ตอนที่ 584 ค้อนรวมศูนย์
ตอนที่ 584 ค้อนรวมศูนย์
จู่ ๆ ภาพในช่องว่างมิติก็ปรากฏค้อนขนาดยักษ์ที่มีสีดำสนิทลอยอยู่บนฟ้า
เซี่ยเฟยไม่รู้เลยว่าค้อนขนาดใหญ่แบบนี้ลอยอยู่ในอากาศได้ยังไง และเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะร่วงหล่นลงมา แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าเมื่อมันร่วงหล่นลงมาบนพื้น ความเสียหายของมันคงจะมีมากกว่าการที่ตึกขนาดยักษ์ถูกถล่ม
ชายหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมกับก้าวเท้าถอยหลังออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงจากแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกปล่อยออกมาจากค้อนขนาดใหญ่นี้
“นี่มันค้อนรวมศูนย์ของช่างเทวะ! ฉันไม่คิดเลยว่าเราจะได้เจอมันอยู่ที่นี่” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
เซี่ยเฟยยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมโอโร่ถึงตื่นเต้นมากขนาดนั้น แต่เมื่อเขายกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาเขาก็ได้พบว่าเขายังมีเวลาอีกเพียงแค่ 3 ชั่วโมง 57 นาทีเท่านั้น ก่อนที่ปรากฏการณ์สามดาวหุ้มพระจันทร์จะสิ้นสุดลง
“คำว่าศูนย์จากค้อนอันนี้หมายถึงเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่ว, สีขาวและสีดำ, เทพและมาร และเมื่อตัวค้อนตกกระทบลงไปยังที่ใดที่แห่งนั้นก็จะกลับสู่จุดศูนย์รวมของทุกสรรพสิ่งอีกครั้ง” โอโร่อธิบาย
“คุณช่วยพูดง่าย ๆ ให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“นายกำลังมองหาสมบัติอยู่ใช่ไหมล่ะ? นี่ไงสมบัติ” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“ผมคงจะใช้ค้อนขนาดใหญ่แบบนี้ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสมบัติจริง ๆ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับผม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัวด้วยความเสียดาย
“ใครบอกให้นายยกค้อนไป? นายนี่มันโลภมากจริง ๆ”
“ช่างประดิษฐ์อุปกรณ์ย่อมมีการแบ่งระดับสูงต่ำไม่ต่างไปจากการแบ่งระดับของนักรบ ไล่ตั้งแต่ช่างประดิษฐ์ธรรมดา, ช่างประดิษฐ์ชั้นสูง, ช่างประดิษฐ์ชั้นยอดและช่างประดิษฐ์เทวะ”
“แน่นอนว่าช่างประดิษฐ์เทวะเป็นชื่อเรียกสำหรับช่างประดิษฐ์ของทางฝั่งเทพเท่านั้น เพราะในเผ่าพันธุ์มารของเรา เราจะเรียกช่างประดิษฐ์ระดับนี้ว่าช่างประดิษฐ์มาร”
“นอกเหนือจากอาวุธมายาอย่างเช่นหงส์ครามของนายแล้ว อาวุธอุปกรณ์ส่วนใหญ่ต่างก็ถูกสร้างขึ้นมาจากช่างประดิษฐ์เหล่านี้ทั้งสิ้น และค้อนรวมศูนย์ก็คือผลงานชั้นยอดที่มีเพียงแต่ช่างประดิษฐ์ระดับเทวะเท่านั้นที่สามารถสรรสร้างมันขึ้นมาได้”
“ในความเป็นจริงค้อนที่นายเห็นเป็นเพียงแค่รูปแบบที่ปรากฏขึ้นในสายตาของคนทั่วไปเท่านั้น แต่ความหมายที่แท้จริงของมันคือการอัดฉีดพลังกฎเข้าไปมากกว่า”
“อัดฉีดพลังกฎ!?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“คุณกำลังบอกว่าไม่ว่าเราจะใส่อาวุธชนิดไหนเข้าไปในค้อนรวมศูนย์ อาวุธนั้นก็จะถูกแปรสภาพให้กลายเป็นอาวุธที่มีพลังกฎใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถามอย่างไม่แน่ใจ
“ถูกต้อง ดูเหมือนว่าเจ้าของปราสาทแต่เดิมจะเป็นช่างเทวะ เขาเลยแอบเก็บค้อนรวมศูนย์เอาไว้ภายในช่องว่างมิตินี้”
“แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างช่างเทวะคนนั้นกลับไม่ได้ใช้ค้อนรวมศูนย์หลังจากที่เขาสร้างมันขึ้นมาจนเสร็จ และมันก็เป็นโชคของนายที่นายได้มาเจอมันในวันนี้ ซึ่งฉันสามารถบอกได้เลยว่าแม้แต่อาวุธธรรมดาที่ผ่านค้อนรวมศูนย์ก็จะถูกแปรสภาพกลายเป็นอาวุธกฎชั้นยอด”
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกหวั่นไหวอย่างแท้จริง และเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความหมายที่แท้จริงของค้อนขนาดใหญ่ตรงหน้าจะเป็นการมอบพลังกฎให้กับอาวุธอุปกรณ์ทุกประเภท
เมื่อได้รับคำยืนยันจากโอโร่แล้วเซี่ยเฟยก็ทำการหยิบอาวุธทุกชิ้นออกมาจากแหวนมิติ แม้กระทั่งจานหรือมีดสำหรับทำอาหารก็ยังถูกนำออกมาโดยไม่มีข้อยกเว้น
“นั่นนายกำลังทำอะไร?” โอโร่กล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมกำลังจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นอาวุธกฎไง อย่างน้อยถึงผมจะไม่ใช้อาวุธชิ้นไหนแต่ผมก็ยังสามารถเอาพวกมันออกไปขายข้างนอกได้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น
“นี่นายคิดจะเปลี่ยนแม้แต่จานให้กลายเป็นอุปกรณ์กฎด้วยงั้นเหรอ? นายจะไม่โลภจนเกินไปหน่อยหรือยังไง” โอโร่ถามขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ต่อให้มันเป็นจานแล้วยังไงล่ะ ตราบใดก็ตามที่มันมีพลังกฎมันก็กลายเป็นอาวุธที่สามารถฆ่าคนได้ ไหน ๆ ผมก็มีโอกาสแบบนี้ทั้งที่ผมจะยอมพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนที่เขาจะเริ่มหยิบแม้กระทั่งอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างคีมอเนกประสงค์ออกมาจากแหวนมิติด้วยเช่นกัน
“คีมอเนกประสงค์? นี่นายไม่ได้คิดจะเอามันไปฆ่าใครจริง ๆ ใช่ไหม?!” อันธถามพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอยู่ด้านข้าง
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจคำพูดถากถางของโอโร่หรืออันธเลย เพราะตราบใดก็ตามที่เขาสามารถเปลี่ยนสิ่งใดเป็นอาวุธกฎได้ เขาก็จะเปลี่ยนของสิ่งนั้นอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“เลิกเอาของออกมาจากแหวนมิติได้แล้ว ค้อนรวมศูนย์สามารถใช้งานได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และมันก็จะหายไปทันทีหลังจากที่นายเลือกเปลี่ยนสภาพอาวุธชิ้นแรกไปแล้ว” โอโร่พยายามอธิบายหลังจากเขาหัวเราะจนท้องเจ็บไปหมด
“ค้อนใหญ่ขนาดนี้แต่ใช้ได้แค่ครั้งเดียวเนี่ยนะ?” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นี่มันค้อนรวมศูนย์จากช่างเทวะเชียวนะ ถ้าหากว่ามันสามารถใช้งานได้หลายครั้งมันก็คงจะมีอาวุธกฎชั้นยอดเกลื่อนกลาดไปทั่วทั้งดินแดนหมดแล้ว” โอโร่กล่าวพร้อมกับกรอกสายตามองไปทางเซี่ยเฟย
ชายหนุ่มทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและยอมรับว่าสิ่งที่โอโร่พูดฟังดูสมเหตุสมผลจริง ๆ ท้ายที่สุดเขาก็เคยเห็นราคาของอาวุธกฎในเมืองสตีลบาร์มาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการพยายามสร้างอาวุธกฎขึ้นมาแต่ละชิ้นไม่น่าจะใช่เรื่องง่าย ๆ
อย่างไรก็ตามการต้องเลือกอาวุธเพียงแค่ชิ้นเดียวก็เริ่มทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกลำบากใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องเปลี่ยนอาวุธชิ้นไหนให้กลายเป็นอาวุธกฎดี
ชายหนุ่มชำเลืองมองไปทางหิมะโปรยในมือซ้ายและบลัดบิวเทียสในมือขวา โดยเริ่มรู้สึกลังเลว่าเขาควรจะต้องเลือกอาวุธชิ้นไหน
“อาวุธพวกนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธที่มีพื้นฐานดี หลังจากพวกมันถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอาวุธกฎด้วยค้อนรวมศูนย์ มันจะต้องกลายเป็นอาวุธชั้นยอดที่หาได้ยากมากแน่นอน นายก็แค่จะต้องเลือกอาวุธที่ถนัดมือขึ้นมาเพียงแค่ชิ้นเดียว” โอโร่กล่าวแนะนำอย่างสบาย ๆ เมื่อได้เห็นท่าทีลังเลของเซี่ยเฟย
“ในเมื่อมันสามารถสร้างอาวุธชั้นยอดขึ้นมาได้เพียงแค่ชิ้นเดียว ถ้าอย่างนั้นผมก็จะขอเลือกอาวุธพิเศษที่ไม่เหมือนใคร”
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจเก็บหิมะโปรยเข้าไปภายในแหวนเหลือเพียงแค่บลัดบิวเทียสภายในมือของเขาเท่านั้น
หากพูดถึงความพิเศษที่ไม่เหมือนใครบลัดบิวเทียสย่อมเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ภายในใจของเซี่ยเฟยอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดดาบเล่มนี้ก็สามารถดูดเลือดของศัตรูได้อย่างโหดร้าย และเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหลังจากที่มันได้ถูกเสริมพลังด้วยค้อนรวมศูนย์แล้ว มันจะได้กลายเป็นดาบที่ทรงพลังขนาดไหนกันแน่
“ดาบสั้นเล่มนี้มีความสามารถที่ดูดเลือดของศัตรูได้ใช่ไหม? มันยังเป็นอาวุธที่บ้าคลั่งไม่พอสำหรับนายอีกงั้นเหรอ?” โอโร่กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“สำหรับคำว่าบ้าคลั่ง มันไม่สมควรจะมีคำว่าพอ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างใจเย็น
“บลัดบิวเทียสคือมรดกจากอดีตเจ้าสำนักเงาสังหารนะ! นายจะเอามันมาแปรสภาพแบบนี้ได้ยังไง?” อันธกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“อะไรที่อยู่ในมือฉัน มันคือของของฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างไร้เหตุผล
คำตอบนี้ถึงกับทำให้อันธพูดไม่ออก แต่ในอันที่จริงเขาก็กำลังรู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าหลังจากที่บลัดบิวเทียสถูกแปรสภาพด้วยค้อนรวมศูนย์แล้วมันจะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไง แต่เนื่องจากวิญญาณนักฆ่าตนนี้ให้ความสำคัญกับสำนักเงาสังหารมาโดยตลอด เขาจึงไม่ต้องการที่จะให้สมบัติประจำสำนักถูกแปรสภาพไปเหมือนกัน
ท้ายที่สุดอันธก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหวัง เพราะเมื่อเซี่ยเฟยตัดสินใจไปแล้วมันก็ไม่มีใครสามารถคัดค้านความคิดเห็นของชายหนุ่มคนนี้ได้
“เอาล่ะต่อไปเราก็ต้องหาเครื่องสังเวยที่เหมาะสม” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เครื่องสังเวย?”
“ค้อนรวมศูนย์ไม่เพียงแต่จะต้องการอาวุธตั้งต้นสำหรับการแปรสภาพเท่านั้น แต่มันยังต้องการสิ่งมีชีวิตเพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้กับมันด้วย แต่เดิมพวกอสูรกายกลืนวิญญาณน่าจะเป็นเครื่องสังเวยที่ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับการใช้ค้อนรวมศูนย์โดยเฉพาะ แต่ในเมื่อนายได้สังหารพวกมันไปจนหมดแล้วเราก็จำเป็นจะต้องหาเครื่องสังเวยใหม่มาแทนที่”
“ตอนนี้เวลาใกล้จะหมดลงแล้ว นายคงจะทำได้เพียงแค่ลองมองหาสิ่งมีชีวิตรอบ ๆ รอยแยกมิตินี้ดูว่าพอจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนมาเป็นเครื่องสังเวยให้ค้อนรวมศูนย์ได้ไหม ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่สามารถที่จะใช้งานค้อนรวมศูนย์ได้”
เวลายังคงเดินไปทุกวินาทีเมื่อโอโร่บอกว่าเขาจำเป็นจะต้องหาเครื่องสังเวย เซี่ยเฟยจึงรีบเร่งฝีเท้าเพื่อควานหาสิ่งมีชีวิตภายในช่องว่างมิติอันลึกลับแห่งนี้
บริเวณพื้นที่อันห่างไกลออกไปมีภูเขาซึ่งเปล่งประกายแสงแวววาว แต่เมื่อชายหนุ่มได้เคลื่อนที่เข้าไปใกล้เขากลับพบว่าพวกมันคือเศษชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่หลากหลายสีสัน
“โลหะแวววาวพวกนั้นคือโลหะวิญญาณบริสุทธิ์ที่ช่างประดิษฐ์ชอบใช้พวกมันมาก พวกมันน่าจะเป็นโลหะที่ใช้สร้างค้อนรวมศูนย์ขึ้นมา ถ้าจำไม่ผิดราคาของพวกมันน่าจะอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 1 คริสตัลขาว” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะทดลองหยิบเศษโลหะชิ้นหนึ่งขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หลังจากที่เขาพยายามลองชั่งน้ำหนักโดยประมาณ เขาก็ได้พบว่าโลหะชิ้นเล็ก ๆ นี้กลับมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 10 กิโลกรัม
“แค่โลหะชิ้นเล็ก ๆ นี่ก็มีมูลค่าหลายสิบคริสตัลขาวแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความตกตะลึง
เมื่อมีกองเงินกองทองถูกทิ้งเอาไว้ตรงหน้าแบบนี้ เซี่ยเฟยจึงรวบรวมเศษโลหะทั้งหมดเข้าไปในแหวนมิติของเขาทันที โดยหวังว่าเขาจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นคริสตัลต้นกำเนิดได้ในอนาคต
“โลหะพวกนี้น่าจะประมาณ 70 ตันหรือมันก็เท่ากับ 70,000 คริสตัลขาว” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นหลังจากเก็บรวบรวมเศษโลหะทั้งหมดเข้าไปแล้ว
ก่อนเข้ามาในช่องว่างมิตินี้เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องใช้คริสตัลขาวไปประมาณ 3,000 ชิ้นเพื่อสร้างเขตอาคมดาราคล้อยขึ้นมา และเขายังต้องเสียคริสตัลเหลืองอีก 7 ชิ้นเพื่อสร้างศูนย์กลางเขตอาคมสำหรับการควบคุม ชายหนุ่มจึงตกอยู่ในสภาวะยากจนเป็นอย่างมาก แต่กองภูเขาโลหะพวกนี้เพียงกองเดียวก็มากพอที่จะฟื้นฟูความมั่งคั่งของเขาให้กลับมาได้บ้างแล้ว
“ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 3 ชั่วโมง 8 นาที อย่าลืมว่าพวกเราจะต้องรีบกลับไปก่อนที่เวลาจะหมดลง” โอโร่กล่าวเตือน
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับ เพราะถ้าหากว่าเขายังไม่กลับไปก่อนที่ปรากฏการณ์สามดาวหุ้มพระจันทร์จะสิ้นสุดลง เขาก็อาจจะต้องถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไป
ต่อมาชายหนุ่มก็กลับมาที่ค้อนรวมศูนย์ด้วยท่าทางหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย เพราะหลังจากที่เขาได้สังหารพวกอสูรกายไปจนหมดแล้ว มันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลือภายในช่องว่างมิตินี้อีกเลย
เมื่อมองไปรอบ ๆ สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่เซี่ยเฟยเห็นก็มีเพียงแค่ขนอุยเท่านั้น แต่การเอาสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเครื่องสังเวยให้กับการสร้างอาวุธมันก็ค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ฟุ่มเฟือยมากจนเกินไปหน่อย และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเดินทางมาจนถึงทางตันจริง ๆ แต่เขาก็คงจะไม่ใช้สัตว์เลี้ยงของตัวเองเป็นเครื่องสังเวยอย่างแน่นอน
“เอาล่ะตอนนี้คงจะเหลือวิธีนี้เป็นวิธีการสุดท้ายแล้วละมั้ง นายยังมีไข่ของราชาแมงมุมน้ำแข็งอยู่ใช่ไหม? ถึงแม้ว่ามันจะยังเป็นไข่แต่มันก็ยังถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งมีชีวิตในไข่ยังทรงพลังมากและมันก็มีคุณภาพมากเกินพอที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องสังเวยระดับสูงได้” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เซี่ยเฟยชะงักด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหยิบไข่ของราชาแมงมุมออกมาจากแหวนมิติ
ตอนแรกเขาตั้งใจที่จะนำไข่ฟองนี้ไปขายเพื่อซื้อเข็มทิศมิติ เขาจะได้สามารถเดินทางไปกลับพันธมิตรได้อย่างอิสระ แต่ถ้าหากว่าไข่ฟองนี้สามารถช่วยเขาสร้างอาวุธกฎชั้นยอดขึ้นมาได้ มันก็ไม่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่แย่สำหรับเขามากนัก
“เอาล่ะก่อนที่จะดำเนินการครั้งสุดท้าย นายต้องเข้าใจก่อนว่าค้อนรวมศูนย์เป็นผลงานจากทางฝั่งเผ่าเทพ บลัดบิวเทียสที่นายเลือกมีต้นกำเนิดที่แปลกประหลาดและไม่สามารถจำแนกได้ว่ามันคืออาวุธจากทางฝั่งไหนกันแน่ สุดท้ายคือเครื่องสังเวยที่นายเลือกใช้คือไข่ของสัตว์ประหลาดที่อยู่ทางฝั่งเผ่ามาร ฉันจึงไม่สามารถอนุมานได้จริง ๆ ว่ากฎที่จะถูกฉีดเข้าไปในบลัดบิวเทียสมันจะเป็นกฎอะไรกันแน่”
“ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจ้าของปราสาทเลือกที่จะสร้างค้อนรวมศูนย์ขึ้นมาภายในช่องว่างมิติเร้นลับ มันก็หมายความว่าค้อนรวมศูนย์นี้จะต้องซ่อนความลับที่เขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ซึ่งบางทีมันก็อาจจะเป็นกฎบางอย่างที่เป็นเรื่องต้องห้ามของทางฝั่งเผ่าเทพก็ได้”
“เมื่อค้อนรวมศูนย์ถูกใช้งานทั้งอาวุธ, เครื่องสังเวยและกฎภายในค้อนจะถูกรวมเข้าด้วยกัน แล้วมันก็คงจะไม่มีใครสามารถคาดเดาได้จริง ๆ ว่าการรวมตัวกันในครั้งนี้มันจะก่อให้เกิดอะไรขึ้น”
“ผลลัพธ์ที่ตามมาจากการใช้ค้อนรวมศูนย์ครั้งนี้คงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้สินะครับ” เซี่ยเฟยทบทวนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะตัดสินใจว่าจะใช้ค้อนรวมศูนย์หรือไม่
เวลาในปัจจุบันเหลืออีกเพียง 2 ชั่วโมง 25 นาทีก่อนที่ปรากฏการณ์สามดาวหุ้มพระจันทร์จะสิ้นสุดลง
***************
เป็นไงล่ะ เจอพี่เฟยขี้งกไป แม้แต่จานก็ยังจะเอามาเป็นอาวุธกฎ 55555