1113 - กลับคืนสู่เต๋า
1113 - กลับคืนสู่เต๋า
ทั้ง 3 คนตกอยู่ในความสิ้นหวัง ค่ายกลโบราณที่สมบูรณ์แบบถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว ต่อให้ใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์ปกป้องตัวเองก็ยากที่จะทำได้
ชายชราตาบอดโค้งคำนับต่อแท่นเต๋าและกล่าวว่า “จักรพรรดิอู่ซือผู้ยิ่งใหญ่หายนะของเผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังจะมาถึง จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่โปรดตื่นขึ้นเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ระงับความวุ่นวายและปราบปรามเผ่าพันธุ์โบราณ”
จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงบนพื้นและโขกศรีษะอย่างจริงจัง
เย่ฟ่านถือกะโหลกสีขาวเหมือนหิมะไว้ในฝ่ามือของเขา จากนั้นหยิบจี้หยกรูปจันทร์เสี้ยวก็ปรากฏออกมา
“น้อมพบจักรพรรดิอู่ซือ”
“บูม บูม”
ทันใดนั้นน้ำตกแห่งความโกลาหลก็แยกออกจากกัน แม้แต่ค่ายกลจักรพรรดิที่อยู่ด้านบนก็ยังสลายหายไปราวกับไม่เคยปรากฏขึ้น
“มันคือ...จี้หยกรูปพระจันทร์เสี้ยวนั่น!” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยความประหลาดใจ
เมื่อโอกาสมาถึงทั้ง 3 คนรีบทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและปรากฏตัวบนแท่นเต๋า ที่ด้านหน้าของพวกเขาตอนนี้มีชายผมยาวคนหนึ่งกำลังนั่งสมาธิหันหลังอยู่
นี่คือผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นศัตรูกับคนทั้งโลก! ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิโบราณคือความเงียบเหงาที่ปราศจากคู่ต่อสู้ มันเป็นความเงียบเหงาชั่วนิรันดร์ซึ่งไม่มีผู้ใดแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้
กะโหลกศีรษะของเซียนหญิงในมือของเย่ฟ่านปลดปล่อยแสงสีขาวสดใสให้ปกคลุมทั่วแท่นเต๋า จากนั้นเสียงที่อ่อนโยนของนางก็ดังขึ้น
“ข้า... แค่อยากเดินตามรอยเท้าของเจ้าแม้ว่าข้าจะมีโอกาสมองเห็นเพียงแผ่นหลังของเจ้าชั่วนิรันดร์ก็ตาม”
นี่เป็นรอยประทับทางจิตวิญญาณที่อ่อนแออย่างถึงที่สุด เซียนหญิงผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไม่รู้ว่าตายไปกี่ร้อยกี่พันปีแล้ว แต่ความยึดมั่นของนางที่มีต่อจักรพรรดิอู่ซือไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้จิตใจของเย่ฟ่านก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์แบบใดกัน?
มันเป็นเรื่องน่าเศร้าของเซียนหญิงคนนี้ที่ต้องเดินตามรอยเท้าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อที่จะเป็นครึ่งก้าวจักรพรรดิโบราณนางจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับความกดดันทุกรูปแบบกลายเป็นหนึ่งในเซียนอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด
อย่างไรก็ตามนางทอดทิ้งโลกใบเดิมและออกเดินทางสู่จักรวาลอันมืดมน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบนถนนที่โดดเดี่ยว สุดท้ายนางกลายเป็นเพียงซากศพที่ล่องลอยไปในทุ่งดวงดาวอันมืดมิด
ในชีวิตที่โดดเดี่ยวเช่นนี้ ไม่มีใครรู้อารมณ์สุดท้ายของนาง ไม่มีผลลัพธ์ ไม่มีความหวัง สุดท้ายก็จบลงเพียงเท่านี้
บนแท่นเต๋าอันงดงาม พลังแห่งความโกลาหลปกคลุมอย่างแน่นหนา ร่างสูงโปร่งนั้นยังคงหันหลังให้กับพวกเขาทุกคนโดยไม่มีต้องรอความสับสนทางอารมณ์แม้แต่น้อย
เย่ฟ่านรู้สึกว่าจี้พระจันทร์เสี้ยวมีความสามารถในการทำลายค่ายกลจักรพรรดิอู่ซือซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเซียนหญิงผู้แข็งแกร่งคนนี้มีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับจักรพรรดิอู่ซือ
ในสายตาของโลกอู่ซือเป็นเทพผู้สง่างาม มีอำนาจทุกอย่าง สร้างความหวาดกลัวให้กับทุกเผ่าพันธุ์ ปราบปรามเจ็ดดินแดนต้องห้ามของชีวิต ทำลายล้างเทพนอกอาณาเขต กวาดล้างดินแดนรกร้างทั้งแปด เขาคือผู้อยู่ยงคงกระพันในสวรรค์พิภพอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเซียนหญิงผู้นี้
แม้ว่าทั้งสองคนจะมีอดีตที่คลุมเครือยากที่ผู้คนจะเข้าใจได้ ไม่เช่นนั้นจี้พระจันทร์เสี้ยวในมือของเย่ฟ่านจะไม่มีทางทำลายค่ายกลจักรพรรดิอู่ซือได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าเซียนหญิงคนนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม
“น่าเสียดายที่แม้ว่าจักรพรรดิโบราณจะอยู่ยงคงกระพันในสวรรค์พิภพ แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นคนที่น่าเศร้าที่สุดคนหนึ่งเช่นกัน”
ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง จักรพรรดิโบราณมีความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาปราบปรามสวรรค์ชั่วนิรันดร์และกวาดล้างเทพนอกอาณาเขตได้ยังเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามเมื่อครั้งอดีตเขายังเคยเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้างเหมือนเช่นมนุษย์คนอื่นๆ
“น้อมพบจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู่ซือ!” ชายชราตาคุกเข่าลงบนพื้นและโขกศีรษะเสียงดังอีกครั้ง
ต้วนเต๋อและเย่ฟ่านก็ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาคำนับอย่างจริงจังและบูชาอู่ซืออย่างจริงใจ การให้ความเคารพต่อจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ไม่ว่ามนุษย์คนใดในโลกล้วนมีความนอบน้อมต่อจักรพรรดิอู่ซือผู้ยิ่งใหญ่โดยไม่มีข้อยกเว้น
อู่ซือได้สร้างคณูปการอันยิ่งใหญ่ให้กับมนุษยชาติและสมควรที่จะได้รับการบูชา
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่…” เมื่อชายชราตาบอดเงยหน้าขึ้นอีกครั้งสิ่งที่เขามองเห็นก็มีเพียงความว่างเปล่า
“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ทั้ง 3 คนตกใจเป็นอย่างมาก ร่างทรงโปร่งที่นั่งสมาธิอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
“เกิดอะไรขึ้น?” พวกเขาสงสัยเล็กน้อย
“บางทีนี้อาจเป็นเงาของรอยประทับที่เขาทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อหลายแสนปีก่อน”
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาคิดว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น จักรพรรดิโบราณผู้ยิ่งใหญ่นั้นทรงพลังราวกับเป็นเทพสูงสุด เพียงรัศมีพลังของพวกเขาก็สามารถบดขยี้โลกทั้งใบให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ได้แล้ว
หากซากศพของเขาอยู่ที่นี่เกรงว่ากลุ่มของเย่ฟ่านจะไม่มีทางเข้าใกล้ได้อย่างแน่นอน ในโลกนี้ผู้ที่เคยเห็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ล้วนตายไปจนหมดสิ้น ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
ในอดีตผิวหนังที่ลอกออกมาของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นั้นเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทุกคนล้วนปรารถนา นับประสาอะไรกับซากศพที่แท้จริงของเขา
โลกทั้งโลกเงียบงัน นี่คือช่วงครึ่งหลังของชีวิตจักรพรรดิที่อ้างว้าง
ไม่มีใครเห็นศพเขา อู่ซืออยู่ที่ใด?
ในเวลานี้ทั้งสามเต็มไปด้วยความสงสัยสับสน แท่นเต๋าที่พวกเขาใช้ความพยายามปีนขึ้นมานั้นยังคงถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งความโกลาหล อย่างไรก็ตามดูเหมือนที่นี่จะไม่มีอย่างอื่นเลย
แท่นเต๋าโบราณถูกจารึกไว้ด้วยรอยด่างของกาลเวลาซึ่งบรรยายถึงความเงียบเหงาของชีวิตจักรพรรดิโบราณ ชายคนหนึ่งนั่งสมาธิอย่างโดดเดี่ยวโดยหันหลังให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมด เขามองอะไรในระยะไกล?
“มีบางอย่างอยู่บนพื้น!”
บนพื้นดินที่เขานั่งขัดสมาธิมีเสื้อคลุมขนนกที่แตกหักกระจัดกระจายอยู่ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่พันปีแล้วแต่ขนนกที่หลุดร่วงออกจากเสื้อกลับไม่ได้ปลิวไปไหน
“เสื้อคลุมเต๋าขนนก!”
“เป็นไปได้ไหมว่าจักรพรรดิอู่ซือได้กลายร่างเป็นเต๋าแล้ว?”
พวกเขาทั้งสามตกใจและรู้สึกเศร้าเล็กน้อย จักรพรรดิมนุษย์ที่ทรงอำนาจที่สุดก็ไม่สามารถหยุดยั้งกาลเวลาอันยาวนานได้ สุดท้ายเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับจักรพรรดิคนอื่นๆ
“เขาจะตายไปแบบนี้หรือ จักรพรรดิอู่ซือทรงพลังมากกว่าจักรพรรดิคนใดในโลก การกลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ดูเหมือนจะไม่ใช่วิธีการที่เขาเลือกให้ตัวเอง?” ต้วนเต๋อกล่าวกับตัวเอง
ทันใดนั้น ร่างกายของชายชราตาบอดก็สั่นเทา เขาชี้ไปที่ขนนกบนพื้นแล้วกล่าวว่า
“นี่... มันจะเป็นอมตะของหงส์เพลิงหรือไม่?”
ต้วนเต๋อก็ดูตกใจเช่นกัน “อะไรนะ มันเป็นไปไม่ได้ ในโลกนี้ยังไม่เคยมีใครใช้วิธีการนี้สำเร็จ”
“ไม่เคยมีใครทำสำเร็จแต่ไม่ได้หมายความว่าอู่ซือจะทำไม่สำเร็จ”
“บางทีเขาอาจจะทำได้จริงๆ ฟื้นฟูตัวเองกลับคืนจากเถ้าถ่านและมีชีวิตที่สองอีกครั้ง” ชายชราตาบอดดวงตาเป็นประกาย
มีบันทึกในสมัยโบราณว่าการกลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตอมตะทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่จนชั่วนิรันดร์
อย่างไรก็ตาม บางคนปฏิเสธสิ่งนี้ พวกเขาค้นหาวิธีการมากมายเพื่อจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ในอดีตก็เคยมีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่หลายคนประสบความสำเร็จในการมีชีวิตที่ 2
หากอู่ซือจะเปลี่ยนตัวเองจากเถ้าถ่านให้ฟื้นคืนชีวิตกลับมาอีกครั้งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“เห็นได้ชัดว่าวิญญาณของเขากลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ อย่างไรก็ตามมีร่องรอยของขี้เถ้าอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างกายที่แท้จริงของเขาได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ถูกต้อง จักรพรรดิอู่ซือฟื้นคืนชีวิตจากเถ้าถ่านได้สำเร็จ”
ต้วนเต๋อจ้องมองไปยังเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นและกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“เถ้าถ่านเหล่านี้คือเศษซากร่างกายของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้ไม่รู้ว่าจะนำไปใช้อะไรแต่มันเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน” ชายชราตาบอดมองไปที่เฉดเท่าทันซึ่งกองอยู่บนพื้น
“จักรพรรดิอู่ซือฟื้นคืนชีพแล้วอย่างแน่นอน แต่เหตุใดเขาจึงไม่นำระฆังศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไปด้วย” ต้วนเต๋อกล่าว
“อาจเป็นเพราะเหตุผลพิเศษ หรือในความเป็นจริงหลังจากที่เขาฟื้นคืนชีพกลับมาความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มมากขึ้น ด้วยพลังระดับนั้นเขามีความจำเป็นอะไรต้องใช้อาวุธวิเศษอีก” ชายชราตาบอดก็ดูไม่มั่นใจเช่นกัน
……..
(ไม่ได้ตรวจคำผิดนะครับจะรีบไปงานศพเดี๋ยวจะกลับมาแก้ให้)