต่กลับไปชอบแม่เจ้าสาวซะอย่างงั้น”
“พวกเขาทั้งคู่เป็นพวกคนที่มีนิสัยแปลก ๆ เหมือนกันสินะ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ด้วยกันได้”
เซี่ยเฟยไม่เคยคาดคิดเลยว่าเมื่อมันมีคนเอ่ยชื่อรูดี้ออกมา ชายหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้จะถูกหัวเราะเยาะมากกว่าตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ดึงรูดี้เข้าไปด้านในอาคารโดยไม่สนใจคำถากถางของคนเหล่านั้น
“ซื่อหลานอี้เป็นอดีตคู่หมั้นของฉันเอง แต่ฉันคิดว่าแม่ของเธอสวยกว่า”
ครั้งหนึ่งคำอธิบายเช่นนี้ของรูดี้เคยทำให้ผู้คนเป็นจำนวนมากพูดไม่ออก แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายว่าเมื่อซื่อหลานอี้ได้ยินประโยคนี้ เธอย่อมเป็นคนเลือกจบงานแต่งงานในครั้งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เซี่ยเฟยเพียงแค่เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร เพราะเขาไม่ชอบเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นและก็ไม่ชอบให้ใครคนอื่นเข้ามายุ่งเรื่องของเขาด้วยเหมือนกัน
—
อาคารสำนักงานมังกรฟ้ามีขนาดใหญ่มากและกว่าที่เซี่ยเฟยกับรูดี้จะเดินทางมาจนถึงสถานที่จัดงานประเมิน พวกเขาก็ถูกวิจารณ์จากคนอื่นตลอดทาง
เรื่องซุบซิบนินทามักจะแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงแค่ไม่นาน ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่จึงรู้เรื่องของรูดี้ที่แอบชอบแม่ของเจ้าสาวจนทำให้งานแต่งของเขาล่มลงมาแล้วครั้งหนึ่ง
“นายทำเป็นไม่ได้ยินคำเยาะเย้ยจากคนพวกนั้นได้ยังไง?” รูดี้ถามอย่างสงสัยเมื่อได้เห็นว่าเซี่ยเฟยยังคงนิ่งเฉย
“ถ้าฉันทนไม่ได้แล้วยังไงล่ะ? ฉันต้องออกไปทะเลาะกับพวกเขาทุกคนเลยรึไง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับพร้อมกับยักไหล่
“นายกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ ฉันไม่เชื่อว่านายจะไม่มีแผนแก้แค้นคนพวกนั้น?” อันธกล่าวถาม
“รอดูไปก่อนเถอะ วันนี้จะต้องเป็นวันที่สนุกมากแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับอันธด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มนี้ถึงกับทำให้อันธชะงักไปเล็กน้อย เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ชายหนุ่มได้เผยรอยยิ้มเช่นนี้ออกมา มันจะต้องมีใครบางคนชะตาขาดอย่างแน่นอน
“คราวนี้นายเล็งใครไว้?”
“ทุกคน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบเบา ๆ
—
เมื่อถึงเวลานัดหมายอาคารประเมินก็ปิดประตูลงทำให้ผู้สมัครที่มาสายไม่สามารถจะเข้ามาในอาคารได้ ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามกรีดร้องขอความเมตตาแค่ไหนก็ตาม
หลังจากนับจำนวนคนแล้วเจ้าหน้าที่ก็ทำการเปิดประตูมิติให้ทุกคนเดินทางไปยังห้องสอบ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกับเมื่อ 3 วันก่อน
ไม่กี่นาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็ปรากฏตัวในสถานที่จัดงานประเมิน เพียงแต่ว่าครั้งนี้การประเมินจัดในสถานที่โล่งแตกต่างจาก 3 วันก่อนซึ่งเป็นเหมือนห้องสอบที่ปิดทึบ
เมื่อมองไปในระยะไกลเขาก็ได้พบกับกรงโลหะที่คุมขังสัตว์อสูรอยู่ทั่วทั้ง 1 ตารางกิโลเมตร และสัตว์อสูรพวกนี้ก็กำลังพยายามส่งเสียงร้องคำรามออกมาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อผู้สมัครทุกคนเดินทางมาครบแล้ว ทันใดนั้นพื้นโลหะทรงกลมก็ลอยขึ้นไปเหนือพื้นเผยให้เห็นชายคนหนึ่งที่มีลักษณะท่าทางเหมือนคนป่าทั่วทั้งร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยขนสีดำ ส่วนหญิงสาวข้าง ๆ เขานั่นก็คือหัวหน้ากรรมการชิลลี่ผู้ซึ่งปรากฏตัวในสวนน้ำหอมเมื่อคืนวานนี้
การปรากฏตัวของชิลลี่ทำให้ดวงตาของรูดี้เปล่งประกายด้วยความสดใส แสดงให้เห็นว่าเขายังไม่ยอมแพ้กับหญิงสาวผู้เหี้ยมโหดคนนี้
“นี่คือหัวหน้ากรรมการการสอบรอบแรกชื่อว่าชิลลี่ ส่วนฉันเคดิร่าผู้รับผิดชอบการประเมินในหัวข้อควบคุมสัตว์อสูรในวันนี้”
“กฎของการประเมินควบคุมสัตว์อสูรเป็นการประเมินที่ง่ายมาก ตราบใดก็ตามที่พวกคุณสามารถปราบสัตว์อสูรในกรงได้ พวกคุณก็จะผ่านการทดสอบไปได้อย่างง่ายดาย ส่วนคะแนนที่พวกคุณจะได้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่พวกคุณใช้และระดับของสัตว์อสูรที่อยู่ในกรง”
ทันใดนั้นร่างของเคดิร่าก็หายไปก่อนที่เขาจะปรากฏตัวในกรงเพื่อเผชิญหน้ากับนกตัวใหญ่ที่มีจะงอยปากแหลมและมีท่าทางอันดุร้าย
“นั่งลง” เคดิร่าสะบัดมือพร้อมกับส่งเสียงร้องคำราม
เสียงของชายคนนี้ดังสนั่นราวกับฟ้าร้องจนทำให้นกตัวนั้นรีบนั่งลงไปกับพื้น พร้อมกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
เหตุการณ์นี้ทำให้เหล่าบรรดาผู้สมัครแอบยกย่องเคดิร่าอยู่ภายในใจ เพราะเขาสามารถทำให้ราชาสัตว์อสูรยอมจำนนภายใต้ประโยคเดียว
“หากใครทำได้ในระดับเดียวกับฉัน พวกคุณก็เอาคะแนนเต็มวันนี้ไปเลย” เคดิร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เอาล่ะพวกเราได้เตรียมกรงขังสัตว์อสูรเอาไว้ทั้งหมด 120 กรง ซึ่งมันมีสัตว์อสูรระดับสูงต่ำปะปนกันไป ส่วนใครจะถูกส่งไปที่กรงไหนมันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกคุณแล้ว”
“จำเอาไว้ในขั้นตอนการปราบสัตว์อสูรห้ามทำร้ายพวกมันเด็ดขาด ถ้าหากใครแตะต้องสัตว์อสูรแม้แต่เพียงนิดเดียวฉันจะให้ 0 คะแนนกับคนนั้นในทันที และถ้าหากว่าใครกล้าทำร้ายสัตว์อสูรในกรง ฉันจะหักคะแนนคนคนนั้น 100 คะแนน ฉันหวังว่าในการทดสอบนี้คงจะไม่มีใครได้รับคะแนนติดลบเพิ่มหรอกนะ”
คำอธิบายของเคดิร่าทำให้ผู้สมัครส่วนใหญ่ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาในทันที เพราะเห็นได้ชัดว่าคนที่มีคะแนนติดลบที่เขียนเคดิร่ากำลังพูดถึงนั่นก็คือเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยยังคงยิ้มให้กับท่าทางถากถางของทุกคน แต่ภายในใจของเขากำลังแอบกำหมัดอยู่อย่างเงียบ ๆ
‘พวกแกหัวเราะไปก่อนเถอะ อีกไม่นานฉันจะทำให้พวกแกทุกคนต้องร้องไห้!’
“เอาล่ะทุกคนเงียบได้แล้ว จำเอาไว้ว่าวิธีการปราบสัตว์อสูรที่ถูกต้องไม่ใช่การทำร้ายแต่เป็นการกำราบด้วยแรงกดดัน พวกสัตว์อสูรมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อแรงกดดันมาก ตราบใดก็ตามที่พวกคุณสร้างแรงกดดันที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ พวกมันก็จะยอมจำนนต่อพวกคุณแต่โดยดี”
“ทุกคนเลิกพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว ฉันขอประกาศเริ่มการประเมินในวันนี้ ผู้ที่ถึงคิวประเมินจะถูกส่งตัวเข้าไปในกรงสัตว์อสูรโดยอัตโนมัติ”
หลังจากพูดจบเคดิร่าก็เดินกลับไปยืนเคียงข้างกับชิลลี่เพื่อคอยดูการประเมินที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปากก่อนที่เขาจะหลับตาลงทำสมาธิอย่างเงียบ ๆ ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งของเขาก็ยกขึ้นมาแตะบริเวณหน้าอก พร้อมกับออกคำสั่งบอกขนอุยที่อยู่ตรงบริเวณหน้าอกของเขาว่า
“พวกเรามาเริ่มกันเลย เป้าหมายของเราในวันนี้คือการสร้างความปั่นป่วนให้กับทุกคน ห้ามให้ใครเจอกับบททดสอบง่าย ๆ เป็นอันขาด”
มนตราอสูร!
คลื่นพลังจิตแผ่ออกมาจากสมองของเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานคลื่นพลังของเขาก็ล้อมรอบพื้นที่ประเมินเอาไว้ทั้งหมด
โฮก!!
ความรู้สึกไม่ปลอดภัยถูกส่งเข้าไปในจิตใจของสัตว์อสูรทุกตัวในทันที ทำให้สัตว์อสูรภายในกรงถูกกระตุ้นให้ออกอาการบ้าคลั่ง มันจึงทำให้บรรยากาศที่เคยเงียบสงบเต็มไปด้วยเสียงร้องคำรามจากสัตว์อสูรทุกตัว
สัตว์อสูรทั้ง 120 ตัวกำลังคลั่งทุกตัวแล้ว!
ดวงตาของพวกมันกำลังเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเลือด และภายใต้การกระตุ้นของวิชามนตราอสูรพวกมันจึงกำลังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่มีอันตรายถึงชีวิต
สัตว์อสูรทุกตัวต่างก็ล้วนแล้วแต่มีสัญชาตญาณที่เฉียบคม ดังนั้นเมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงอันตรายที่รุนแรง พวกมันจึงพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้
ปัง ๆ ๆ
หมีขนทองร้องคำรามขึ้นมาดังสนั่นพร้อมกับเริ่มทุบกรงอย่างสิ้นหวัง ราวกับว่ามันต้องการจะหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ในเวลาเดียวกันกับที่สัตว์อสูรทุกตัวกำลังส่งเสียงร้องคำรามอยู่นั้น ขนอุยก็เริ่มส่งเสียงร้องคำรามออกมาเหมือนกัน จนทำให้ไม่มีใครสามารถแยกเสียงร้องคำรามของเจ้าตัวน้อยออกจากเสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ได้
แต่สำหรับเหล่าบรรดาสัตว์อสูรที่มีประสาทสัมผัสอันเฉียบคมเป็นกรณีที่แตกต่างกันออกไป เพราะพวกมันสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังกำลังพยายามขับไล่พวกมันออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ถ้าหากว่าพวกมันไม่รีบหนีออกไปในทันที มันก็หมายความว่าพวกมันต้องพร้อมที่จะยอมรับความตาย
สัญชาตญาณเอาตัวรอดของสัตว์อสูรแข็งแกร่งมาก แล้วพวกมันก็ถูกกระตุ้นด้วยวิชามนตราอสูรและเสียงร้องของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พวกมันจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดออกไปจากสถานที่ที่น่ากลัวแห่งนี้
เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็หน้าซีดเผือด แต่น่าเสียดายที่การประเมินได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าใครจะรู้สึกหวาดกลัวหรือไม่ แต่ผู้สมัครชุดแรกทั้ง 120 คนก็ถูกส่งเข้าไปภายในกรงทันที
เหล่าบรรดาสัตว์อสูรที่กำลังสัมผัสได้ถึงอันตรายรีบกระโจนเข้าใส่ผู้สมัครอย่างบ้าคลั่ง โดยพวกมันได้คิดว่าผู้สมัครทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรู
“แม่จ๋า ช่วยด้วย!!”
“ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไม่สอบแล้ว บททดสอบนี้มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว”
เสียงของผู้สมัครเริ่มกรีดร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
“นายรู้แล้วหรือยังว่าทำไมฉันถึงไม่แสดงท่าทีอะไรในขณะที่พวกมันกำลังหัวเราะฉัน” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“นั่นก็เพราะว่านายมีแผนการแก้แค้นอยู่ในใจแล้วสินะ” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะมาเบา ๆ
“ใช่ พวกมันควรจะได้รู้ว่าการที่พวกมันมาหัวเราะฉัน จะทำให้พวกมันต้องพบเจอกับอะไร”
***************
จะมีคนรอดตายไหมเนี่ย! พี่เฟยแก้แค้นโคตรโหด!!