ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 623 เม็ดบัว (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 623 เม็ดบัว (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าบนท้องฟ้าที่สดใส
ในจวนเสนาบดีรุ้ยอี้ ซื่อชิงยืนอยู่บนระเบียงสูงสามสิบเมตร มือข้างหนึ่งถือถ้วยสุราขณะที่อีกข้างวางบนราวบันไดและมองไปในระยะไกล
เรือมังกรทะยานลอยอยู่กลางอากาศและพุ่งมาจากขอบฟ้าราวกับลำแสง
ที่ทางเข้าจวน ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามา ผู้ฝึกตนจากสถานที่ต่างๆเดินทางมาแสดงความยินดีกับเสนาบดีรุ้ยอี้คนใหม่และเข้าร่วมหรือรับชมการประลองเก้าดินแดนที่กำลังจะมาถึง
ซื่อชิงมองย้อนกลับไปและหัวเราะด้วยเสียงเหมือนสุนัขจิ้งจอกของเขา “ขอบคุณทุกท่านที่มารวมตัวกันที่นี่ ซื่อชิงขอดื่มให้ทุกท่านด้วยความนับถือ!” เขาดื่มสุราจนหมดถ้วย
งานเลี้ยงจัดขึ้นบนระเบียง มีผู้ฝึกตนจำนวนมากนั่งอยู่ มีทั้งชายและหญิง นักพรตและนักบวช แต่ละคนมีลักษณะพิเศษของตนเอง มีผู้ฝึกตนจากสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์และผู้ฝึกตนจากนิกาย หากต้องการนั่งอยู่ที่นั่น มีเพียงข้อกำหนดเดียวเท่านั้นคือพวกเขาต้องเป็นผู้ฝึกตนแก่นทองคำ
กู่เยี่ยนหยินรวมอยู่ในกลุ่มพวกเขาเช่นกัน นางยกถ้วยสุราขึ้นและยิ้ม ซื่อเป่าเพิกเฉยต่อซื่อชิงและนั่งอยู่กับกู่เยี่ยนหยินโดยสอบถามเกี่ยวกับเฉียนหรงจื่อ “นางเป็นอย่างไรบ้าง? นางจะเข้าร่วมการประลองเก้าดินแดนด้วยหรือไม่?”
ทุกคนยกถ้วยขึ้นและแสดงความยินดีกับซื่อชิงอีกครั้ง
จากนั้นกู่เยี่ยนหยินก็ตอบซื่อเป่า “นาง? ตอนนี้นางกำลังฝึกฝน!”
ขณะนี้เฉียนหรงจี้กำลังพายเรือและก่อให้เกิดระลอกคลื่นท่ามกลางทะเลสาบดอกบัวของศาลาริมน้ำฟังเสียงสายลม กลิ่นดอกไม้ลอยอบอวลอยู่ในอากาศและทำให้มันเหมือนสวรรค์
อย่างไรก็ตามใบหน้าของนางไม่ผ่อนคลายเลย นางมองไปที่ทะเลดอกไม้และสาปแช่งกู่เยี่ยนหยินอย่างเต็มที่อยู่ภายใน
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสิ่งที่กู่เยี่ยนหยินพูกก่อนที่นางจะจากไป “ข้าอยากกินน้ำแกงเม็ดบัว!”
นั่นทำให้เฉียนหรงจื่อถูกบังคับให้ค้นหาเม็ดบัวในทะเลสาบ เดิมทีมันเป็นงานง่ายมากเมื่อพิจารณาถึงดอกบัวที่ทอดตัวยาวไปจนสุดสายตา แต่สภาพอากาศในพื้นที่นี้ถูกบังคับให้เป็นฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนตลอดเวลา ดอกบัวมักบานสะพรั่ง โดยพื้นฐานแล้วมันไม่เคยเหี่ยวเฉา ขณะเดียวกันเม็ดบัวเป็นสิ่งที่จะสุกหลังจากดอกบัวเหี่ยวเฉาและร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว
และทะเลดอกบัวก็เป็นเพียงภาพลวงตา บางครั้งเมื่อนางเห็นดอกบัว นางจะยื่นมือออกไปเพียงเพื่อพบกับความว่างเปล่า นอกจากนั้นนางก็ไม่สามารถบินไปในอากาศและค้นหาด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ นางถูกบังคับให้พายเรือและค้นหาพวกมันอย่างช้าๆ
นางค้นหามาหลายชั่วโมงแล้วแต่นางไม่พบเม็ดบัวแม้แต่เม็ดเดียว อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถยอมแพ้เช่นกัน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานางใช้เวลาอยู่ในศาลาริมน้ำฟังเสียงสายลมมาตลอด กู่เยี่ยนหยินไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฝึกฝนกับนางเลย แต่กู่เยี่ยนหยินมักสั่งให้นางทำงาานเบ็ดเตล็ดต่างๆและทำให้นางไม่สามารถบ่มเพาะได้ตามปกติ
โดยพื้นฐานแล้วกู่เยี่ยนหยินดูเหมือนจงใจใช้นางเพื่อความบันเทิงและขังนางไว้ที่นี่ตลอดไปในฐานะทาสเพื่อป้องกันไม่ให้นางลุกขึ้น หากเป็นเช่นนั้น นางต้องหาทางออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่กู่เยี่ยนหยินพูดในตอนท้ายทำให้ความคิดนี้ของนางหายไป “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พฤติกรรมของเจ้าเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นบางทีนี่เป็นการทดสอบสุดท้าย หากเจ้าสามารถทำงานนี้ได้ ข้าจะสอนภาพประกอบนรกให้กับเจ้า หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะไล่เจ้าออก และเจ้าจะมีอิสระที่จะไปทุกที่ที่เจ้าต้องการ!”
ผลคือเฉียนหรงจื่อทำได้เพียงอดทนและค้นหาต่อไป จิตใจของนางค่อยๆสงบลง และกลิ่นหอมของดอกบัวก็ดูเหมือนจะฟุ้งไปทั่วร่างของนาง อสรพิษนรกหลับใหลอีกครั้งราวกับมันไม่ได้ยินดีกับความเจ็บปวดของนางอีกต่อไป
นางไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้วจริงๆ ไม่เพียงความเจ็บปวดจากอสรพิษนรกเท่านั้น แต่ความกังวล ความโกรธ ความอิจฉา และความเกลียดชังทั้งหมดของนางก็คลี่คลายลงเช่นกัน นางแทบลืมไปแล้วว่าการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เป็นเรื่องที่ผ่อนคลายและสนุกสนานเพียงใด
นางยืนอยู่ที่หัวเรือและมองกลับไป ศาลาริมน้ำฟังเสียงสายลมหายไปแล้ว นางหลงทางอยู่กลางทะเลสาบ
ความทรงจำของนางหลั่งไหลกลับมาอย่างต่อเนื่อง แม่ของนางซักเสื้อผ้าอยู่ใกล้ๆขณะตะโกนเตือน “ระวัง!” นางเพิกเฉยต่อคำเตือนของแม่โดยสิ้นเชิงและมองไปที่ปลาตัวเล็กๆในลำธารที่ใสสะอาด พ่อของนางเดินไปตามสันเขาในทุ่งนาและกลับบ้านโดยนำปลาที่จับได้ในทุ่งนามาด้วย นางกระโดดตามไปข้างหลัง เด็กชายข้างบ้านที่แอบเอาขนมกรุบกรอบมาให้นางกินก่อนจะมาเยี่ยมนางด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย...
‘สิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนจริงหรือ? แล้วเหตุใดข้าถึงลืมพวกมันไปหมดแล้ว?’
นางเข้าใจอย่างคลุมเครือว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับทะเลสาบดอกบัวอย่างมาก แต่ความทรงจำเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่? หรือนางควรกล่าวว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตาที่ทะเลสาบดอกบัวสร้างขึ้น นางไม่แน่ใจ แต่ดวงตาของนางกลับชื้นขึ้นเล็กน้อย นางรู้สึกถึงความเศร้าแปลกๆอยู่ภายใน นางไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่มันเป็นเหมือนน้ำตาแห่งความสุข
ในภวังค์ นางเห็นดอกบัวที่เหี่ยวเฉาและร่วงหล่นจนกลายเป็นฝักบัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ก้านเขียวขจีก็ยังกลายเป็นสีเหลืองและเหี่ยวเฉาราวกับมันใช้พลังชีวิตหมดไปแล้วในช่วงที่ดอกไม้บานอย่างยาวนาน มันไม่สามารถรับน้ำหนักของฝักบัวและล้มลง ฝักบัวตกลงไปในทะเลสาบ
เฉียนหรงจื่อไม่สามารถคิดมากอีกต่อไป นางกระโดดลงไปในน้ำเพื่อคว้าฝักบัวขึ้นมา เนื่องจากใบบัวจำนวนนับไม่ถ้วน ในน้ำจึงเป็นสีดำสนิทและลึกอย่างน่าตกใจ ก้านบัวแผ่ขยายไปทั่วราวกับป่าใต้น้ำ
อย่างไรก็ตามพวกมันไม่สามารถขัดขวางการมองเห็นของนาง นางมองเห็นฝักบัวได้อย่างชัดเจน นางว่ายไปรอบๆก้านบัวเหมือนปลาและยื่นมือไปคว้ามัน แต่ทันทีที่นางสัมผัสโคลน ร่างของนางก็สั่นสะท้าน ดวงตาของนางเบิกกว้าง
ก้านบัวพุ่งขึ้นจากโคลน มันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พลังนั้นยิ่งใหญ่มากจนสามารถยกนางขึ้นไป ดอกบัวจำนวนมากเบ่งบานขึ้น
ดูเหมือนนางจะเข้าใจบางอย่าง ขณะที่นางยังอยู่บนจมูกเรือ นางปิดเปลือกตาและสูดหายใจลึกโดยปล่อยให้กลิ่นหอมเข้าไปในปอดของนาง
ดอกบัวเริ่มเหี่ยวเฉาและร่วงหล่นอยู่ข้างๆนาง นางปล่อยให้ฝักบัวตกลงไปในน้ำก่อนที่มันจะโผล่ขึ้นมาจากโคลนและออกดอกอีกครั้งจนเต็มผิวทะเลสาบและทับซ้อนกันจนกลืนกินเรือของนางเข้าไป
เสียงสูดจมูกปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือก่อนจะกลายเป็นเสียงสะอื้นไห้อย่างรุนแรง
บนระเบียง กู่เยี่ยนหยินสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ลมแรงพัดเข้ามาที่ระเบียงทำให้เสื้อผ้าและผมยาวของนางปลิวไสว ผู้ฝึกตนแก่นทองคำทุกคนที่อยู่ที่นั่นแม้แต่นักบวชก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงามของนาง พวกเขาต่างลอบยกย่องว่านางสมกับเป็นธิดาของเทพอินทรีย์อย่างแท้จริง
ซื่อชิงกล่าว “เยี่ยนหยิน ข้าได้ยินว่าเมื่อเร็วๆนี้หลี่ฉิงซานผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำเร็จ เขาอวดความแข็งแกร่งของเขาด้วยการสังหารผู้ฝึกตนก่อกำเนิดสามคนของสำนักจิตรกรรม”
กู่เยี่ยนหยินพยักหน้า “ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน แต่ดูเหมือนคนทั้งสามจะเตรียมการซุ่มโจมตีไว้ล่วงหน้าแล้วและต้องการจับเขาด้วยกับดักแห่งความตาย แต่พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอและกลายเป็นฝ่ายถูกสังหาร”
ซื่อชิงกล่าว “เช่นนั้นเจ้าก็ควรให้เขาอธิบายอย่างชัดเจน สิ่งนี้เกิดขึ้นในกองบัญชาการรุ้ยอี้ ในฐานะเสบาดีรุ้ยอี้ ข้าไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องเช่นนี้”
กู่เยี่ยนหหยินถอนหายใจ “แน่นอน!” หลังจากนั้นนางก็กล่าวว่า “หลี่ฉิงซาน มานี่ องค์ชายปรารถนาที่จะพบเจ้า!” เสียงของนางไม่ได้ดังนักแต่มันลอยไปตามสายลมจนถึงหูของผู้ฝึกตนทั้งหมดซึ่งทำให้ทุกคนมองหน้ากัน
หลังจากไม่นานพวกเขาก็ยังไม่เห็นหลี่ฉิงซานปรากฏตัว เจียเจิ้นกล่าว “ดูเหมือนท่านจะไม่สามารถเรียกเขามาปรากฎตัว หากเขาปฏิเสธที่จะปรากฏตัวในวันเช่นนี้ นั่นจะเป็นการไม่ให้เกียรติองค์ชาย”
อีตันกล่าว “ข้าคิดว่าเขาคงหนีไปแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษเพราะเขารู้ว่าเขาก่ออาชญากรรมร้ายแรง ผู้บัญชาการกู่ ท่านควรออกหมายจับเขาตอนนี้เลย!”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ แสงสีฟ้าก็พุ่งเข้ามา หลี่ฉิงซานตะโกน “เจ้าคือคนที่ต้องหลบหนีเพื่อหลบเลี่ยงการลงโทษ ครอบครัวของเจ้าทั้งหมดต้องหลบหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษ!”