บทที่ 69: บุรุษรูปงามมักโดดเดี่ยว!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 69: บุรุษรูปงามมักโดดเดี่ยว!
หลังจากยุ่งวุ่นวายมาสองวัน ในที่สุดหลินเป่ยฟานก็จัดการงานที่ค้างคาของอาณาจักรดาร์โรเป็นอันเสร็จสิ้น เขาจึงมีวันหยุดสองวัน
ยามนี้ดวงตะวันส่องแสง สายลมเย็นฉ่ำกำลังพัดพามา หลินเป่ยฟานและหลี่ซือซือออกจากเมืองเพื่อออกไปรับบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิ
พวกเขานั่งรถม้าสองคัน คันหนึ่งสำหรับคนและอีกคันสำหรับเก็บอาหาร จากนั้นพวกเขาก็เดินทางออกจากเมืองไป เจ้าหญิงน้อยก็ตามมาด้วย
ดูเหมือนว่านับตั้งแต่นางได้พบกับหลินเป่ยฟาน นางก็ได้กลายเป็นหางเล็กๆ ของเขาเสียแล้ว ไม่ว่าไปที่ใด นางก็จะตามไป
พวกเขาเลือกจุดที่พอเหมาะ ตั้งโต๊ะยาวและจัดของว่าง มีทั้งไวน์และน้ำชา พวกเขาเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่งดงามตระการตาขณะรับประทานอาหารอย่างมีความสุข
หลินเป่ยฟานและหลี่ซือซือนั่งอยู่ด้วยกัน หัวเราะและชื่นชมทิวทัศน์ของภูเขา
พวกเขาทั้งคู่ราวกับเป็นงานรังสรรอันสมบูรณ์แบบของพระผู้เป็นเจ้า!
ส่วนเจ้าหญิงน้อยที่นั่งตรงข้าม ยังคงกินและกินอยู่เสมอ...
ปากเล็กๆ ของนางไม่ยอมหยุดเลยสักนิดเดียว!
หลินเป่ยฟานทนไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้าหญิงน้อย ท่านอย่ากินอีกต่อไปเถิด! กว่าจะได้ออกมาเช่นนี้เป็นเรื่องหายากนัก ท่านควรเชยชมทิวทัศน์รอบตัว ทำจิตใจให้ว่างเปล่าและอย่าคิดแค่เรื่องกินสิ!”
เจ้าหญิงน้อยยังคงกินแตงโมอยู่และกล่าวสวนกลับไปว่า “ไม่เห็นจะมีอะไรดีสักอย่าง ข้าดูมันมานานกว่าสิบปีและก็เบื่อเต็มทนแล้ว!”
“ท่านมีชีวิตอยู่มาสิบปีแล้ว ทำไมท่านไม่เบื่อชีวิตบ้างล่ะ?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม
เจ้าหญิงน้อยได้แต่เงียบกริบ
เจ้าหญิงน้อยขว้างเปลือกแตงโมและจ้องมองหลินเป่ยฟานด้วยความโกรธ “พี่สาวซือซือ ดูเจ้าสารเลวหลินเป่ยฟานผู้นี้สิ เขาพูดจาต่ำช้านัก! พี่สาวซือซือมาตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบได้ยังไงกัน?”
หลี่ซือซือแนบอิงแขนของหลินเป่ยฟานและปิดปากของนางลงแล้วหัวเราะออกมา “องค์หญิงน้อย ท่านคงไม่เข้าใจ สามีของข้าเป็นบุรุษที่ดีงามที่สุดในโลก! การได้อยู่กับเขาทำให้ข้ามีความสุขและสบายใจมาก!” หลินเป่ยฟานเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกตะลึงงัน
“เจ้าหญิงน้อย ไม่ใช่ว่าท่านเองก็มาเล่นกับท่านสามีข้าบ่อยๆ หรือ?”
เจ้าหญิงน้อยหลบสายตาทันที “เพราะข้าไม่มีเพื่อนเลยต่างหาก! สถานะของข้าสูงเกินไป ทุกคนกลัวข้าและไม่ยอมเล่นกับข้า! ผู้ที่มีสถานะเดียวกันก็ล้วนเป็นพวกเจ้าสำราญจนเราเล่นด้วยกันไม่ได้!”
“ในสมัยก่อน พี่สาวจักรพรรดินีจะเป็นคนเล่นกับข้า! แต่นับตั้งแต่นางขึ้นครองบัลลังก์ ก็ยุ่งมากขึ้นและมีภาพลักษณ์ต้องรักษา ดังนั้นข้าจึงไม่มีเพื่อนเลย!”
“มีเพียงหลินเป่ยฟานเท่านั้นที่ไม่กลัวข้า ข้าคงไม่มีเพื่อนเลยถ้าไม่มาเล่นกับเขา!”
ในยามนั้นเอง มีมืออันอบอุ่นได้ลูบศีรษะของเจ้าหญิงตัวน้อย
เจ้าหญิงน้อยเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าอันอบอุ่นของหลินเป่ยฟาน
นางได้ยินคำพูดปลอบประโลมอ่อนโยนของหลินเป่ยฟาน “องค์หญิงน้อย อย่าคิดมากเลย ข้าเข้าใจท่านดี เพราะข้าก็เคยเหงามากและไม่มีเพื่อนมาก่อน!”
เจ้าหญิงน้อย "อะไรนะ? เจ้าเคยไม่มีเพื่อนมาก่อนเหรอ? ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเล่า?”
“เพราะข้าอยู่คนเดียวมาตลอด!” หลินเป่ยฟานถอนหายใจด้วยความโศกเศณ้า “เนื่องด้วยข้ามีหน้าตาอันแสนหล่อเหลาด้วยอายุเพียงน้อยนิด ดังนั้นข้าจึงถูกผู้อื่นขับไล่ไสส่งออกมา!”
เจ้าหญิงน้อยหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา “เจ้านี้มันหน้าด้านนัก! ผู้ใดจะกล้าชมเชยตนเองเช่นนี้กัน?”
หลินเป่ยฟานถอนหายใจอีกครั้ง “ผู้ที่ไม่เคยประสบกับความทุกข์ยากย่อมไม่สามารถเข้าใจปัญหาและความเข้าใจผิดที่มาพร้อมกับความรูปงามของข้าได้จริงๆ มีเพียงต้าหลี่เท่านั้นที่ชอบข้าในแบบที่ข้าเป็น ให้กำลังใจข้าและไม่เคยออกห่างจากข้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำให้ข้ามีความกล้าที่จะอดทนและมีชีวิตอยู่กบัมัน!”
เจ้าหญิงน้อยและหลี่ซือซือต่างหัวเราะคิกคักพร้อมกัน
ในขณะที่หัวเราะ เจ้าหญิงน้อยก็กำหมัดและทุบไปที่แขนของหลินเป่ยฟาน “เจ้านี้มีผิวหนังที่หนามาก! กระทั่งกำแพงเมืองหลวงคงเทียบไม่ได้กับผิวของเจ้าด้วยซ้ำ! เจ้าตัววายร้าย…”
หลินเป่ยฟานกางมือ “มันไม่สำคัญหรอกใช่ไหมขอรับ ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านไม่ยิ้มออกมาล่ะ?”
“อืม!” เจ้าหญิงน้อยพยักหน้าด้วยความเข้มแข็ง
หลังจากที่หลินเป่ยฟานปลอบใจแล้ว อารมณ์ของนางก็ดีขึ้นอย่างมาก และนางก็รู้สึกอบอุ่นเช่นกัน
บุรุษผู้นี้…
เมื่อไรก็ตามที่นางไม่มีความสุข เขาจะรู้วิธีทำให้นางยิ้มเสมอ!
เขามีวิธีที่ไม่เหมือนใครเลย!
ช่างหน้าด้านนัก!
ฮี่ฮี่!
หลินเป่ยฟานยังคงลูบศีรษะเล็กๆ ของเจ้าหญิงน้อยต่อไป “ดังนั้นแล้วองค์หญิงน้อย หากท่านรู้สึกเหงา ก็มาหาข้าสิ! ถึงจะเบื่อก็มาหาข้าได้เสมอเลย! ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อท่านเสมอ!”
ใบหน้าของหลินเป่ยฟานดูหนักแน่นยิ่ง “โปรดจำไว้ว่าท่านไม่ได้ตัวคนเดียว!”
ดวงตาของเจ้าหญิงน้อยเต็มไปด้วยความหวัง “สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
หลินเป่ยฟานพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ เพราะตัวท่านเท่าหมูเลย!”
เจ้าหญิงน้อยนิ่งเงียบไป
จากนั้นนางก็คลั่งไปแล้ว “อ๊า! หลินเป่ยฟาน ไอ้สารเลว เรียกข้าว่าหมูอีกแล้วนะ! เจ้าต้องการที่จะฆ่าข้าด้วยความโกรธใช่ไหม?”
เมื่อพูดจบ นางก็คว้าอาหารต่อหน้าหลินเป่ยฟานและกัดเข้าไปอย่างเร่งรีบ
“เจ้าหญิงน้อย นั่นเป็นกีบเท้าหมูของโปรดของข้า อย่านะ!”
"ข้าจะกินให้หมดเลย!"
“นั่มันหมูตงพัว คายมันออกมาเร็วๆ เลย!”
“ข้าจะกินมันให้หมด!”
“เจ้าหญิงน้อย แล้วท่านจะต้องเสียใจ!”
“ข้าจะไม่มีวันเสียใจ!”
เมื่อมองดูเจ้าหญิงน้อยที่ยังคงดื้อรั้นต่อไป หลินเป่ยฟานก็ถอนหายใจออกมา “ท่านมาจากสายพันธุ์เดียวกัน ทำไมท่านถึงต้องกินมันด้วยเล่า?”
เจ้าหญิงน้อยนิ่งหมดคำจะกล่าว
"อ๊า! หลินเป่ยฟาน ไอ้สารเลวนี้!”
ในยามนั้นเอง มีคนสองคนได้ปรากฏตัวขึ้นในระยะไกล เป็นชายและหญิงที่ขี่ม้าตัวสูงใหญ่ตระหง่าน