ตอนที่ 586 พินาศ
ตอนที่ 586 พินาศ
ปัจจุบันรูปลักษณ์ของบลัดบิวเทียสไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีเวลาที่จะตรวจสอบมันในตอนนี้ เขาจึงต้องรีบเก็บมันเอาไว้ในแหวนมิติแล้วใช้นิ้วกดลงไปยังปุ่มสีแดง
ปิ้ว!
อุปกรณ์ป้องกันยิงลำแสงเข้ามาใส่เซี่ยเฟยเพื่อส่งตัวเขากลับไปยังเมืองอีกาดำ อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในมิตินี้จะส่งผลกระทบต่อโลกภายนอกด้วยหรือเปล่า
—
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับผลักก้อนอิฐเหนือศีรษะออกไป ก่อนที่เขาจะได้พบว่าพื้นที่ในบริเวณนี้กลายเป็นเพียงแค่ซากปรักหักพัง
เมื่อสำรวจพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณเซี่ยเฟยก็เริ่มคาดเดาได้แล้วว่าความพินาศของเมืองอีกาดำอาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เขาทำในช่องว่างมิติ
“ทำไมปราสาทนี้มันเปราะบางจังวะ”
เซี่ยเฟยพยายามปัดฝุ่นตามร่างกายขณะพบว่ากำลังมีกลุ่มคนเป็นจำนวนมากจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เยาะเย้ย
“เซี่ยเฟย ทำไมนายถึงถูกฝังไปแบบนั้น?” หยูเผิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ความหมายของอีกฝ่ายถูกสื่อออกมาอย่างชัดเจน เพราะท้ายที่สุดมันก็อย่าลืมว่าเซี่ยเฟยคือผู้ใช้พลังพิเศษสายความเร็ว และการที่เขาไม่สามารถหลบหนีออกมาจากปราสาทที่กำลังพังทลายได้ มันก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าอับอายสำหรับเขาจริง ๆ
เมื่อชายหนุ่มพยายามสังเกตทุกคนโดยละเอียด เขาก็พบว่านอกจากตัวเขาเองที่ร่างกายเปื้อนไปด้วยฝุ่น มันก็ไม่มีใครมีสภาพที่น่าสังเวชเหมือนกับเขาเลย คล้ายกับว่าคนทุกคนสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างทันท่วงที
“พอดีว่าผมกำลังจดจ่ออยู่กับการฝึก ผมเลยไม่ทันได้สังเกต…” เซี่ยเฟยพยายามแก้ตัวขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด
“นี่น่ะเหรอคนที่จะไปร่วมงานชุมนุมมังกรฟ้าพร้อมกับฉัน? แม้กระทั่งจะหนีออกมาจากปราสาทที่กำลังพังก็ยังไม่มีปัญญาเลยเนี่ยนะ” หยูเสี่ยวเป่ยยกมือขึ้นมากุมศีรษะพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความสมเพช
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจสายตาเยาะเย้ยจากคนอื่น ๆ เลย เพราะทุกอย่างในช่องว่างมิติถูกเขาคว้าเอาไว้จนหมดแล้ว และผลกำไรที่ได้รับมันก็มากพอที่จะทำให้เขาทนต่อสายตาเยาะเย้ยของคนพวกนี้ต่อไปได้อีกนาน
ระหว่างนั้นนิ้วของชายหนุ่มก็สัมผัสเข้ากับแหวนมิติโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาแทบที่จะรอตรวจสอบบลัดบิวเทียสที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาไหม่ไม่ไหวแล้ว แต่ทันทีที่นิ้วของเขาได้สัมผัสกับใบดาบของบลัดบิวเทียสภายในแหวนมิติ ชุดเกราะโลหะเหลวที่ห่อหุ้มนิ้วของเขาไว้กลับถูกตัดขาดอย่างง่ายดายทิ้งรอยแผลเอาไว้บนนิ้วมือของเขา
“นี่มันคมจนถึงขนาดตัดผ่านชุดเกราะโลหะเหลวได้เลยงั้นเหรอ!?”
เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องทนเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากซากปราสาทด้วยความสุข
“ฉันว่านายเปลี่ยนไปนะ” อันธกล่าว
“เปลี่ยนไปยังไง?”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนนายจะต้องอยู่ในคุกไปสักระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้เหมือนนายจะเปลี่ยนแปลงไปในระดับที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะนายเริ่มทำลายคุกทุกที่หลังจากที่นายจากไป” อันธกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ
ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยแต่สิ่งที่อันธพูดมามันก็ไม่ต่างไปจากความจริงมากนัก เพราะตั้งแต่ที่เขาไปยังดินแดนของเผ่าเซิร์ก, หอคอยคู่ของอาณาจักรเทียนโลหิตหรือแม้กระทั่งดินแดนแห่งความลับของพวกจักรกล ดินแดนเหล่านั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกทำลายลงไปอย่างย่อยยับ โดยเฉพาะหอคอยคู่ในอาณาจักรเทียนโลหิตถึงกับถูกลบหายไปโดยถาวร
ยิ่งในตอนนี้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม เพราะดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหยูที่อยู่มานานหลายหมื่นหลายแสนปีก็ได้ถูกทำลายภายใต้เงื้อมมือของเขาด้วยเช่นกัน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย พวกมันแค่ถูกทำลายเพราะผลกระทบจากเรื่องอื่นต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เหล่าบรรดานักรบจากตระกูลหยูทำได้เพียงแต่มองดูซากปราสาทอย่างสิ้นหวัง และพวกเขาก็ทำได้เพียงแต่รอให้หยูเจียงเข้ามาจัดการความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งภายในใจของแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่กำลังสงสัยว่าปราสาทขนาดใหญ่พังลงมาได้ยังไง
“ไม่ทราบว่าเราสามารถสร้างเมืองอีกาดำขึ้นมาใหม่ได้หรือเปล่าครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
หยูเผิงส่ายหัวด้วยความเจ็บปวด เพราะว่ามันไม่มีทางกู้คืนปราสาทแห่งนี้กลับมาได้อีกแล้ว และเขาผู้ซึ่งเป็นผู้จัดการเมืองอีกาดำย่อมจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“โครงสร้างของเมืองอีกาดำมีความซับซ้อนมากและถึงแม้ว่าเราจะพยายามสร้างเมืองลอกเลียนแบบเมือง ๆ เดิม แต่ผลกระทบในเรื่องการช่วยการฝึกฝนก็คงจะลดลงไปจากเดิมเยอะมาก เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นวิกฤติครั้งสำคัญสำหรับตระกูลของเราในรอบหลายพันปีเลย”
เซี่ยเฟยพยักหน้าโดยแสดงท่าทีหดหู่ออกไปเล็กน้อย แต่ภายในใจของเขาไม่ได้รู้สึกสนใจความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เลย เพราะท้ายที่สุดเขาก็ได้รับอาวุธที่สุดยอดมาแล้ว และถึงแม้ว่าเมืองอีกาดำจะพังทลายลงไปแต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงสำหรับเขา
เมื่อไม่มีอะไรให้ทำแล้วหยูเสี่ยวเป่ยก็หยิบเข็มทิศมิติและเตรียมพร้อมที่จะเดินจากไป ซึ่งในฐานะที่เขาเป็นชนชั้นสูงของตระกูลและเป็นอัจฉริยะผู้โดดเด่นในเหล่าบรรดาสมาชิกรุ่นใหม่ หยูเสี่ยวเป่ยจึงเป็นหนึ่งในคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้ตำแหน่งของเมืองอีกาดำ และมันก็ทำให้เขาสามารถที่จะเข้าออกเมืองแห่งนี้ได้อย่างเสรี
“หยูเสี่ยวเป่ย นั่นนายจะไปไหน? จะไม่มีใครออกไปไหนทั้งนั้นจนกว่าท่านผู้นำจะเข้ามาทำการสอบสวน” หยูเผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เรื่องที่ปราสาทพังมันคือความรับผิดชอบของคุณ อย่าโยนเรื่องนี้ไปให้คนอื่น อีกสองวันจะเป็นงานชุมนุมมังกรฟ้าแล้ว ถ้าฉันต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่ระวังคุณจะรับผิดชอบคำพูดของตัวเองไม่ไหว” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวพร้อมกับมองไปทางหยูเผิงอย่างดูถูก และทันทีที่เขาพูดจบเขาก็เตรียมพร้อมที่จะจากไปโดยไม่สนใจคำห้ามปรามของผู้อาวุโสคนนี้เลยแม้แต่น้อย
“ไหน ๆ นายก็จะไปแล้ว ฉันขอไปด้วยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยเอื้อมมือออกไปหยุดหยูเสี่ยวเป่ยเอาไว้เสียก่อน
“ทำไมฉันจะต้องให้นายไปพร้อมกับฉันด้วย?” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวพร้อมกับคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะมันไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะต้องนำตัวเซี่ยเฟยออกไปด้วย
เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ใบหน้าของหยูเผิงอัปลักษณ์มากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดหยูเสี่ยวเป่ยก็ไม่เห็นแกหน้าของเขาเพราะอีกฝ่ายคืออัจฉริยะอันดับ 1 แต่ในกรณีของเซี่ยเฟยที่เพิ่งมาใหม่กลับกำลังพยายามข้ามหน้าข้ามตาของเขาด้วยเช่นกัน และมันก็เริ่มที่จะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจริง ๆ
“นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่างานชุมนุมมังกรฟ้ากำลังจะเริ่มต้นแล้ว แล้วฉันจะต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ไปทำไม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นายเลื่อนระดับเป็นอัศวินกฎแล้วงั้นเหรอ?” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่แค่อัศวินกฎเฉย ๆ สักหน่อย ตอนนี้ฉันเป็นอัศวินกฎขั้นที่ 2 ต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ
ห้ะ!!
ทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่อุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะครั้งก่อนเซี่ยเฟยก็บอกว่าเขาได้ฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานได้โดยบังเอิญจนทำให้ทั่วทั้งตระกูลตกใจไปรอบหนึ่งแล้ว และในตอนนี้เขาก็มาบอกว่าเขาได้พัฒนาจนกลายเป็นอัศวินกฎขั้นที่ 2 หลังจากที่ได้เข้ามาฝึกฝนเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีทางเป็นเรื่องที่บังเอิญได้
คนเราจะสามารถฝึกฝนอย่างรวดเร็วขนาดนั้นได้ยังไง!?
ทั่วทุกที่ต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ เพราะทุกคนรู้ดีว่าการพยายามก้าวข้ามผ่านจากนักรบกฎไปเป็นอัศวินกฎเป็นกระบวนการที่ยากลำบากมากแค่ไหน และเมื่อพวกเขาได้มองไปยังความสำเร็จของเซี่ยเฟย มันก็เริ่มทำให้คนบางคนรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมาเล็กน้อย
พวกเขาพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อพัฒนาไปข้างหน้า แต่เซี่ยเฟยกลับสามารถกระโดดไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว และทำท่าทางราวกับว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ใช้ความพยายามเลยแม้แต่น้อย
นี่สินะความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนธรรมดา!
“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
—
เมื่อปรากฏการณ์สามดาวหุ้มพระจันทร์ได้หายไป เมืองอีกาดำก็กลับสู่ความวังเวงอีกครั้ง เพียงแต่ในตอนนี้ตัวปราสาทได้หายไปเหลือเพียงแค่หนองน้ำอันว่างเปล่าและดินแดนที่รกร้าง
หลังจากทำการสืบสวนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยูเจียงและนักรบทุกคนก็เดินทางกลับไปยังตระกูลเหลือเพียงแค่หยูเผิงที่ยืนอยู่ริมหนองน้ำราวกับว่าเขากำลังรอใครสักคน
วึ่ง!
ประตูมิติถูกเปิดออกพร้อมกับใครบางคนที่ก้าวเท้าออกมาปรากฏตัวด้านหลังของหยูเผิง แต่เนื่องจากหมอกในช่วงเวลานี้หนามากทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน
“ผู้อาวุโสว่ายังไงบ้าง?” ผู้มาใหม่กล่าวถาม
“เขาจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจและบอกให้ฉันจัดการเก็บคริสตัลต้นกำเนิดในซากปราสาทซะ หลังจากนี้เมืองอีกาดำจะกลายเป็นเพียงแค่ตำนานและตระกูลหยูจะไม่มีเมืองอีกาดำสำหรับการฝึกฝนอีกต่อไป” หยูเผิงกล่าวขึ้นมาเบา ๆ โดยไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย
“ใครเป็นคนทำ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เซี่ยเฟยคือคนที่น่าสงสัยมากที่สุด”
“เขาอีกแล้วเหรอ? คนคนนี้ช่างเป็นตัวแปรที่ดีสำหรับเราเหลือเกิน ตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาแผนการของเราก็ราบรื่นมากขึ้นกว่าเดิม” ผู้มาใหม่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ใช่ เซี่ยเฟยเป็นตัวแปรที่ดีสำหรับทางฝั่งเราจริง ๆ สิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นคือผู้อาวุโสเริ่มที่จะไม่ค่อยพอใจเซี่ยเฟยแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่น่าจะราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น”
“มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“วันแรกที่เซี่ยเฟยมาที่นี่เขาลงมือสังหารฮานหยูตงต่อหน้าฉันกับผู้อาวุโส วันนี้เมืองอีกาดำก็ถูกทำลายและเซี่ยเฟยก็คือคนที่น่าสงสัยมากที่สุด แม้ว่าใครจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาก็แสดงท่าทางระมัดระวังเซี่ยเฟยมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมันแสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเริ่มมีรอยร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยเฟยต้องไปร่วมงานชุมนุมมังกรฟ้า ผู้อาวุโสก็คงจะคาดคั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เขาคงจะพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เพื่อประโยชน์ต่อสถานการณ์โดยรวมของตระกูล”
หลังจากได้ยินคำอธิบายผู้มาใหม่ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“โชคชะตาของผู้อาวุโสช่างโดดเดี่ยวจริง ๆ ยิ่งเวลาผ่านไปคนเก่า ๆ ก็เริ่มจากไปทีละคน แต่คนรุ่นใหม่อย่างหยูเสี่ยวเป่ยกลับเห็นแก่ตัวจนไม่เห็นหัวตระกูลเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เซี่ยเฟยก็เริ่มถูกผู้อาวุโสสงสัย ไม่ว่าจะมองยังไงสถานการณ์ก็เข้าข้างพวกเรามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
“พวกเราจะเริ่มลงมือเลยไหม?” หยูเผิงกล่าวถามอย่างจริงจัง
“ใจเย็น ๆ ตอนนี้ผู้อาวุโสยังกุมความลับสำคัญของตระกูลเอาไว้ พวกเราจะต้องรอจนกว่าเราจะได้ความลับนั้นมาอยู่ในมือของเราก่อน”
“แล้วเซี่ยเฟยล่ะ เราควรจะทำยังไง?” หยูเผิงกล่าวถาม
“ชายหนุ่มคนนี้อาจจะมีประโยชน์กับเราในอนาคต มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่เราควรจะเก็บเขาเอาไว้ก่อน นอกจากนี้เขากับผู้อาวุโสก็เริ่มที่จะไม่ลงรอยกันแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างเราแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่น่าจะเป็นศัตรู” ผู้มาใหม่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกไปเบา ๆ
“นี่คุณคิดว่าเขาคนเดียวจะส่งผลกระทบต่อแผนการของเราเลยงั้นเหรอ?” หยูเผิงกล่าวขึ้นมาอย่างดูถูก
“อย่าประเมินเขาคนนี้ต่ำไปอย่างเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่นักรบกฎขั้น 9 แต่ฉันก็เชื่อว่าทั้งตระกูลมีคนไม่เกิน 20 คนที่สามารถเอาชนะเขาได้”
“คุณตกข่าวแล้ว ตอนนี้เซี่ยเฟยไม่ใช่นักรบกฎขั้นที่ 9 อีกต่อไป แต่เขากลายเป็นอัศวินกฎขั้นที่ 2 หลังจากที่ได้เข้ามาฝึกฝนในเมืองอีกาดำ” หยูเผิงบอกข่าวใหม่กับสหายที่ซ่อนตัวอยู่ในสายหมอก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้รับข่าวที่น่าสนใจ แต่ชายผู้อยู่ในหมอกก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง
“อะไรกัน?! นี่คุณไม่ตกใจหน่อยเหรอ?” หยูเผิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ความจริงฉันก็ตกใจนิดหน่อยแต่ฉันก็ไม่ได้แปลกใจมากนักที่เขาจะได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาอีกครั้ง อย่างที่ฉันได้บอกไปว่าเขาคนนี้คือคนที่เราไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด”
“ผมว่าคุณประเมินเขาสูงเกินไปหน่อย ครั้งนี้หวังว่าคุณจะคิดผิดไป”
“ฉันไม่เคยประเมินอะไรผิดมาก่อน และครั้งนี้ก็จะไม่ผิดด้วยเหมือนกัน”
“แล้วสิ่งที่ผมจะต้องทำต่อไปคืออะไร?” หยูเผิงกล่าวถาม
“รอ... รอไปก่อน”
—
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่รู้ถึงบทสนทนาระหว่างชายทั้งสองคนในเมืองอีกาดำ เพราะในตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขากำลังตกอยู่ที่บลัดบิวเทียสที่ถูกเปลี่ยนกลายเป็นอาวุธกฎ
ตัวใบดาบยังคงเป็นสีดำสนิทและมันก็มีพื้นผิวแปลก ๆ ปรากฏเพิ่มขึ้นมาทางด้านข้างของใบดาบ แต่โดยรวมแล้วอาวุธชิ้นนี้ก็ยังคงเป็นอาวุธที่ดูไม่โดดเด่นอยู่เช่นเดิม
“นี่มันต่างไปจากเดิมยังไง?” โอโร่กล่าวถามด้วยความสงสัย
“มันต่าง... มันต่างไปจากเดิมมากเลยเชียวล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวขณะที่มือขวาของเขากำลังสั่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
***************
จบแล้วสำหรับเนื้อหาของ E-Book เล่ม 10 หลังจากนี้จะเป็นการเดินทางไปงานชุมนุมมังกรฟ้าแล้ว พี่เฟยต้องเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง? ฝากติดตามกันด้วยจ้า!!
เราขออนุญาตประกาศแจ้งข่าว E-Book เล่ม 10 (ตอนที่ 534-586) จะวางขายวันที่ 26 ก.ย. 2566 นี้นะคะ สำหรับใครที่อยากอ่านแบบยาว ๆ หรือเก็บไว้สะสม เราก็ขอให้คิดพิจารณาพี่เฟยไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ จ้า (´▽`).。o♡
ช่องทาง MEB >> https://bit.ly/3NZ3Qca ช่องทางเด็กดี >> https://bit.ly/3LDePFC ช่องทางปิ่นโต >> https://bit.ly/3M9vXUI