ตอนที่แล้วตอนที่ 587 การเปลี่ยนแปลงของบลัดบิวเทียส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 589 บททดสอบที่ซ่อนอยู่

ตอนที่ 588 -10 คะแนน


ตอนที่ 588 -10 คะแนน

กลุ่มดาวม้าขาวเป็นสถานที่อยู่อาศัยของตระกูลชั้นยอดทั้งหมดภายในดินแดนผู้ใช้กฎ มันจึงไม่ใช่เรื่องกล่าวเกินจริงหากจะพูดว่าผู้ที่สามารถอาศัยอยู่ในกลุ่มดาวม้าขาวได้นั้น ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นสูงของดินแดนผู้ใช้กฎด้วยกันทุกคน

เมื่อเซี่ยเฟยมองไปรอบ ๆ เมืองซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เขาก็ได้พบว่าอาคารต่าง ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาคารที่ไม่สูงใหญ่นัก แม้กระทั่งอาคารบริเวณใจกลางเมืองก็ยังเป็นอาคารที่ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย คล้ายกับว่าเขาได้หลุดไปอยู่ในยุคโบราณที่ยังไม่มีตึกสูงมาคอยบังวิวทิวทัศน์บนฟากฟ้า

นอกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วในฝูงชนยังมีเผ่าพันธุ์อื่น ๆ อีกอย่างมากมาย ซึ่งเซี่ยเฟยไม่เคยเห็นสถานที่แห่งไหนรวบรวมเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญามากขนาดนี้มาก่อน ถึงขนาดที่บางเผ่าพันธุ์มีลักษณะท่าทางเหมือนตัวทากหัวโตเดินอย่างองอาจอยู่กลางถนน และทุกที่ที่ตัวทากตัวนี้เดินผ่านไปก็จะมีรอยของเหลวเปรอะเปื้อนบนพื้นดินที่ส่องแสงระยิบระยับ ขณะที่บางเผ่าพันธุ์ก็มีขนาดลำตัวที่เล็กมากและถ้าหากว่าใครไม่ระมัดระวังก็อาจจะเหยียบเผ่าพันธุ์คนตัวเล็กเหล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจได้เลย

มู่ฟู่ผิงคอยเดินเคียงข้างเซี่ยเฟยโดยพยายามไม่รบกวนชายหนุ่มเลย ซึ่งในบางครั้งเธอก็จะคอยแนะนำเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ให้เขาได้ฟังว่าผู้คนเหล่านั้นมาจากเผ่าพันธุ์อะไร ตลอดจนเหล่าบรรดาวัฒนธรรมที่ผู้คนได้ใช้ในกลุ่มดาวม้าขาว

“นั่นคุณหนูมู่ฟู่ผิงจากตระกูลวิทเทอร์ไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันก็จำเธอได้เหมือนกัน ว่าแต่เธออยู่กับใคร?”

“ไม่รู้สิ แต่เขาดูไม่เหมือนคนจากตระกูลมู่เลยและเขาก็ไม่มีสัญลักษณ์ของตระกูลอะไรติดอยู่ที่บริเวณหน้าอกด้วย”

“พวกเขากำลังอยู่ใกล้ ๆ กับประตูมิติจากโลว์แลนด์ อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นมาจากตระกูลชั้นต่ำ?”

“ตระกูลชั้นต่ำ? ถึงแม้คุณหนูมู่ฟู่ผิงจะค่อนข้างมีนิสัยแปลกประหลาดไปบ้าง แต่เธอก็คงจะไม่คิดสั้นถึงกับขนาดลงไปเกลือกกลั้วกับพวกชั้นต่ำหรอกนะ”

การปรากฏตัวของมู่ฟู่ผิงค่อนข้างที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างมากมาย และมันก็ทำให้พวกเขาเริ่มสงสัยถึงตัวตนของเซี่ยเฟยที่เดินอยู่เคียงข้างกับคุณหนูตระกูลวิทเทอร์

คำวิจารณ์จากคนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาทำให้มู่ฉิงปิงกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังซุบซิบนินทาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด

ทันใดนั้นเองหยูเสี่ยวเป่ยก็เดินทางผ่านประตูมิติมายังเมืองแห่งนี้ และถึงแม้ว่าเขาจะออกเดินทางเร็วกว่าเซี่ยเฟยแต่เขากลับเดินทางมาถึงช้ากว่าเซี่ยเฟยมากพอสมควร ยิ่งเมื่อเขาได้เห็นเซี่ยเฟยเดินผ่านประตูมิติไปพร้อมกับมู่ฟู่ผิงมันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอิจฉาจนแทบจะเป็นบ้า

เซี่ยเฟยพยักหน้าให้หยูเสี่ยวเป่ยเป็นการทักทาย แต่อีกฝ่ายกลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นก่อนที่จะเดินจากไปโดยไม่คิดที่จะทักทายเลยแม้แต่นิดเดียว

เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่ยักไหล่ให้กับความหยิ่งยโสของชายหนุ่มคนนี้ ก่อนที่เขาจะหันไปคุยกับมู่ฟู่ผิงที่อยู่ด้านข้างว่า

“ผมต้องขอบคุณคุณหนูมู่มากที่คอยดูแลผมเป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วผมก็คงต้องขออนุญาตขอตัวไปก่อน”

“ฉลาดดีนี่ แต่นายน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าการยืนอยู่เคียงข้างพี่สาวฉันบนท้องถนนแบบนี้ มันจะทำให้คนอื่นมองพวกฉันในแง่ที่ไม่ดี” มู่ฉิงปิงพึมพำขึ้นมาอย่างเย็นชา

เซี่ยเฟยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเพราะเขาไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับสาวน้อยคนนี้ ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ต้องการจะเข้าใกล้มู่ฟู่ผิงด้วยตัวเอง แต่อีกฝ่ายเป็นคนเดินเข้ามาหาเขาก่อนเองต่างหาก ซึ่งในความเป็นจริงเขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้กำลังสร้างความลำบากให้กับเขาอยู่ด้วยซ้ำ

“ถึงยังไงฉันก็ต้องเข้าร่วมงานชุมนุมอยู่แล้ว ทำไมพวกเราไม่ไปที่งานพร้อมกันล่ะ?” มู่ฟู่ผิงกล่าว

“คุณหนูมู่ เมื่อกี้คุณก็น่าจะเห็นว่าพวกคนบนท้องถนนมองมาที่ผมด้วยสายตายังไง ถ้าผมยังอยู่กับคุณต่อไปบางทีผมอาจจะตกเป็นเป้าหมายแรกของพวกเขาในระหว่างการประเมินก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

มู่ฟู่ผิงยังค่อนข้างจะขาดประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง เธอเพียงแค่คิดว่าอยากจะตอบแทนบุญคุณเซี่ยเฟยที่ช่วยเหลือเธอ แต่เธอไม่คิดว่าการที่เธอทำแบบนี้มันจะสามารถสร้างปัญหาให้กับเซี่ยเฟยได้เหมือนกัน

ในที่สุดหลังจากได้รับฟังเหตุผล มู่ฟู่ผิงก็พยักหน้าให้กับชายหนุ่มอย่างไม่เต็มใจ

แต่ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะก้าวเท้าออกไปอยู่นั่นเอง เขาก็หันกลับมาเพื่อต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดหลังจากที่เขาลังเลอยู่ 2-3 วินาทีเขาก็เลือกที่จะโค้งคำนับและเดินจากไปโดยไม่ได้ถามคำถามอะไร

“เมื่อกี้นายจะพูดอะไร?” อันธถามด้วยความสงสัย

“ฉันแค่อยากจะรู้ว่าทำไมคนจากตระกูลเธอถึงมองฉันอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรมากนัก ฉันเลยอยากถามว่าเธอได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าว

“แล้วทำไมไม่ถามล่ะ?”

“ตอนนี้ฉันคิดว่าเราควรจะซ่อนตัวให้เร็วที่สุดน่าจะดีกว่า ถึงแม้ว่าฉันจะเข้าใจว่าปัญหามันเกิดขึ้นจากอะไร แต่ฉันก็คงไม่สามารถไปจัดการปัญหาเรื่องนั้นได้อยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

ท้ายที่สุดบนถนนก็มีกลุ่มคนที่ติดสัญลักษณ์ของตระกูลโนอาร์กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่ ที่สำคัญคือแววตาของคนเหล่านั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นแววตาที่ไม่เป็นมิตร

“เฮ้อ! ฉันคงไม่ถูกโฉลกกับผู้หญิงจริง ๆ สินะ” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เดินทางไปยังสถานที่ลงทะเบียนได้อย่างราบรื่น โดยสถานที่ลงทะเบียนเป็นคฤหาสน์ที่ค่อนข้างหรูหรามีคิวยาวต่อออกมาจากประตู และมีคำว่ามังกรฟ้าเขียนอยู่บนประตูอย่างโดดเด่น

เมื่อไม่มีมู่ฟู่ผิงอยู่เคียงข้างเซี่ยเฟยก็เดินไปเข้าแถวตามปกติ และเมื่อเขาได้มองไปยังด้านข้างเขาก็ได้พบกับสมาชิกของตระกูลใหญ่อื่น ๆ กำลังเดินผ่านอีกประตูบานหนึ่งไปโดยไม่จำเป็นจะต้องต่อคิว

นี่คือความต่างชั้นของดินแดนผู้ใช้กฎ เพราะเพียงแค่สิทธิพิเศษของตระกูลในกลุ่มดาวม้าขาว มันก็ทำให้พวกเขาสามารถประหยัดเวลาไม่ต้องมาต่อแถวจัดการเรื่องต่าง ๆ ในระหว่างการลงทะเบียน

นอกจากนี้สมาชิกจากตระกูลใหญ่ทุกคนต่างก็ติดสัญลักษณ์ของตระกูลตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งอันที่จริงเซี่ยเฟยก็สามารถติดตราสัญลักษณ์ของตระกูลหยูบนหน้าอกของตัวเองได้เหมือนกัน แต่ถ้าหากว่าเขาหยิบมันขึ้นมาติดจริง ๆ มันก็คงจะเรียกสายตาดูหมิ่นจ้องมองมาที่เขามากขึ้นกว่าเดิม

ท้ายที่สุดตระกูลหยูก็ถือว่าเป็นตระกูลขนาดเล็กมากจนไม่สามารถขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ไฮแลนด์ได้ การติดตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลจึงเป็นเหมือนกับสิทธิพิเศษสำหรับเหล่าบรรดาลูกหลานจากตระกูลขนาดใหญ่เท่านั้น

“ดูเหมือนตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลสามารถส่งสมาชิกเข้าร่วมงานชุมนุมได้เป็น 100 คนเลยนะเนี่ย!” เซี่ยเฟยพึมพำระหว่างที่เขากำลังสังเกตกลุ่มนักรบของตระกูลต่าง ๆ

“เก้าตระกูลชั้นยอดจะได้รับสิทธิ์ส่งสมาชิกเข้าร่วมงานชุมนุมได้แต่ตระกูลละ 99 คน ดังนั้นถึงแม้ว่าสมาชิกในตระกูลของพวกเขาจะไม่ใช่สมาชิกที่มีความโดดเด่นมากนัก แต่คนเหล่านั้นก็ยังสามารถเข้าร่วมงานชุมนุมได้อย่างง่ายดาย คนจากโลว์แลนด์อย่างเราคงจะไปเปรียบเทียบกับพวกเขาไม่ได้หรอก” ชายผู้ถือพัดขนนกด้านหน้าของเซี่ยเฟยอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ฉันชื่อรูดี้”

“เซี่ยเฟย”

ช่วงเวลาในระหว่างรอต่อคิวค่อนข้างน่าเบื่อ เซี่ยเฟยจึงได้สนทนากับชายหนุ่มที่ชื่อว่ารูดี้ในระหว่างที่แถวกำลังขยับไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ

“ทำไมฉันถึงไม่เห็นนักสู้จากเผ่าพันธุ์อื่นมาลงทะเบียนเลยล่ะ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“งานชุมนุมนี้เป็นงานชุมนุมสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยเฉพาะ ส่วนพวกเผ่าพันธุ์อื่นก็จะมีงานชุมนุมเป็นของตัวเอง นี่นายไม่รู้เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?” รูดี้กล่าวถามพร้อมกับมองเซี่ยเฟยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ความจริงแล้วฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไปอย่างใจเย็น

“กลุ่มมังกรฟ้ามีขนาดใหญ่มากและโดยปกติจะมีการจัดงานชุมนุมทุก ๆ 3 ปี งานชุมนุมในกลุ่มดาวม้าขาวเป็นเพียงการทดสอบขั้นต้นเท่านั้น หลังจากจบการทดสอบรอบนี้ผู้ที่ผ่านการทดสอบจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ จะต้องไปรวมตัวกันเพื่อทำบททดสอบในขั้นตอนต่อไป” รูดี้โบกพัดในมือ 2-3 ครั้งก่อนที่จะกล่าวอธิบายขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“งานชุมนุมนี้มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม

“ดีไม่ดีนายก็ลองคิดดูสิว่าทำไมสมาชิกจาก 9 ตระกูลชั้นยอดถึงต้องพยายามมาเข้าร่วมงานชุมนุมนี้ด้วย ถ้ามันไม่ดีจริงพวกเขานอนอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ดีกว่าเหรอ?”

“ฉันไม่รู้นะว่านายคิดยังไง แต่ฉันแค่เดินทางมาที่นี่พอเป็นพิธีเท่านั้นแหละ พ่อของฉันยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อสิทธิ์นี้มา ฉันจะได้ถูกคนอื่นเข้าใจว่าฉันคือผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมงานชุมนุม และในอนาคตฉันก็คงจะหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยได้ง่ายมากขึ้น” รูดี้กล่าวอย่างสบาย ๆ ตามสไตล์คุณชายเจ้าสำราญ

เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ กับท่าทางของคุณชายคนนี้ และเมื่อเขาได้พิจารณาจากนิ้วที่บอบบางของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็สามารถบอกได้เลยว่ารูดี้ไม่ได้ฝึกซ้อมการต่อสู้บ่อยมากนัก

หลังจากลงทะเบียนได้สำเร็จเซี่ยเฟยก็ได้รับกระดาษคู่มือมา 1 แผ่น และกว่าที่เขาจะจัดการกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นเวลาก็ได้ล่วงเลยมาจนถึงตอนเย็นแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้มองไปยังกระดาษบาง ๆ ภายในมือ เขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความเคร่งเครียด

“บททดสอบแรกคือการทดสอบคณิตศาสตร์เนี่ยนะ!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าการประเมินของกลุ่มนักสู้ชั้นยอดจะเริ่มต้นด้วยการทดสอบความรู้ทางคณิตศาสตร์แบบนี้

“นั่นนายมัวทำอะไรอยู่ เดี๋ยวคืนนี้ฉันเป็นเจ้ามือเอง พวกเราไปเที่ยวกันเถอะ!” รูดี้กล่าวโดยไม่สนใจ ก่อนที่จะโยนกระดาษคู่มือทิ้งไปทันทีโดยไม่คิดที่จะเปิดดูเนื้อหาภายในด้วยซ้ำ

“ทำไมมันถึงต้องมีการทดสอบคณิตศาสตร์ด้วยเนี่ย?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ ซึ่งทันทีที่คำพูดของเขาจบลงมันก็มีเสียงถอนหายใจเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้นมาจากพื้นที่บริเวณโดยรอบ ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่ามันจะมีนักสู้อีกหลาย ๆ คนที่ไม่ชอบคณิตศาสตร์เหมือนกับเขา

“ฉันว่ามันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่หรอกมั้ง ฉันเคยได้ยินมาว่ามีอยู่ปีหนึ่งมันมีการทดสอบเย็บผ้าด้วย”

“กลุ่มมังกรฟ้ามันเป็นกลุ่มยังไงกันแน่ ทำไมพวกเขาถึงต้องทดสอบเรื่องไร้สาระแบบนั้นด้วยวะ?”

“จบแล้ว มันจบแล้ว แค่การทดสอบ 7 วิชาแรกฉันก็ไม่มีสิทธิ์จะผ่านการทดสอบในครั้งนี้แล้ว”

คืนนี้เซี่ยเฟยไม่ได้ออกไปเที่ยวกับรูดี้ แต่ใช้เวลาในโรงแรมเพื่อทบทวนความรู้ทางคณิตศาสตร์

วันต่อมาชายหนุ่มก็เดินทางไปทดสอบตามกำหนดการที่ระบุเอาไว้ แต่หลังจากที่เขาได้รับคำถามแล้วเขาก็วางปากกาทิ้งลงทันที เพราะเขาไม่สามารถทำความเข้าใจโจทย์คณิตศาสตร์พวกนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

แน่นอนว่าในคืนนั้นเซี่ยเฟยย่อมได้รับ 0 คะแนนไปโดยปริยาย

เช้าวันที่ 3 ของกลุ่มดาวม้าขาวเป็นการทดสอบดนตรี ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยเฟยแทบที่จะกระอักเลือดออกมาด้วยความไม่เข้าใจ

งานชุมนุมนักรบต้องมาทดสอบดนตรีเนี่ยนะ!

ในวันที่ 4 เป็นการทดสอบวิชาศิลปะ ซึ่งเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่าเขาจะวาดอะไรลงในกระดาษคำตอบนี้ เขาจึงวาดเต่าตัวน้อย ๆ ก่อนที่จะส่งกระดาษคำตอบไป

อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ตระหนักว่าความจริงแล้วเขาควรส่งกระดาษเปล่าไปจะดีกว่า เพราะเต่าตัวน้อยของเขาทำให้เขาได้รับคะแนนติดลบ 10 คะแนน

หลังจากรวมคะแนน 3 วัน คะแนนของเซี่ยเฟยก็อยู่ในอันดับสุดท้าย นอกจากนี้คะแนนของเขายังโดดเด่นมากเพราะเขาคือผู้เข้าร่วมการประเมินคนเดียวที่มีคะแนนติดลบ

“ดูนั่น! มีคนได้คะแนนติดลบด้วย”

ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นคะแนนติดลบของเซี่ยเฟย และถึงแม้คะแนนของคนส่วนใหญ่จะไม่ได้ดีกว่าชายหนุ่มมากนัก แต่อย่างน้อยคะแนนของพวกเขาก็ยังไม่มีเครื่องหมายติดลบ

มู่ฟู่ผิงที่ซ่อนตัวท่ามกลางฝูงชนเผยสีหน้าออกมาอย่างน่าเกลียด เพราะเธอแอบมาตรวจสอบคะแนนของเซี่ยเฟยที่นี่ทุกวัน แต่ผลลัพธ์ที่เธอได้รับกลับไปกลับมีแต่ความผิดหวังในทุก ๆ วันที่เธอเดินทางมาที่นี่

“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้บ้าเซี่ยเฟยสร้างสถิติคะแนนติดลบในงานชุมนุมมังกรฟ้างั้นเหรอ? นี่ถ้าฉันเป็นเขาฉันจะรีบหนีกลับไปไม่ให้ตัวเองต้องอับอายไปมากกว่านี้” มู่ฉิงปิงหัวเราะอย่างสะใจหลังจากได้เห็นคะแนนของเซี่ยเฟย

“ตอนนี้เซี่ยเฟยอยู่ที่ไหน? ถ้าหากคะแนนของเขายังเป็นแบบนี้ต่อไป มันคงจะไม่ดีต่อการทดสอบในรอบต่อไปแน่ ๆ” มู่ฟู่ผิงกล่าวถาม

“เอ่อ... ตอนนี้เซี่ยเฟยกับรูดี้เดินทางไปที่สวนน้ำหอมครับ” ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านหลังมู่ฉิงปิงกล่าวตอบขึ้นมาอย่างลังเล

“สวนน้ำหอม? สวนน้ำหอมคือที่ไหน?” มู่ฟู่ผิงถามด้วยความสงสัย ขณะที่สีหน้าของมู่ฉิงปิงได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเรียบร้อยแล้ว

“เอ่อ… มันคือสถานที่ที่เอาไว้สำหรับการสังสรรค์ครับ”

“นี่เขายังจะมีอารมณ์สังสรรค์อยู่อีกงั้นเหรอ? พวกเรารีบไปหาเขากันเถอะ” มู่ฟู่ผิงบ่นออกมาเล็กน้อย

“ไม่ได้ครับ สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่สำหรับผู้ชาย คุณหนูจะไปที่นั่นไม่ได้อย่างเด็ดขาด!” ชายฉกรรจ์ผู้ซึ่งได้รับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดของมู่ฟู่ผิงรีบห้ามปรามอย่างตื่นตระหนก

***************

ห้ามขนาดนี้รู้เลยว่าสวนน้ำหอมคือร้านอะไร 555555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด