1115 - วิกฤตการณ์แห่งเผ่าคนเถื่อน
1115 - วิกฤตการณ์แห่งเผ่าคนเถื่อน
“แย่แล้ว!”
แม้แต่เย่ฟ่านก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งโชคชะตาของตัวเอง สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายอย่างถึงที่สุด ร่างของซากศพเหล่านั้นหลั่งไหลเข้าหาเขาไม่หยุดหย่อน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตอนนี้ร่างกายของพวกมันมีลวดลายของอักขระเต๋าโบราณสีทองวิ่งไปมาบนผิวหนังดูลึกลับอย่างถึงที่สุด
เย่ฟ่านไม่เคยเห็นทักษะแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่านี่เป็นการสลักอักขระลงบนเลือดเนื้อและผิวหนังเพื่อที่จะทำให้ร่างกายของพวกเขาเป็นอมตะไม่สามารถถูกทำลายได้
การดำรงอยู่เช่นนี้แม้เพียงตัวเดียวก็ยังน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงซากศพหลายร้อยตัวที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาทุกทิศทาง
เย่ฟ่านเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก นี่คือซากศพที่ไม่มีวิญญาณอยู่ในร่าง มันไม่มีทางที่พวกเขาจะเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นรูปแบบเหมือนเช่นตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนกำลังควบคุมพวกเขาอยู่เบื้องหลัง
“โฮก...”
ซากศพเหล่านั้นส่งเสียงคำรามเสียงดัง ในเวลาต่อมาภาพเงาของพระจันทร์สีดำก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แม่น้ำหยินและดวงอาทิตย์สีเลือดปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติสิ่งมีชีวิตโบราณเหล่านี้เริ่มกระสับกระส่ายราวกับว่าพวกเขาได้รับคำสั่งให้ก้าวเข้าหาอาวุธเต๋าสุดขั้วอย่างไม่เต็มใจ
“เจ้าต้องการอะไร ปรากฏตัวออกมาพูดกับข้า” เย่ฟ่านตะโกนเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ”
ซากศพแห้งๆ ก้าวถอยหลังเล็กน้อยคล้ายกับพยายามเปิดเส้นทางขนาดเล็กเพื่อให้ใครบางคนเดินไปข้างหน้า
เสียงหัวเราะเยือกเย็นระเบิดขึ้น คลื่นแห่งความขุ่นเคืองปะทุออกมาราวกับสายน้ำ เสียงหัวเราะนี้ราวกับเสียงกรีดร้องของปีศาจจากขุมนรก
ที่ด้านหลังฝูงศพสีดำเหี่ยวเฉาเริ่มถอยห่าง มีสิ่งมีชีวิตร่างสูงเดินไปข้างหน้า อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็ว เย่ฟ่านมีความรู้สึกราวกับตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง
มันน่าขนลุกและแปลกประหลาด ร่างกายของคนผู้นี้ปกคลุมไปด้วยเส้นขนสีแดงซึ่งยาวกว่าครึ่งฉื่อ แม้แต่ใบหน้าของเขาก็ยังปกคลุมไปด้วยขนสีแดงทำให้มองเห็นเพียงดวงตาที่เปล่งประกายสดใสเท่านั้น
เส้นผมสีแดงนี้ให้ความรู้สึกเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่มาจากนรกอันมืดมิด ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากโลกอำพรางสวรรค์
หนังศีรษะของเย่ฟ่านชาด้าน เขารู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเส้นขนสีแดงนี้เป็นใคร
“เจ้าคือ!”
การปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตเส้นขนสีแดงมาพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ดังก้องไปทั่วภูเขาสีม่วง บรรยากาศทั้งหมดเต็มไปด้วยความมืดมน กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของมันนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสิ่งมีชีวิตอมตะที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
…
หุบเขาเทพเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่ภูเขาด้านนอกปกคลุมไปด้วยหญ้า จากนั้นต้นไม้สีเขียวมากมายนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาจากดินและปกคลุมดินแดนทะเลทรายสีแดงนับหมื่นลี้
ปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์นี้แสดงให้เห็นว่าราชาโบราณได้ตื่นขึ้นมาแล้ว!
“ผู้ใดสามารถสังหารร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณและโยนศีรษะของเขาเข้ามาในหุบเขาเทพจะได้รับต้นกำเนิดสวรรค์หนึ่งล้านจิน”
เสียงนี้ดังก้องไปทั้งสวรรค์พิภพ เพียงต้นกำเนิดล้านจินก็ทำให้ทุกคนเกิดความหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุดแล้ว
ในตอนนี้หุบเขาเทพได้ออกคำสั่งล่าหัวเย่ฟ่านด้วยต้นกำเนิดสวรรค์ถึงล้านจิน ราคานี้แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในโลกก็จะเข้าร่วมการไล่ล่าอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกันหุบเขาเทพก็ออกราชโองการอีกครั้งโดยประกาศว่าหากร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณไม่มาคุกเข่ายอมรับความตายที่ด้านหน้าของหุบเขาเทพภายในสามเดือน
ทุกคนที่มีแซ่เย่จะถูกกวาดล้างออกจากโลกอำพรางสวรรค์ทั้งหมดโดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะมีความเกี่ยวข้องเย่ฟ่านหรือไม่
หุบเขาเทพเป็นหนึ่งในสามของผู้นำสิ่งมีชีวิตโบราณทั้งหมดของโลกอำพรางสวรรค์ เมื่อพวกเขาออกคำสั่งย่อมมีผู้คนมากมายให้การตอบรับ
ข้อเสนอนี้น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่สิ่งมีชีวิตโบราณจากดินแดนอื่นเท่านั้นที่ตอบรับข้อเสนอ แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของฝั่งมนุษย์ก็ยังส่งยอดฝีมือออกไล่ล่าเย่ฟ่านด้วย
ในโลกอันเลวร้ายนี้ต่อให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลอมตะโบราณก็ยังไม่กล้าต่อต้านการผงาดขึ้นของเผ่าพันธุ์โบราณ แม้ว่าพวกเขาจะมีอาวุธเต๋าสุดขั้วอยู่ในมือ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความบ้าคลั่งของสิ่งมีชีวิตอมตะมากมายนับไม่ถ้วนได้
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คนเถื่อนหนานหลิงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล เนื่องจากมีสิ่งมีชีวิตโบราณที่แข็งแกร่งมากมายต่างมุ่งหน้าสู่หนานหลิงและพยายามสำรวจที่ตั้งของเผ่าพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง
มีคนกระจายข่าวว่าหุบเขาเทพต้องการถอนรากถอนโคนคนเถื่อน แต่พวกเขาไม่กล้าลงมือเพราะพวกเขาตระหนักดีว่าเทพสงครามคนเถื่อนเกือบจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะแล้ว
นิกายที่ยิ่งใหญ่หลายแห่งหวาดกลัว คนเถื่อนเหล่านี้แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งในระหว่างการกวาดล้างตระกูลหวังแห่งเป่ยหยวนแล้ว แม้แต่หุบเขาเทพก็ยังไม่กล้าลงมือต่อพวกเขาชั่วคราว
“คนเถื่อนหนานหลิง หุบเขาเทพต้องการคำอธิบายของเจ้า!” ในที่สุดก็มีคำพูดดังก้องไปทั่วภาคเหนือของตงหวง
“เหตุใดพวกเจ้าจึงทำลายตระกูลหวังในเป่ยหยวน? เหตุใดพวกเจ้าจึงกล้าปกป้องร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณทั้งที่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นศัตรูกับหุบเขาเทพ พวกเจ้ากำลังยั่วยุเราหรือไม่?”
หุบเขาเทพถามคำถามด้วยความครอบงำ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการคำตอบ เพียงต้องการแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาเท่านั้น
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น ทั้งโลกก็ตกตะลึง นี่เป็นสัญญาณว่าสงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นหรือไม่ แม้แต่เทพสงครามคนเถื่อนแห่งหนานหลิงก็ไม่สามารถขัดขวางเผ่าพันธุ์โบราณได้
ในช่วงเวลาหนึ่ง เทือกเขาหนานหลิงเต็มไปด้วยความปั่นป่วน ยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนหลั่งไหลสู่หลานหลิงเพื่อชมการต่อสู้ระหว่างสองมหาอำนาจของโลก
หลังจากผ่านไปหลายปี ความโกลาหลได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง คนเถื่อนหนานหลิงจะเป็นมหาอำนาจแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอมตะของเผ่าพันธุ์โบราณที่ตื่นขึ้นมา!
ในเวลาเดียวกันคนเถื่อนแห่งหนานหลิงก็ดูเหมือนจะไม่หวาดกลัวแต่อย่างใด พวกเขาตอบโต้โดยการลงมือสังหารสิ่งมีชีวิตโบราณที่เข้ามาสำรวจเผ่าของพวกเขานับร้อยคนในคืนเดียว
จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของคนเถื่อนหนานหลิงเกินความคาดหมายของหลายๆ คน อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาทำนั้นกลับเป็นเหมือนการตบหน้าหุบเขาเทพอย่างรุนแรง
เมื่อเผชิญกับปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ หุบเขาเทพก็เงียบไปชั่วขณะ จากนั้นหุบเขาเทพก็ผ่อนคลายสถานการณ์โดยเสนอให้ทูตของคนเถื่อนเดินทางมาที่ภาคเหนือของตงหวงเพื่ออธิบายเรื่องนี้
ทุกคนรู้สึกชัดเจนว่าท่าทีของหุบเขาเทพอ่อนลงบ้างแล้ว ทัศนคติของคนเถื่อนนั้นเต็มไปด้วยความดุร้ายยอมหักไม่ยอมงอ ดังนั้นเพื่อนหลีกเลี่ยงความเสียหายของตัวเองหุบเขาเทพจึงต้องทำให้สถานการณ์การเผชิญหน้าผ่อนคลายลงอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่มีอะไรจะอธิบาย พวกเราคนเถื่อนกระทำการอย่างเปิดเผยพวกเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะแล้วอย่างไร สุดท้ายพวกเจ้ายังคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นเดียรัจฉานได้ ต่อให้คนเถื่อนทั้งหมดต้องตายเราก็ไม่มีทางก้มศีรษะให้สัตว์ปราะหลาดอย่างพวกเจ้า!”
“เรารู้ว่าเทพสงครามของพวกเจ้าประสบความสำเร็จในการเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะแล้ว อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตอมตะที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งพร้อมที่จะกลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ตลอดเวลา หากพวกเจ้าไม่ยอมแพ้จะต้องเผชิญหน้ากับการนองเลือดครั้งใหญ่!”
นี่คือคำเตือนสุดท้ายจากหุบเขาเทพ คำเตือนนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงเป็นอย่างมาก คนเถื่อนแห่งหนานหลิงมีสิ่งมีชีวิตอมตะเป็นผู้ปกครองสูงสุดอยู่จริงๆ!
“เดียรัจฉานทั้งหลายหากพวกเจ้ามีความกล้าก็จงมาสู้กันที่หนานหลิง!” นี่คือคำตอบที่ตรงไปตรงมาของเทพสงครามคนเถื่อน
เมื่อเผชิญกับท่าทีเช่นนี้สิ่งมีชีวิตอมตะแห่งหุบเขาเทพก็คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด เสียงของเขาไม่เพียงดังก้องไปทั่วภาคเหนือของตงหวง แต่ยังดังก้องกังวาลอยู่ในหูของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกอำพรางสวรรค์
“เหยียบย่ำคนเถื่อนในหนานหลิงให้ตาย ฆ่าให้หมดไม่ละเว้นแม้แต่สัตว์เลี้ยง!”
คำพูดนี้ครอบงำและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค และยังเป็นการประกาศเริ่มสงครามอย่างเป็นทางการอีกด้วย
“เว้นแต่จักรพรรดิโบราณจะฟื้นคืนชีพ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครช่วยเหลือชีวิตของพวกเจ้าได้!”
เมื่อคำพูดนี้จบลงเรือรบนับพันลำของหุบเขาเทพก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขาไม่ได้เลือกที่จะข้ามดินแดนด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกล แต่เลือกจะเดินทางด้วยเรือข้ามมิติ
สงครามที่สั่นสะเทือนทั้งสวรรค์พิภพกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!