บทที่ 7 เทียนแต่งงาน
เขานิ่งไปชั่วขณะหลังนางเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ได้รู้ มือใหญ่ยังคงกำข้อมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้งยังจ้องมาที่นางนิ่ง ๆ จนนางเริ่มหวั่นใจ
“เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว เจ้าก็ถือว่าเป็นของข้า ต่อให้เจ้าอ้างว่าเป็นหลานของท่านเฟิ่งไท่ซือหรือราชินีจากเมืองไหน เจ้าก็ยังเป็นของข้า จงทำความเข้าใจใหม่เสียด้วย” แต่เมื่อโดนตอกกลับมาแบบนั้นเฟิ่งหยินซวงก็ยิ่งหน้าเสีย จากที่วิตกเกี่ยวข่าวลือของกษัตริย์ชิงผิงอยู่แล้วก็ยิ่งตื่นตระหนกไปกันใหญ่ เขาน่ากลัว และหญิงสาวหลายคนคงจะหน้าถอดสีหากได้ยินประโยคแสดงความเป็นเจ้าของอันรุนแรงของเขา ไม่ก็คงถูกเขาจับถลกหนังหลังจากแสดงความเป็นเจ้าของเสร็จ
เฟิ่งหยินซวงจินตนาการไปต่าง ๆ นานา นี่นางกำลังหนีเสือปะจระเข้อยู่หรือเปล่า?
“ข้าพูดความจริง!” นางยืนยันกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกท่าน ความจริงแล้วคนที่ข้าต้องแต่งงานด้วยคือองค์ชายสาม แต่เพราะฝนตกหนักทำให้เจ้าสาวของท่านจมน้ำตาย ส่วนข้าก็ขึ้นเกี้ยวผิดถึงได้ถูกหามมาที่วังชิงผิงของท่านอย่างไร ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ท่านก็ส่งคนไปตรวจสอบที่วังองค์ชายที่สามเลยก็ได้ พวกเขาก็น่าจะเพิ่งรู้ว่าเจ้าสาวหายไปเช่นกัน!”
“ถ้าเจ้านั่งเกี้ยวผิดจริง ๆ ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เหตุใดถึงปล่อยเวลามาจนข้าได้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้า” แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดสักนิด
“คือข้า…ความจริงแล้ว…ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ข้าไม่กล้าพูดออกไป ก่อนหน้านี้ข้าไม่ชอบท่านเพราะได้ยินข่าวลือที่ไม่ดี แต่ตอนนี้ข้าคิดใหม่แล้ว”
เฟิ่งหยินซวงยิ้มกว้างพยายามประจบสอพลอเขา
“ข้ามันช่างโง่เขลาที่เชื่อคำพูดของคนอื่นง่าย ๆ ข้ารู้มาว่าศิลปะการต่อสู้ของท่านไม่มีใครในโลกเทียบเทียมได้ ทั้งยังเก่งกาจในด้านการรบอย่างมาก อย่างนี้แล้วท่านจะเป็นคนน่ากลัวตามที่เขาลือกันได้อย่างไร”
“มันก็จริงอย่างที่พวกเขาว่ากันนั่นแหละ” เขายอมรับหน้าตาเฉย
เฟิ่งหยินซวงหน้าซีด นี่เขายอมรับว่าตัวเองกระหายเลือดทั้งยังกินเนื้อมนุษย์จริง ๆ หรือ?
จากที่เคยคิดว่าการที่นางผ่านเรื่องราวเลวร้ายในชาติที่แล้วมาได้คงไม่มีอะไรที่จะทำให้นางรู้สึกกลัวได้อีกแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญกับ ‘บุคคลอันตราย’ สองต่อสองในพื้นที่ของเขาแบบนี้ นางกลับรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก
หากเขาฆ่านางแล้วเอาไปเป็นอาหารขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไร?
ถ้าถูกกษัตริย์ชิงผิงฆ่าตายไปก่อน นางคงไม่มีโอกาสได้กลับมาแก้แค้นพวกสารเลวได้อีกแน่
นางไม่สามารถทนเห็นหนานหยูเทียนและซูมันรูมีความสุขได้ ต่อให้นางต้องโดนฆ่าตายอีกรอบนางก็จะเป็นผีตามอาฆาตพวกมัน!
“ท่าน…ท่านปล่อยข้าไปเถิด ข้าเป็นหลานสาวของท่านปู่เฟิ่งไท่ซือ จริง ๆ ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดของข้าเอง ท่านอย่าให้ความผิดมันดำเนินต่อไปเลยนะ”
“ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด” ชายคนนั้นมองนางอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเจ้าเข้าพิธีสาบานตนและเข้าห้องหอกับข้าแล้ว แปลว่าชีวิตเจ้าหลังจากนี้เป็นของข้า สิ่งเดียวที่จะทำให้ข้าปล่อยเจ้าออกไปได้ก็คงมีเพียงความตายเท่านั้น”
ก่อนที่เฟิ่งหยินซวงจะได้ทักท้วงอะไรออกไป นางก็ถูกเขากดลงกับเตียงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขากักขังนางไว้ใต้ร่างด้วยแขนเพียงข้างเดียวก่อนจะปลดเข็มขัด และเสื้อคลุมของตัวเองออกด้วยมืออีกข้าง
นางเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง และใช่ว่าจะไม่มีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้มาก่อน
จากการกระทำของเขา แน่นอนว่านางเข้าใจความหมายของมันเป็นอย่างดี และแม้ว่าร่างกายนี้จะเป็นร่างกายของนางเมื่อห้าปีก่อน แต่นางก็ทำใจยากเหลือเกินที่จะยอมรับได้ลง
เพราะฉะนั้นนางจึงพยายามต่อต้านเขาสุดแรง
แต่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนางจะต้านทานความแข็งแกร่งของขุนศึกมากประสบการณ์อย่างเขาได้อย่างไร!?
“นายท่านขอรับ!” แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกอย่างเร่งรีบดังขึ้นที่ด้านนอก
“องค์ชายสามนำทหารมาขอเข้าพบท่าน เขาอ้างว่าเจ้าสาวของพวกท่านสลับตัวกัน ขอให้ทำการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวทันทีขอรับ!”
หัวใจของเฟิ่งหยินซวงสั่นสะท้าน มือที่กำลังต่อต้านคลายแรงลงอย่างฉับพลัน
และในขณะที่กษัตริย์ชิงผิงกำลังจะตอบกลับไป เฟิ่งหยินซวงก็คว้าท้ายทอยเขาลงประกบปากอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของเราบดเบียดเข้าหากันอย่างหิวกระหาย ไม่ทันได้ตั้งตัว มือเล็ก ๆ ของนางก็เอื้อมไปปลดเข็มขัดของเขาออกก่อนจะโยนทิ้งไปอีกทาง
ความสงสัยฉายชัดขึ้นในดวงตาของเขา เมื่อครู่นี้นางยังต่อต้านเขาอยู่เลยไม่ใช่หรือ?
การที่องค์ชายสามตามมาถึงที่นี่นั่นแปลว่าเจ้าสาวของเราสลับตัวจริง ๆ
อย่างนั้นก็ควรจะดีใจที่เจ้าบ่าวตัวจริงกลับมารับไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดนางถึงทำแบบนี้?
กษัตริย์ชิงผิงไม่ขัดขืนทั้งยังสนุกกับความซับซ้อนของนางไปด้วย เขาปล่อยให้นางทำตามต้องการก่อนจะสังเกตเห็นน้ำตาเม็ดเล็กของนางค่อย ๆ ไหลลงมาจากหางตา
เฟิ่งหยินซวงเป็นคนหยิ่งยโสและโอหังอยู่ในที
นางยอมโดนทรมานจนตายได้แต่ไม่อาจยอมรับในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
แต่ตอนนี้ เมื่อรู้ว่าหนานหยูเทียนมาที่นี่เพื่อจะเอาตัวนางกลับไป นางกลับยอมสละพรหมจรรย์ให้กับเขาเพื่อใช้เป็นเครื่องยืนยันว่านางเป็นภรรยาของกษัตริย์ชิงผิงโดยสมบูรณ์แล้ว
และแม้ว่านางต้องถูกกษัตริย์ชิงผิงทรมานจนตายอยู่ที่นี่
นางก็จะไม่มีวันกลับไปกับหนานหยูเทียนโดยเด็ดขาด!
“พอแล้ว” กษัตริย์ชิงผิงดันนางออกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
เขาพอจะเข้าใจบางอย่างมากขึ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการแต่งงานกับองค์ชายสามถึงได้กุเรื่องขึ้นเกี้ยวผิดมาหลอกเขา คิดว่าเขาจะหลงเชื่ออุบายตื้น ๆ อย่างนี้ได้ลงหรือ?
“ไม่พอ!” เฟิ่งหยินซวงรั้งตัวเขากลับมา
“ท่านบอกว่าข้าสาบานตนและเข้าห้องหอกับท่านแล้ว แปลว่าข้าเป็นของท่าน ท่านจะยอมให้คนของท่านไปกับคนอื่นรึ?”
“หึ” เขายกมือบีบคางนาง บังคับให้นางสบตากับเขา “ข้าเป็นผู้นำทัพ นำกำลังพลทำสงครามมานับไม่ถ้วน คิดว่าข้าจะตกเป็นเครื่องมือของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ อย่างนางได้ง่าย ๆ หรือ?”
นางรู้ว่าเขาอ่านความคิดของนางออกว่าต้องการใช้เขาเป็นเครื่องต่อรอง แต่ตราบใดที่นางยังอยู่ในสถานะภรรยาของเขา หนานหยูเทียนก็คงไม่สามารถทำอะไรได้
แต่สิ่งที่นางกังวลที่สุดในตอนนี้คือถ้ากษัตริย์ชิงผิงยอมส่งตัวนางคืนแต่โดยดี นางคงไม่มีเวลาแม้แต่จะขอความคุ้มครองจากท่านปู่ และคงถูกไอ้ปีศาจนั่นทำร้ายเอาอย่างแน่นอน
“ข้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่ากษัตริย์ชิงผิงผู้น่าเกรงขามจะเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้” เฟิ่งหยินซวงพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เพราะคนที่ต้องการตัวข้าคือองค์ชายสามใช่หรือไม่ ท่านถึงได้หวาดกลัวนัก? อย่าลืมว่าข้าแต่งงานกับท่านแล้ว และตอนนี้ข้าก็ถือเป็นภรรยาของท่าน แค่ภรรยาของตัวเองท่านยังรักษาไว้ไม่ได้ ต่อไปท่านก็คงรักษาอะไรไว้ไม่ได้สักอย่าง!”
นางกลั้นใจพูดเหน็บแนมเขาทั้งที่ตัวเองตัวสั่นงก ถึงจะกลัวถูกเขาจับไปทรมานแค่ไหนแต่เพื่อไม่ให้ถูกส่งตัวกลับไปนางก็จะทำทุกวีถีทาง
กษัตริย์ชิงผิงนิ่งไปชั่วขณะ เขามองเห็นแววความเกลียดชังในตัวองค์ชายสามผ่านดวงตาของนางได้อย่างชัดเจน
ช่างน่าสนใจ…
มือใหญ่เอื้อมไปดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายที่ไม่เรียบร้อยของนางไว้ เฟิ่งหยินซวงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหลับตาลงเมื่อเขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูเบา ๆ
“เจ้าเป็นของข้า ต่อให้เป็นเทพหรือปีศาจก็ไม่มีใครเอาเจ้าไปจากข้าได้ จำคำข้าเอาไว้”