บทที่ 75 การท้าทายซากปรักหักพังอีกครั้ง
วันที่ 26 เดือนสิงหาคม
หลังจากการเคลือบแข็งถึงขั้นสมบูรณ์ ในที่สุดซืออวี๋ก็ตัดสินใจที่จะท้าทายซากปรักหักพังอีกครั้ง
เป้าหมายของเขาคือการผ่านด่านที่ห้าและด่านที่หกในคราวเดียว!
หลังจากแจ้งแก่ประธานเฟิงแล้ว ซืออวี๋ก็มาถึงบริเวณรอบนอกของหุบเขา
“โปรดแสดงบัตรประจำตัวของเจ้า!”
หลังจากซืออวี๋มาถึง คิ้วของทหารก็กระตุก
เขาคือมือใหม่สัตว์ประหลาดที่ผ่านสี่ด่านในคราวเดียวและเชี่ยวชาญทักษะผสานในระดับฝึกหัด ทำให้ปริมาณการฝึกของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
เขาหายไปครึ่งเดือน ไม่สิ ไปเตรียมตัวมาครึ่งเดือน ในที่สุดเขาก็มาที่นี่เพื่อท้าทายซากปรักหักพังอีกครั้งใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทหารทุกคนจะรู้จักซืออวี๋ แต่เขาก็ยังต้องทำตามขั้นตอน
หลังจากผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยหลายชั้น ซืออวี๋ก็เข้าไปในหุบเขา
สภาพแวดล้อมที่นี่ยังคงเหมือนเดิม แต่ก็ค่ายก็มีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่านักฝึกสัตว์อสูรที่มาพร้อมกับซืออวี๋ในครั้งก่อนเลือกที่จะอยู่ที่นี่และเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้
แม้ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะมีอิสระน้องลงและจำเป็นต้องฝึกฝนพร้อมกับเหล่าทหาร แต่อย่างน้ออยพวกเขาก็สามารถกินและนอนได้ ด้วยคำแนะนำของจ่านักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพและผู้คนจำนวนมากที่อายุเท่ากับเขา ทุกอย่างก็คุ้มค่า
เมื่อซืออวี๋มาถึง เขาก็พบปรากฏการณ์แปลกประหลาด
ชายหนุ่มใบหน้าซีดเซียวและมีกระเล็กน้อยกำลังใช้พรสวรรค์เสริมพลังสายลมเพื่อฝึกฝนทักษะใบมีดสายลมของผีเสื้อคริสตัลสายลม
เขายังไม่ถึงระดับมืออาชีพเลย เนื่องจากพละกำลังที่จำกัดของนักฝึกสัตว์อสูร พรสวรรค์เสริมพลังนี้จึงยากที่จะใช้ในการต่อสู้จริง เขาจึงทำได้เพียงแค่ใช้มันทุกวันเพื่อช่วยสัตว์อสูรในการฝึกฝนทักษะประเภทสายลม
แต่ถึงกระนั้น การใช้มันก็ต้องกินพละกำลังของนักฝึกสัตว์อสูร และนั่นก็ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
เพื่อที่จะพิชิตซากปรักหักพัง นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้สำหรับเขาที่ต้องฝึกฝนอย่างหนัก ท้ายที่สุด ซืออวี๋เองก็พยายามอย่างหนักเช่นกัน เขาใช้สารบัญทักษะเพื่อช่วยสัตว์อสูรของเขาเพิ่มแต้ม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ซืออวี๋สับสนที่สุดก็คือนักฝึกสัตว์อสูรผู้นั้นได้นำยาที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีออกมาหลังจากฝึกฝนมาได้สักระยะหนึ่ง มันคือแคปซูลสดชื่น เขายัดมันเข้าไปในปากโดยตรงและฝึกฝนต่อไป
ซืออวี๋ :“…”
ซืออวี๋ : “?”
เขาพยายามอย่างหนักเช่นนั้นเลยเหรอ?
การกินยาเช่นนี้… สุขภาพของเขาจะไม่เป็นไรเหรอ?
ควบคุมตัวเอง! พักผ่อนตามปกติไม่ดีกว่าเหรอ?
ด้วยเงินอันมหาศาล ซืออวี๋จึงไม่กินยาขยะเช่นแคปซูลสดชื่นอีกต่อไป ทว่าเขากลับกินอาหารเสริมจากธรรมชาติแทน
ใครเป็นผู้ที่ทำให้เกิดพฤติกรรมนอกรีตเช่นนี้กัน?
“เขาคือซืออวี๋”
“ซืออวี๋อยู่ที่นี่”
แม้ว่าซืออวี๋จะมาอย่างเงียบเชียบ แต่ในปัจจุบัน เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงในซากปรักหักพัง
ท้ายที่สุดแล้ว นอกเหน่อจากเขาก็ไม่มีนักฝึกสัตว์อสูรคนไหนเลยที่สามารถผ่านด่านที่สี่ได้
สำหรับด่านที่สาม มีอีกสองคนได้ผ่านมันในครึ่งเดือนที่ผ่านมาแล้ว
“ซืออวี๋… ในที่สุดเขาก็มาที่นี่อีกครั้ง”
ที่ไหนสักแห่งในค่าย เฉิงกงและอสูรเพลิงจันทราของเขากำลังเดินออกมา
นอกเหนือจากเขา เฉินไค แพทย์เฉียวเหลียง และคนอื่นที่เป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังกระแสอาหารเสริมก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาออกมาดูซืออวี๋
ซืออวี๋หายไปครึ่งเดือน พวกเขาจึงคิดว่าซืออวี๋ยอมแพ้ในการกวาดล้างซากปรักหักพัง
“หยุด หยุด หยุด!!!”
เมื่อกลุ่มคนต้องการล้อมซืออวี๋ พี่ใหญ่ก็มาถึง
ผู้อาวุโสเหอ เขาทำให้ทุกคนตกตะลึงและเป็นคนแรกที่หัวเราะเมื่อเขามาถึงด้านข้างของซืออวี๋
“เจ้ามาแล้วเหรอ?”
“เฒ่าเฟิงบอกข้าแล้ว เจ้าต้องเตรียมตัวอีกเล็กน้อยไหม? เขาจะรีบมาที่นี่”
“ข้าจะเข้าไปก่อน” ซืออวี๋กล่าวกับผู้บัญชาการเหอ
เขาไม่ใช่คนที่ชอบการรอคอย เขาเตรียมตัวมานานมากพอแล้ว และเขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นซากปรักหักพังด่านที่หกแล้ว…
แน่นอน สิ่งที่เขาต้องการเห็นไม่ใช่บอสในด่านที่หก แต่เป็นรางวัลในด่านที่หก
“ตกลง ไปกันเถอะ!” ผู้บัญชาการเหอกล่าวเสริมว่า “ดีเลย คราวนี้เราจะผ่านด่านที่ห้า!”
“เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะให้ทั้งทีมร้องเพลงเพิ้อเป็นการฉลองให้แก่เจ้า”
นักฝึกสัตว์อสูรทุกคนสงสัยว่าเรื่องนี้เหมาะสมหรือไม่
ซืออวี๋ก็เงียบลงเช่นกัน
ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย
เสียงร้องเพลงของกลุ่มชายฉกรรจ์นั้นน่าฟังยังไงกัน? กองทัพนักฝึกสัตว์อสูรของเขาไม่มีทหารหญิงเลย ดังนั้นอย่าทำให้ตัวเองขายขี้หน้าเลย
“งั้นข้าจะไปก่อน”
ซืออวี๋มองไปทางรูปปั้นหินในซากปรักหักพัง ยังคงมีรูปปั้นหินที่คุ้นเคยทั้งหกตัว พวกมันสี่ตัวสว่างเล็กน้ย และอีกสองตัวสลัว
เขาไม่ลังเลอีกต่อไปและเดินตรงไปยังค่ายกลเทเลพอร์ตอย่างเด็ดเดี่ยว ทหารที่ดูแลการลงทะเบียนไม่ได้ให้ซืออวี๋ลงทะเบียนในครั้งนี้และปล่อยให้ซืออวี๋ผ่านไปโดยตรง
ในขณะนี้ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซืออวี๋ พวกเขาสงสัยมากว่าซืออวี๋สามารถผ่านด่านที่ห้าของซากปรักหักพังได้หรือไม่หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน
หนึ่งปะทะร้อย นั่นคือ…
จากนั้น ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ซืออวี๋ก็หายตัวไปจากโลกภายนอกอย่างรวดเร็ว
…
ในซากปรักหักพัง ด่านที่ห้า
ซากปรักหักพังนี้มี ‘จุดบันทึก’ ซืออวี๋ยืนอยู่บนยอดเขาหิมะที่คุ้นเคยและเฝ้าดูอย่างเงียบสงบในขณะที่พายุหิมะพัดผ่านและสัตว์อสูรดุร้ายก่อตัวขึ้นมา
หมาป่าหิมะ หมูป่าเขี้ยวน้ำแข็ง อสูรเกราะน้ำแข็ง อสรพิษเกราะน้ำแข็ง วานรหิมะ ยักษ์หินน้ำแข็ง แมงป่องหยกน้ำแข็ง ผีเสื้อคริสตัลหิมะ ภูติน้ำแข็ง ยักษ์หินสันเขาน้ำแข็ง…
มีสัตว์อสูรดุร้ายธาตุน้ำแข็งทั้งหมดสิบประเภทจากเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติ ระดับการเติบโตของพวกเขาอยู่ที่ประมาณระดับปลุกตื่นขั้นแปดถึงขั้นสิบ และจำนวนของพวกมันก็มีถึงร้อยตัว
กล่าวตามตรง ไม่มีทางที่จะจัดการพวกมันได้เลย
หากนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดสามารถทนต่อคลื่นสัตว์อสูรหนึ่งปะทะร้อยได้ เขาจะยังเป็นนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดดไหม?
ก่อนหน้านี้ ซืออวี๋และอีเลฟเว่นถูกบังคับให้จากไปหลังจากเห็นฉากนี้ แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว
แม้ว่าซืออวี๋จะไม่รู้ว่านักวางแผนที่งี่เง่าของซากปรักหักพังนี้หวังว่านักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดจะโจมตีซากปรักหักพังนี้ยังไง แต่นักวางแผนที่งี่เง่าคงไม่คาดคิดอย่างแน่นอนว่าสัตว์อสูรจะชเี่ยวชาญทักษะการปราบปรามในระดับปลุกตื่น และมันยังเป็นการปราบปรามชั้นชำนาญ!
“อีเลฟเว่น!”
อีเลฟเว่นเดินออกมาจากมิติฝึกสัตว์อสูรตามคำสั่งของซืออวี๋
มันยืนอยู่บนภูเขาหิมะและมอลงไปยังสัตว์อสูรดุร้ายด่านล่างพร้อมกับซืออวี๋ผู้ที่ไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
อีเลฟเว่น : ( ́) อู๋!
เวลาแห่งการแก้แค้นมาถึงแล้ว!
การต่อสู้ที่ทำให้พวกเขาต้องยอมแพ้… การต่อสู้นี้จะเป็นบันไดที่นำพาพวกเขาก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง!
บูมม!
“อู๋!!!!!!!”
อีเลฟเว่นร้องคำรามออกมา และอากาศรอบตัวมันก็สั่นไหว!
ภายใต้ฝ่าเท้าของมันได้มีคลื่นกราบปรามที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา กวาดผ่านออกไปด้านนอกยอดเขาหิมะ!!
“อู๋!!!”
เสียงคำรามของอีเลฟเว่นดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรดุร้ายทุกตัวในทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกมันจะทันได้ตอบสนอง คลื่นโปร่งใสก็พัดผ่านไปราวกับพายุและโจมตีสัตว์อสูรดุร้ายทุกตัว!
บู่ซซ!!!
หลังจากเสียงระเบิดดังก้องในหูของสัตว์อสูรดุร้ายทุกตัว นั่นก็ราวกับว่าโลกตกสู่ความเงียบสงบ
จากนั้นก็เกิดฉากอันน่าตกตะลึงสุดขีด
ปัง…
เสียงของร่างที่ร่วงหล่นตามมา เสียงเหล่านี้มากมายรวมกันจนแม้กระทั่งเสียงหิมะและเสียงสายลมก็ไม่สามารถกลบพวกมันได้
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง…
หลังจากเสียงดังนับร้อยครั้ง สัตว์อสูรดุร้ายหลายร้อยตัวในสภาพแวดล้อมของภูเขาหิมะก็ล้มลงบนพื้นและกลายเป็นธาตุน้ำแข็งซึ่งกระจายหายไป
ซืออวี๋มองไปที่ฉากตรงหน้าเขาและรู้สึกภาคภูมิใจ เขามีออร่าที่โดดเด่นมาก
แค่นั้นเหรอ?
“อู๋”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ซืออวี๋จะตื่นเต้น เสียงอันอ่อนแอของอีเลฟเว่นก็ดังมาจากด้านข้าง
ปัง
อีเลฟเว่นนั่งลงบนพื้นและลูบหัวของมันด้วยความเหนื่อยล้า
มันอดไม่ได้ที่จะเคาะหัวของมัน… มันเจ็บปวดมาก
อู๋ อู๋ อู๋ ใช้พลังจิตสูงไปเล็กน้อย มันรู้สึกว่าสัตว์อสูรดุร้ายกลุ่มนี้สังหารได้ยากยิ่งกว่าปีกแห่งนภาเสียอีก
“จำนวนนั้นมากไปอย่างแท้จริง แต่สิ่งต่างๆ กลับดียิ่งกว่าที่ข้าคาดไว้” ซืออวี๋กล่าวออกมา
ในตอนแรก เขาคิดว่าหากเขาไม่สามารถสังหารพวกมันได้ในรอบแรก เขาจะพักและจัดการพวกมันทีละตัว
แต่ในตอนนี้ จากลักษณะแล้ว ระดับการเติบโตของอีเลฟเว่นเพิ่มขึ้นสองขั้น นอกจากนี้ หลังจากผ่านการแช่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์วิวัฒนาการ สภาพของมันก็ดียิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก!
หนึ่งปะทะร้อย สังหารในชั่วพริบตา!
คลื่นนี้อยู่ยงคงกระพัน!
“เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะลงไปดูว่ามีของอะไรไหม” ซืออวี๋ดูราวกับว่าเขาจะเดินเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างแท้จริง
“อู๋” ภายใต้คำแนะนำของซืออวี๋ อีเลฟเว่นก็พยักหน้าทันทีและเริ่มย่อตัวลงในทันที
หดตัว หดตัว หดตัว… ในวินาทีต่อไป มันก็หดตัวลงเหลือสิบเซนติเมตร
ซืออวี๋ก้มลงและหยิบอีเลฟเว่นน้อยขึ้นมา เขาวางมันลงในกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ เผยให้เห็นเพียงร่างกายท่อนบนและหัวของอีเลฟเว่นเท่านั้น
“เจ้านอนได้สักพักหนึ่ง เราควรจะผ่านด่านนี้ได้ ไม่มีอันตรายอีกต่อไป” ซืออวี๋มองไปที่ค่ายเทเลพอร์ตที่สว่างขึ้นในระยะไกล
“อู๋!”
อีเลฟเว่นส่ายหัวของมัน นอนไม่หลับ!
ราวกับว่ามันกำลังจะบอกว่า “อย่าคิดว่าจะปิดบังรางวัลโดยไม่บอกมัน”
มันยังต้องการดูว่าสมบัติเช่นไหนที่ตกลงไปในด่านนี้
การพักผ่อนหลังจากดูสมบัตินี้ก็คงไม่สายเกินไป
“ตกลง ตกลง ตกลง…” ซืออวี๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนำอีเลฟเว่นมาดูด้วย
อีกสักพักต่อมา
ซืออวี๋ผู้ที่ยืนอยู่ข้างค่ายกลเทเลพอร์ต มองไปที่หินไร้ตัวตนห้าก้อนที่เขาหยิบขึ้นมาจากด่านนี้และตกอยู่ในห้วงความคิดลึก
“อ่า นี่…”
เขาควรจะดีใจหรือผิดหวังล่ะ?
ไม่มีสมบัติใหม่และยังคงเป็นหินไร้ตัวตนซึ่งเป็นทรัพยากรมิติ
ด่านที่สามคือหินไร้ตัวตนหนึ่งก้อน ด่านที่สี่คือหินไร้ตัวตนสามก้อน และด่านที่ห้าคือหินไร้ตัวตนห้าก้อน…
ในขณะนี้ เขามีหินไร้ตัวตนทั้งหมดเก้าก้อน เขารู้สึกว่าไม่เป็นปัญหาที่จะมอบสิ่งเหล่านี้ให้แก่บักกี้
แน่นอน ดูเหมือนว่าหนอนไหมเขียวจะย่อยหินไร้ตัวตนลำบากเช่นกัน เขารู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ได้เหมือนกับหนอนไหมเขียว เขาควรจะบดมันเป็นผงและผสมมันในน้ำให้หนอนไหมเขียวกินดีไหม?
“อู๋…” ในขณะนี้ เมื่อเห็นว่าเป็นหินไร้ตัวตนอีกครั้ง อีเลฟเว่นก็ไม่สนใจอีกต่อไปและหลับตาลงเพื่อนอนหลับ
การหลับลึกขั้นชำนาญควบคู่ไปกับคริสตัลพลังงานและผลไม้ฟื้นฟูจากกระเป๋าของซืออวี๋ทำให้ความเร็วการฟื้นฟูพละกำลังของมันรวดเร็วอย่างมหาศาล คาดว่ามันจะฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ในอีกสักพักหนึ่ง ท้ายที่สุด ขีดจำกัดสูงสุดของพละกำลังของสัตว์อสูรในระดับปลุกตื่นนั้นไม่สูงมากนัก
เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะเข้าสู่ด่านที่หก
ในขณะเดียวกัน
ในโลกภายนอก
เมื่อซืออวี๋เข้าไปในซากปรักหักพังในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา รูปปั้นหินตัวที่ห้าก็สว่างขึ้น ทุกคนตกตะลึง
“บัดซ*?”
“พวกเขาไม่ได้บอกว่ามีสัตว์อสูรดุร้าย 100 ตัวในด่านที่ห้าเหรอ?”
“เกิดอะไรขึ้นกัน??”
ผู้คนนับไม่ถ้วนเบิกตากว้างและคิดไม่ออก
ประธานเฟิงมาถึงช้า เขาฟังการสนทนาของฝูงชนอย่างเงียบเชียบและมองไปทางรูปปั้นหินด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
คนเหล่านี้รู้อะไรกัน? นั่นคือการปราบปรามขั้นชำนาญ!!!
ภายใต้ออร่าแห่งราชา คู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าในระดับเดียวกันเป็นเพียงขยะ!
ในตอนนี้ เขาสงสัยว่าซืออวี๋และคนอื่นได้เข้าสู่ด่านที่หกหรือไม่ ด่านสุดท้ายนี้จะเป็นอะไรกันแน่??
…
หลายคนคาดเดาเกี่ยวกับด่านที่หก
บางคนเดาว่ามันเป็นสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการที่แข็งแกร่ง เช่น เผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการชั้นสูงสิบตัว
บางคนเดาว่ามันเป็นสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการพร้อมกับคลื่นสัตว์อสูรดุร้าย นั่นเทียบเท่ากับการรวมด่านที่สามและด่านที่ห้าเข้าด้วยกัน
บางคนเดาว่ามันเป็นสัตว์อสูรมีการเติบโตระดับเหนือธรรมชาติ…
มีคนไร้สาระยิ่งกว่านั้นซึ่งบอกว่ามีลูกสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์คอยป้องกันด่านสุดท้าย
ไม่ว่าด้วยหนทางใด นั่นก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับนักฝึกสัตว์อสูร
และเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซืออวี๋ผู้ที่เข้าสู่ด่านที่หกก็กล่าวได้เพียงแค่ว่าความคิดของพวกเขาตื่นเขินมากเกินไป
เมื่อมีอีเลฟเว่นอยู่ข้างเขา พวกเขามองดูมังกรที่ก่อตัวขึ้นจากเกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนอย่างเงียบงัน และตกอยู่ในห้วงความคิดลึก นี่น่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว
“บัดซ* มันคือมังกรน้ำแข็ง…”
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน