บทที่ 73 ทักษะขั้นสมบูรณ์แรก
ซืออวี๋รู้สึกเหนื่อยมาก
ไม่เพียงแค่เขาจะต้องทำงานล่วงเวลาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะการพัฒนาความเชี่ยวชาญทักษะนั้นดูเหมือนจะเป็นการเดินทางอันไร้จุดจบ
ความเชี่ยวชาญทักษะนี้อยู่ในขั้นเริ่มต้นในการสอนหนึ่งครั้ง สองครั้งขั้นช่ำชอง สี่ครั้งขั้นชำนาญ นี่เป็นการสอนมากกว่าสิบครั้งแล้ว ทำไมถึงยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์ล่ะ?
ซืออวี๋สงสัยว่าสารบัญทักษะกำลังหยอกล้อเขา
เขาเดาไม่ออกเลยว่าหลักการของสารบัญทักษะเป็นยังไง
มิฉะนั้น ในทางทฤษฏี ชำนาญ+4 ก็ควรจะเป็นขั้นสมบูรณ์แล้ว
“ขั้นสมบูรณ์ไม่ง่ายเหมือกับที่ข้าคิดไว้…”
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ซืออวี๋ก็ยอมแพ้
ท้ายที่สุด จากขั้นเริ่มต้นถึงขั้นชำนาญ ตราบใดที่สัตว์อสูรฝึกฝนอย่างหนัก นั่นอาจข้ามปัญหาของศักยภาพและพรสวรรค์ได้
และเพื่อให้ถึงความเชี่ยวชาญขั้นสมบูรณ์… มีเขตแดนที่ซึ่งสัตว์อสูรบางตัวอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ในตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา
พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ลองอีกสักครั้ง!
ซืออวี๋สอนหนอนไหมเขียวอีกสองครั้งด้วยความคิดที่จะลองดูสักตั้ง
ความประหลาดใจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเสมอมา
“จิ๋…”
หลังจากหนอนไหมเขียวในมือของซืออวี๋เพิ่มระดับขึ้น เสียงร้องของมันก็ดังเข้ามาในหูของซืออวี๋
ในฐานะสัตว์อสูรประเภทแมลง การที่หนอนไหมเีขยวจะเติบโตอย่างรวดเร็วนั้นเป็นเรื่องปกติมาก หลังจากได้รับการสอนไหมหนอนสองครั้ง ซืออวี๋ก็ไม่แปลกใจเลยที่มันจะทะลวงเข้าสู่ระดับปลุกตื่นขั้นสิบ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากนั้น ข้อมูลที่บักกี้มอบให้แก่ซืออวี๋นั้นไม่เรียบง่ายเลย
“อะไรกัน ในที่สุดไหมหนอนก็มีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพแล้วเหรอ?”
มือของซืออวี๋สั่นและเขาเกกือบจะโยนบักกี้
หลังจากไหมหนอน (ชำนาญ+12) ในที่สุดมันก็มาถึงขั้นสมบูรณ์
“จิ๋ จิ๋!” หนอนไหมเขียวพยักหน้าด้วยดวงตาที่สดใสและกระโดดลงมาจากฝ่ามือของซืออวี๋
จากนั้น มันก็มองไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ในลานซึ่งถูกใช้เป็นของตกแต่ง
หวูดดด!!!
หนอนไหมเขียวพ่นไหมหนอนออกมา ไม่ใช่แแค่เส้นเดียว แต่มีมากกว่าสอบเส้นในคราวเดียว ดังนั้นมันจึงหนาเป็นพิเศษซึ่งประมาณฟางข้าวหนา
จากนั้น หนอนไหมก็พุ่งตรงไปที่ก้อนหินราวกับกระสุน รอยแตกปรากฎขึ้นมาบนก้อนหินพร้อมกับเสียงอันดังกึกก้อง
ซืออวี๋กำลังจะกล่าวว่า ‘แค่นั้นเหรอ?’ มันไม่ได้ทรงพลังเท่ากับการเคลือบแข็งขั้นเริ่มต้นเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตระหนักได้ว่านี่เป็นเพียงแค่หนอนไหมเขียว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจ “ไม่เลวเลย”
วันนี้ ไหมหนอนได้เข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แล้ว และหนอนไหมเขียวก็เข้าใกล้การวิวัฒนาการเข้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว
[สัตว์อสูร] : หนอนไหมเขียว
[ระดับการเติบโต] : ปลุกตื่นขั้นสิบ
[ระดับเผ่าพันธุ์] : หนอนไหมเขียว (ขั้นสมบูรณ์)
นี่ควรเป็นคุณสมบัติในปัจจุบันของหนอนไหมเขียว
“จิ๋ จิ๋!” ในขณะนั้นเอง หลังจากได้รับคำชมของซืออวี๋ หนอนไหมเขียวก็ร้องออกมาอย่างมีความสุข
ในขณะนี้ ซืออวี๋รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขามองไปที่หนอนไหมเขียวก่อนที่จะตระหนักได้ว่าดูราวกับว่าเขาจะสามารถสื่อสารกับหนอนไหมเขียวได้นานยิ่งกว่าปกติ
ในตอนแรก หนอนไหมเขียวมีสัญชาตญาณเท่านั้น ซืออวี๋ไม่สามารถสื่อสารกับมันได้เลย
ในภายหลัง ซืออวี๋ได้เลี้ยงดูมันมาสักพักหนึ่ง หลังจากระดับการเติบโตของมันเพิ่มขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็สื่อสารกันได้ง่ายขึ้นผ่านกระแสจิต
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น การสื่อสารถูกจำกัดไว้เพียงคำสั่งธรรมดาเท่านั้น สติปัญญาของหนอนไหมเขียวในตอนนั้นอาจเทียบเท่ากับแมวหรือสุนัขที่ถูกเลี้ยงเท่านั้น หรือแม้กระทั่งด้อยกว่าเล็กน้อย
แต่ในตอนนี้ เมื่อนหนอนไหมเขียวถึงระดับปลุกตื่นขั้นสิบและไหมหนอนของมันถึงขั้นสมบูรณ์ ซืออวี๋จึงแทบจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของมันได้ชัดเจน
นอกจากนี้ เมื่อมันสื่อสารกับซืออวี๋ มันก็เริ่มดูเหมือนกับเด็กน้อยที่สามารถคิดได้อย่างอิสระ
บางทีมันอาจไม่ฉลาดเท่ากับอสูรกินเหล็ก แต่ซืออวี๋ก็ยังค่อนข้างพอใจที่มันมาไกลถึงขนาดนี้
หนอนไหมเขียวระดับปลุกตื่นขั้นสิบในฐานเพาะพันธุ์ไม่ฉลาดเช่นนี้เลย ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะทักษะเผ่าพันธุ์ขั้นสมบูรณ์
“ถ้าเช่นนั้น บนพื้นฐานของขั้นชำนาญ การสอนอีกสิบสองครั้งจะเป็นเกณฑ์ของขั้นสมบูรณ์! กล่าวอีกนัยหนึ่ง การสอนสิบหกครั้งจะช่วยให้ถึงขั้นสมบูรณ์!”
ซืออวี๋มองไปยังทางสนามฝึกในสวนหลังบ้าน กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเขาสอนทักษะการเคลือบแข็งของอีเลฟเว่นอีกสามครั้ง มันก็จะถึงขั้นสมบูรณ์เช่นกันใช่ไหม?
บางทีอาจสอนแค่สองครั้ง ท้ายที่สุด อีเลฟเว่นก็พยายามอย่างหนักในการฝึกฝนของตัวเอง มันจะเพิ่มความเชี่ยวชาญของมันเองอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ ซืออวี๋ก็ตัดสินว่าน่าจะเป็นสามครั้ง ท้ายที่สุด ความเชี่ยวชาญขั้นสมบูรณ์ต้องใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนอย่างหนัก แม้ว่าอีเลฟเว่นจะขยันขันแข็งมากเพียงใด แต่มันก็ฝึกฝนได้เพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น
เมื่อเทียบกับแถบค่าประสบการณ์อันมหาศาลในขั้นสมบูรณ์แล้ว การฝึกฝนอันขมขื่นของมันเปรียบเสมือนกับการที่มันปลอบใจตัวเองว่าประสบการณ์ที่ซืออวี๋ให้กับมันเป็นของตัวมันเอง การพัฒนาของมันเป็นเพราะความพยายามของมันไม่ใช่การพึ่งพาสิ่งอื่น
“ข้าหมดความอดทนกับการปิดประตูบ่มเพาะแล้ว และวางแผนที่จะท้าทายซากปรักหักพังในวันพรุ่งนี้… แต่จากลักษณะแล้ว ข้าจะไปหลังจากการเคลือบแข็งขั้นสมบูรณ์”
หลังจากพิจารณาแล้ว ซืออวี๋ก็ตัดสินใจ จากนั้นเขาก็มองไปที่หนอนไหมเขียวตัวน้อยบนพื้น
เขาต้องการที่จะกลั่นแกล้งบักกี้ ในอดีต หนอนไหมเขียวไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้ล่ะ?
“บักกี้ มานี่สิ”
ซืออวี๋ตะโกนเรียกบักกี้ซึ่งคลานเข้ามาหาเขาในทันที
“มีไก่และกระต่ายหลายตัวอยู่ในกรงเดียวกัน พวกมันทุกตัวมีหนึ่งหัว ไก่มีขาสองข้าง กระต่ายมีขาสี่ข้าง หากมีหัวทั้งหมด 35 หัว และมีขาทั้งหมด 94 ข้าง บอกข้าว่ามีไก่และกระต่ายอยู่กี่ตัวในกรงนี้?”
หนอนไหมเขียวไร้คำกล่าว
หนอนไหมเขียวมองไปที่ซืออวี๋ด้วยความสับสน
“ลืมไปเถอะ อีเลฟเว่นก็ไม่รู้คำตอบนี้เช่นกัน มันยากไปเล็กน้อยสำหรับพวกเจ้า”
“เอาล่ะ คำถามต่อไป หญ้าหนวดมังกร ใบไผ่ ใบกระหล่ำปลี เจ้าชอบอันไหน?”
“จิ๋!”
หนอนไหมเขียวไม่ได้โง่เขลา
มันบอกว่ามันชอบพวกมันทั้งหมด
หากมันต้องเลือกเพียงหนึ่งสิ่ง มันจะเลือกสิ่งที่มีจำนวนมากที่สุด
หากจำนวนเท่ากัน มันก็จะเลือกหญ้าหนวดมังกร
ซืออวี๋พยักหน้า เอาล่ะ ไอคิวนี้ยังคงพอใช้ได้ในขณะนี้ มันจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตหลังจากบ่มเพาะมันมากยิ่งขึ้น
“คำถามต่อไป ใครดีกับเจ้า อีเลฟเว่นหรือข้า?”
หนอนไหมเขียวตกอยู่ในห้วงความคิดลึก
มันจำได้ว่าอสูรกินเหล็กรบกวนการนอนของมันทุกวันและดึงมันไปฝึกด้วยกันทุกครั้ง มันลำบากมากเกินไป
เมื่อเทียบกันแล้ว ซืออวี๋ไม่เพียงแค่สร้างบ้านให้แก่มันเท่านั้น แต่เขายังเตรียมอาหารให้แก่มันทุกวันอีกด้วย ความแตกต่างชัดเจนมาก!
“จิ๋!”
เจ้า
หนอนไหมเขียวยืนยัน
“เจ้าตัวเล็กนี้ควรค่าแก่การสอน”
“หนึ่งคำถามสุดท้าย ทำไมเจ้าถึงชอบนอนมากเช่นนี้ล่ะ?”
ซืออวี๋ค่อนข้างงงวย เขาได้ศึกษาหนอนไหมเขียวอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุด ในช่วงเวลาสามเดือนที่เขาเป็นนักเพาะพันธุ์ฝึกหัด เขาได้ดูแลหนอนไหมเขียวแทบทุกวัน
หนอนไหมเขียวธรรมดาไม่ได้นอนมากเช่นนี้เลย
นอน…?
หนอนไหมเขียวคลานไปมาราวกับว่ามันกำลังคิดว่าจะอธิบายยังไง
อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจนมากเกินไป เนื่องจากซืออวี๋มีกระแสจิต ซืออวี๋สามารถอนุมานได้คร่าวๆ
“เพราะ… ข้าสามารถเข้าสู่อีกโลกหนึ่งได้… ข้าไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร… ข้าไม่ต้องกังวลเรื่องการหลบหลีกศัตรูตามธรรมชาติของข้า… ข้าเป็นอิสระ… อยู่ในสถานที่ซึ่งข้าชื่นชอบ… เหรอ?”
หลังจากกล่าวไปเช่นนั้น ซืออวี๋ก็ตกตะลึง “เจ้าหมายถึงในความฝันเหรอ?”
“ควรจะเป็นเช่นนั้น…” เดิมทีซืออวี๋สงสัยว่าทำไมหนอนไหมเขียวตัวนี้ถึงนอนเยอะมาก ดังนัันมันจึงไม่ชอบนอน แต่มันชอบฝัน
แต่สัตว์อสูรประเภทแมลงเช่นหนอนไหมเขียวฝันได้เหรอ?
ในชีวิตก่อนของเขา ซืออวี๋ยังรู้ว่าสัตว์อสูรบางตัวฝันได้ แต่สัตว์อสูรส่วนใหญ่ฝันไม่ได้ ในโลกนี้ สัตว์อสูรได้วิวัฒนาการมาจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หนอนไหมเขียวจะฝันได้
ซืออวี๋ยื่นมือออกไปและหนอนไหมเขียวก็ค่อยๆ คลานขึ้นมา
“ข้าควรจะตั้งชื่อให้แก่เจ้าไหม?”
“ลืมไปเถอะ ข้าตั้งชื่อไม่เก่ง ข้าจะเรียกเจ้าว่าบักกี้ต่อไป”
จากวิธีที่เขาตั้งชื่อให้แก่อสูรกินเหล็กน้อยว่าอีเลฟเว่นโดยตรง เราสามารถบอกได้ว่าซืออวี๋ไร้ความสามารถด้านการตั้งชื่อมากเพียงใด เขาไม่ได้ตั้งชื่อให้กับหนอนไหมเขียวเพราะเขากลัวว่าเขาจะตั้งชื่อที่แปลกประหลาดเช่น ‘ซือเอ๋อ’ ‘หนอนน้อย’ และ ‘เขียวน้อย’
บักกี้ค่อนข้างดีและน่ารัก
“จิ๋…” หนอนไหมเขียวไร้คำกล่าว
“ลืมไปเถอะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด”
ตอนนี้หนอนไหมเขียวสามารถสื่อสารได้ตามปกติแล้ว ซืออวี๋รู้สึกโล่งใจในทันที นี่เป็นเพราะเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเส้นทางการวิวัฒนาการของหนอนไหมเขียวอีกต่อไป
ตอนนี้ มันได้ถึงระดับปลุกตื่นขั้นสิบแล้ว ต่อไปคือทักษะขั้นเหนือธรรมชาติ ก่อนที่มันจะสิ้นอายุขัยลง มันต้องรีบวิวัฒนาการเป็นรังไหม
หลังจากแน่ใจว่ามันมีศักยภาพเพียงพอ เขาตัดสินใจให้หนอนไหมเขียวมีอิสระในตัวเองและปล่อยให้มันเลือกทางเลือกเอง
หนอนไหมเขียวจะตัดสินใจว่าต้องการวิวัฒนาการเป็นสัตว์อสูรประเภทไหน จากนั้นซืออวี๋ก็จะคิดหาหนทาง ด้วยวิธีนี้ อย่างน้อยเขาก็จะมีทิศทางคร่าวๆ
ซืออวี๋หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและวางหนอนไหมเขียวไว้บนไหล่ของเขา เขาเปิดบางสิ่งในขณะที่หนอนไหมเขียวดูสับสน
“ให้ข้าแนะนำเจ้าเกี่ยวกับคุณสมบัติต่างๆ ก่อน… เจ้าบอกตัวเลือกแรก ตัวเลือกที่สอง และตัวเลือกที่สามให้แก่ข้า เราจะมาดูกันว่าเจ้าจะวิวัฒนาการไปทิศทางไหน…”
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน