บทที่ 8 องค์ชายอยู่ในห้องเจ้าสาว
อารมณ์ของหนานหยูเทียนในตอนนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นความโกรธแบบทำลายล้าง ทันทีที่เขาเปิดผ้าคลุมหน้าออกแล้วพบว่าเจ้าสาวคนนี้ไม่ใช่เฟิ่งหยินซวง ใจของเขาก็เดือดพล่านไปหมด
แม้จะเคยกล่าวกับตัวเองไว้ว่าการได้เห็นเฟิ่งหยินซวงทำให้เขารู้สึกขยะแขยงและเวทนาตนเองที่ต้องฝืนยิ้ม แต่ถ้าไม่มีนาง เส้นทางการขึ้นสู่บัลลังก์ของเขาก็ต้องจบลงมิใช่หรือ
ภายใต้ความโกรธของหนานหยูเทียน เฉินหยิงกลับสงบนิ่งและอธิบายอย่างใจเย็นว่านางถูกบังคับให้แต่งงานกับกษัตริย์ชิงผิง และนางก็ไม่ได้ขึ้นเกี้ยวผิด แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางเข้าพิธีสาบานตนกับองค์ชายสามไปแล้ว นั่นแปลว่านางคือเจ้าสาวของเขาโดยประเพณี
แน่นอนว่าหนานหยูเทียนปฏิเสธ ด้วยฐานะของหล่อน แค่ตำแหน่งนางบำเรอของเขานางก็ไม่สมควรจะได้รับแล้ว เขาปฏิเสธหัวชนฝาและสิ่งที่ทำต่อมาคือรีบเดินทางไปยังวังชิงผิงเพื่อเอาตัวเฟิ่งหยินซวงคืนมา
เฉินหยิงเองเมื่อโดนปฏิเสธนางก็แสร้งทำเป็นร้องไห้ฟูมฟายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินทางกลับบ้านอย่างสบายใจ
ส่วนฝั่งหนานหยูเทียนนั้นยังคงคิดไม่ตกว่าเหตุใดเจ้าสาวของเขาจึงทำการเช่นนี้ ในระหว่างเดินทางองค์ชายสามถอนหายใจไปแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยครั้ง
กษัตริย์ชิงผิงจุนโมเชน บุคคลที่ทุกคนต่างเกรงขาม
เขาแทบไม่เคยมีส่วนร่วมในกิจกรรมของราชสำนัก แต่กลับมีกองทัพที่ยิ่งใหญ่และได้รับการยกย่องอย่างสูงจากฮ่องเต้พ่อของเขา และบรรดาขุนนางเองต่างก็ให้ความเคารพนับถือจนออกนอกหน้า
องค์ชายทุกคนต้องการที่จะเอาชนะเขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะแสดงออกต่อหน้า เขามีรังสีความน่ากลัวบางอย่างที่น่าพิศวง ท่าทางเคร่งขรึมและหน้ากากหมาป่าที่ปกปิดใบหน้าของเขานั่น ทำให้ทุกคนหวาดกลัวแม้จะเห็นเขาจากระยะไกลก็ตาม
เฟิ่งไท่ซือคิดอะไรอยู่ถึงให้หลานสาวทำแบบนี้? ถึงอย่างไรอำนาจทางทหารก็ต้องตกอยู่ในมือขององค์รัชทายาทที่แท้จริง แม้ฮ่องเต้พ่อของเขาจะยกย่องคนน่ากลัวคนนี้เพียงใด ท้ายที่สุดอาณาจักรฉู่ก็ต้องตกเป็นของลูกแท้ ๆ อย่างเขาอยู่ดี
หนานหยูเทียนยืนอยู่ที่หน้าวังชิงผิง แน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะผลีผลามเข้าไปแม้ในใจจะรู้สึกร้อนรนมากเพียงใด
เขาทำได้เพียงรออย่างอดทน…ไม่รู้ว่าตอนนี้เฟิ่งหยินซวงเป็นอย่างไรบ้าง
ให้ตายเถอะ เขาต้องการนาง
นางคือกุญแจดอกเดียวที่จะพาเขาขึ้นสู่บัลลังก์ตั่งทอง!
ไม่นานนักทหารยามที่รับเรื่องก็เดินกลับมาก่อนจะแจ้งข่าวร้ายกับเขาอย่างเย็นชา
“นายท่านอยู่ในห้องหอกับเจ้าสาว และสั่งไม่ให้ใครรบกวนขอรับ”
หนานหยูเทียนรู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นเฉียบราดลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้า ความเยือกเย็นของมันกัดกินไปจนถึงขั้วหัวใจ
เขาควรรู้สึกอย่างไร? สิ่งที่เขาทุ่มเทมานานกำลังจะถูกทำลายลงอย่างนั้นหรือ!?
ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากเฟิ่งหยินซวงเขาต้องตามเอาใจนางทุกอย่าง เพื่อให้เราสองคนเดินทางมาจนถึงวันนี้ เขาต้องเสียสละตัวเองเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือนางกำลังกลายเป็นภรรยาของคนอื่น
โดนพรากบัลลังก์ยังไม่พอ เขายังโดนพรากเจ้าสาวไปอีกด้วย
อย่างนี้หนานหยูเทียนจะไม่กลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะใส่เอาหรอกหรือ
“เจ้าได้บอกนายของเจ้าหรือไม่ว่าเจ้าสาวของเราสลับตัวกัน? คนที่พวกเจ้ามาพามาที่วังชิงผิงควรจะเป็นเจ้าสาวของข้า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นายของเจ้าจงทำความเข้าใจเสียด้วย!”
เมื่อเห็นว่าหนานหยูเทียนแสดงอาการไม่พอใจ ทหารยามต่างก็ดูกระวนกระวายขึ้นมา
“ข้าบอกท่านไปแล้วว่าท่านชายสั่งว่าห้ามรบกวน ถึงอย่างไรนางก็แต่งงานกับท่านชายแล้ว และกำลังเข้าห้องหอ ซึ่งก็นับว่านางเป็นผู้หญิงของท่านชายแล้วโดยสมบูรณ์”
ทหารผู้กล้าคนหนึ่งแจ้งกับองค์ชายสามอย่างหนักแน่น และนั่นก็ทำให้หนานหยูเทียนหงุดหงิดรุนแรงมากกว่าเดิม แน่นอนว่าเขาทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ เขาไม่กล้าพอที่จะต่อกรกับคนของวังชิงผิงที่เย่อหยิ่งและน่าเกรงขาม
หากเฟิ่งหยินซวงถูกพรากจากพรหมจรรย์ไปแล้วนางก็ไม่ต่างอะไรกับรองเท้าขาด ๆ
ถ้าไม่มีนาง เส้นทางขึ้นสู่บัลลังก์ของเขาก็ยากลำบากกว่าเดิมมาก
แต่จะให้เขาเอาผู้หญิงที่เคยผ่านมือชายอื่นมาแล้วเป็นมเหสีได้อย่างไร?
หนานหยูเทียนสั่นสะท้านไปทั้งตัว มือของเขากำหมัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงจากไปด้วยความสิ้นหวังและอับอายราวกับไก่ที่พ่ายแพ้
เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก ระหว่างเดินทางกลับเขาจึงคิดทบทวนถึงความน่าสงสัยและความร้ายแรงของเรื่องนี้
หนานหยูเทียนเปลี่ยนเส้นทางม้า เขามุ่งหน้าไปยังวังหลวงเพื่อรอพบฮ่องเต้และร้องขอความยุติธรรม
เขาไม่คิดสงสัยเฟิ่งหยินซวงเลยแม้แต่น้อย เขารู้จักอุปนิสัยนางดี เฟิ่งหยินซวงรักเขามากจนยอมที่จะแต่งงานด้วย ดังนั้นนี่อาจเป็นแผนการของกษัตริย์ชิงผิง หากกษัตริย์ชิงผิงได้เกี่ยวดองกับตระกูลเฟิ่ง อำนาจและบารมีของเขาจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอย่างทวีคูณ อย่างนั้นราชวงศ์จะยังปลอดภัยดีอยู่หรือไม่?
หนานหยูเทียนคุกเข่ารออยู่ที่หน้าห้องบรรทมของฮ่องเต้ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งเวลาตีห้า เมื่อท่านตื่นขึ้นในตอนเช้าก็ต้องตกใจกับข่าวที่ได้รับ
เมื่อวานนี้ทั้งองค์ชายสามและกษัตริย์ชิงผิงต่างได้ฤกษ์แต่งงานในวันเดียวกัน ซึ่งนับเป็นวันที่ดีสำหรับบ่าวสาวที่จะได้รับความสุขถึงสองเท่า ทั้งเมื่อพระองค์เสด็จกลับวังก็ได้ทราบข่าวว่าน้ำที่ท่วมอยู่ทางใต้ได้แก้ไขได้สำเร็จแล้ว พระองค์ถึงอารมณ์ดีและนอนหลับสบายมากเป็นพิเศษ ไม่คิดเลยว่าจะตื่นมาพบกับเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ตั้งแต่เช้าตรู่
“เกี้ยวเจ้าสาวสลับกันอย่างนั้นหรือ!?”
“ท่านพ่อต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วย กษัตริย์ชิงผิงปล้นภรรยาของข้าไปอย่างเปิดเผย ข้าเดินทางไปถึงหน้าวังของเขาเพื่อทวงคืนแล้ว แต่กลับถูกไล่และเยาะเย้ย เขากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่เห็นข้าเป็นองค์ชายรัชทายาทของฮ่องเต้เลยหรือ” หนานหยูเทียนพูดด้วยความคับแค้น
ได้ยินดังนั้นฮ่องเต้ก็ยังไม่แสดงท่าทีโกรธเคืองขึ้นมาในทันที ท่านต้องการแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่ก็อยากใช้เวลาตกตะกอนความคิดให้ลึกซึ้งถึงสาเหตุที่กษัตริย์ชิงผิงกระทำการแบบนี้เสียก่อน
“พวกเจ้ามีความเข้าใจผิดกันในเรื่องนี้หรือไม่? เมื่อวานทั้งเจ้าและกษัตริย์ชิงผิงต่างแต่งงานด้วยกันทั้งคู่ และเจ้าก็เป็นผู้พาเฟิ่งหยินซวงขึ้นเกี้ยวด้วยตัวเองมิใช่หรือ? จะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าสาวทั้งสองคนจะถูกสลับเกี้ยวกัน?”
หนานหยูเทียนเงียบไปชั่วขณะ ใช่ เขาเป็นคนพาเฟิ่งหยินซวงขึ้นไปบนเกี้ยวด้วยตัวเอง และในเวลานั้นกษัตริย์ชิงผิงก็ทำเพียงส่งขบวนไปรับเจ้าสาวเท่านั้น เขาไม่ได้ไปปรากฏตัวที่บ้านฝ่ายหญิงเลยด้วยซ้ำ และเขาเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าเกี้ยวเจ้าสาวของพวกเขาสลับกันได้อย่างไร
“ท่านพ่อ ลูกชายของท่านอยู่เคียงข้างหยินซวงตั้งแต่ที่บ้านตระกูลเฟิ่ง อย่างนั้นข้าจะเข้าใจผิดว่าเป็นเกี้ยวของเจ้าสาวอีกงานหนึ่งได้อย่างไร สิ่งเดียวที่พอจะเป็นไปได้คือตอนที่ฝนตกหนักระหว่างทางแล้วเราทั้งสองขบวนต้องไปหลบฝนกันในวิหารร้าง ต้องเป็นในตอนนั้นแน่ที่คนของกษัตริย์ชิงผิงจะลงมือ”
ฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกความเห็นอย่างใจเย็น
“ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีเพียงเฟิ่งหยินซวงและแม่นางเฉินเท่านั้นที่สามารถตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะสอบสวนความจริงและคืนความยุติธรรมให้เจ้าอย่างแน่นอน”
“ข้าไม่ได้ต้องการความยุติธรรม ข้าแค่ต้องการหยินซวงคืน!”
หนานหยูเทียนไม่แม้แต่จะสนใจว่าเฟิ่งหยินซวงจะสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วหรือยัง เขาต้องการที่จะแต่งงานกับนางและแต่งตั้งนางเป็นมเหสีให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตระกูลเฟิ่งต้องพาเขาขึ้นไปยังบัลลังก์ของจักรพรรดิให้ได้ตามแผนการ