บทที่ 54 ข้อเสนอจากตระกูลเย่
บทที่ 54 ข้อเสนอจากตระกูลเย่
ตูม!
ในขณะนี้เจียงเฉิงซวนรู้สึกถึงพลังของเม็ดยาที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของเขาทันที
และเขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท
เจียงเฉิงซวนโคจรเทคนิคห้าธาตุที่แท้จริงอย่างรวดเร็ว และเริ่มนำพลังของเม็ดยาตัวนี้เข้าสู่เส้นลมปราณของเขา ก่อนที่จะปล่อยให้มันเข้าสู่จุดตันเถียนของเขาอย่างช้าๆ
เจียงเฉิงซวนพยายามย่อยเม็ดยาเป็นพลังปราณแท้อันบริสุทธิ์ทีละน้อย
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งปีต่อมา
ออร่าที่พลุ่งพล่านอย่างมากก็โพยพุ่งมาจากห้องฝึกฝนที่เจียงเฉิงซวนอยู่
…..
ขั้นที่สี่ของขอบเขตการก่อตั้งรากฐาน สำเร็จ!
เจียงเฉิงซวนค่อยๆ ลืมตาขึ้น และรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา
เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา และเขาก็ตระหนักว่าพลังปราณแท้ของเขาเพิ่มขึ้นถึง 50%
ในขณะนี้ เขามั่นใจว่าความแข็งแกร่งของพลังปราณแท้ของเขาไม่ได้ด้อยกว่าผู้ฝึกตนที่เพิ่งทะลวงไปถึงขั้นที่เจ็ดมากนัก
เมื่อรวมกับสิ่งประดิษฐ์ระดับสูง ยันต์ และคาถาที่ทรงพลัง เขาก็สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนขอบเขตการก่อตั้งรากฐานระยะปลายได้อย่างสูสีแล้ว
หลังจากที่เจียงเฉิงซวนใช้เวลาครึ่งปีในการทำให้ขอบเขตของเขาเสถียร เขาก็เปิดประตูห้องฝึกฝนแล้วเดินออกไป
เมื่อเขาออกมาเจียงเฉิงซวนก็ตระหนักว่าเฉินหรู่หยานออกมาจากการปิดด่านก่อนหน้าเขาแล้ว
ในขณะนี้เธอกำลังตรวจสอบยันต์หยกสื่อสารอยู่
แต่ในไม่ช้าเจียงเฉิงซวนก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างของเฉินหรู่หยานและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
เฉินหรู่หยานได้ทะลวงขั้นขึ้นมาอีกครั้งแล้วจริงๆ
ตอนนี้เธออยู่ที่ขั้นที่แปดแล้ว!
และเฉินหรู่หยานก็สัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของเจียงเฉิงซวน
เธอวางยันต์หยกสื่อสารในมือของเธอลง แล้วหันไปยิ้มให้เจียงเฉิงซวน
“สามี ดูเหมือนว่าท่านจะได้รับประโยชน์มากมายจากการปิดด่านในครั้งนี้ ท่านได้ผ่านเข้าสู่ระยะกลางแล้ว ยินดีด้วย”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงเฉิงซวนขณะที่เขาพยักหน้า
“ผลประโยชน์ของการปิดด่านครั้งนี้ของข้าก็ไม่เลวเลย แต่หรู่หยานดูเหมือนว่าผลประโยชน์ของการปิดด่านครั้งนี้ของเจ้าก็ไม่น้อยเช่นกัน ในเวลาเพียงแค่สองปีเท่านั้น ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าจะสามารถบุกทะลวงขั้นได้อีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ข้าประทับใจจริงๆ”
พวกเขาทั้งสองคุยกันสักพักเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมา
จากนั้นเจียงเฉิงซวนก็ถามว่า
“ยังไงก็ตาม หรู่หยาน ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังดูยันต์หยกสื่อสารอยู่เมื่อกี้นี้ มันมาจากตระกูลเหรอ?”
"ไม่ใช่"
เฉินหรู่หยานส่ายหัวของเธอ
“มันมาจากตระกูลเย่”
“ตระกูลเย่งั้นหรือ?”
เจียงเฉิงซวนดูประหลาดใจ
"ใช่"
เฉินหรู่หยานพยักหน้า
“พวกเขาบอกว่าพวกเขาค้นพบเหมืองทองคำม่วง ขณะนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่นอนในเหมืองจึงอยากเชิญชวนให้เราไปสำรวจด้วยกัน หลังจากนั้นเราสามารถได้รับกำไรจากการสำรวจครั้งนี้ 20%”
“มีเรื่องอย่างนั้นด้วยเหรอ?”
เจียงเฉิงซวนรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
เป็นที่รู้กันว่าทองคำม่วงนั้นเป็นวัสดุที่สำคัญอย่างมากสำหรับการกลั่นยาก
ทองคำม่วงส่วนใหญ่เป็นระดับ 2 ขั้นต่ำและบางส่วนสามารถไปถึงระดับ 2 ขั้นกลางหรือแม้แต่ระดับ 2 ขั้นสูงก็เป็นได้
และยังเป็นหนึ่งในวัสดุหลักในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ประเภทป้องกันระดับ 2 ขั้นต่ำของเจียงเฉิงซวนนั่นคือโล่วิญญาณสีม่วงทอง
จากนี้จะเห็นได้ว่ามูลค่าของเหมืองทองคำม่วง แม้ว่าจะเป็นเพียงเหมืองเล็กๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตระกูลเย่กลับต้องการเชิญพวกเขาให้ไปสำรวจเหมืองทองคำม่วงอันล้ำค่าเช่นนี้ด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายินดีที่จะจ่ายด้วยกำไร 20% แก่พวกเขา
ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เรื่องนี้ก็ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก
พูดตามหลักเหตุผลแล้ว แม้ว่าตระกูลเย่ต้องการหาผู้ช่วยเหลือในการสำรวจเหมืองจริงๆ พวกเขาควรจะติดต่อกับตระกูลเฉินโดยตรงมากกว่าที่จะมาติดต่อพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะตระกูลผู้ฝึกตนระดับปราการม่วงที่แข็งแกร่ง ตระกูลเย่จะไม่สามารถจัดการกับเหมืองทองคำม่วงนี้ได้อย่างไร
ยิ่งเจียงเฉิงซวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงบอกเฉินหรู่หยานเกี่ยวกับข้อสงสัยของเขา
เฉินหรู่หยานพยักหน้าเห็นด้วยหลังจากได้ยินเช่นนั้น
"ท่านพูดถูก มันช่างน่าสงสัยจริงๆ
คำอธิบายที่ได้รับจากตระกูลเย่ คือพวกเขาต้องการลดต้นทุน เพราะท้ายที่สุดแล้วหากพวกเขาร่วมมือกับตระกูลเฉินแทนพวกเรา พวกเขาอาจจะต้องมอบผลกำไรมากกว่า 20% ที่จะมอบให้กับพวกเรา
อย่างไรก็ตามข้ารู้สึกว่าพวกเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ มันอาจจะเป็นกับดัก
ดังนั้น…พวกเราก็ปฏิเสธพวกเขาไปก็แล้วกัน”
เจียงเฉิงซวนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการตัดสินใจของภรรยาของเขา
ในความเห็นของเขา มันจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งยากประเภทนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาวิกฤติที่คลื่นของสัตว์อสูรกำลังจะปะทุเช่นนี้ พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าเดิม
สามวันหลังจากที่เฉินหรู่หยานตอบกลับข้อความไป
ด้านหน้าทางเข้าเหมืองทองคำม่วง
ผู้ฝึกตนสี่คนของตระกูลเย่กำลังพูดคุยกัน
รวมถึงเย่เฟยเฉินคนรู้จักของเจียงเฉิงซวนด้วย
นอกเหนือจากเขาแล้ว ยังมีผู้อาวุโสอันดับหนึ่งของตระกูลเย่, เย่เฟยหยาง, ผู้อาวุโสลำดับสี่, เย่หว่านชิว และผู้อาวุโสลำดับแปด, เย่ตงเฉิง
ในขณะนั้นเย่ตงเฉิงก็ถามขั้นว่า “ผู้อาวุโสลำดับหนึ่ง สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร? มีกี่คนที่ปฏิเสธเราและมีกี่คนที่ยอมรับภารกิจนี้ของพวกเรา”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่เฟยเฉินและเย่หว่านชิวก็มองไปที่ผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง เย่เฟยหยางด้วย
ดวงตาของผู้อาวุโสเย่เฟยหยางหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างสงบว่า
“เจียงเฉิงซวนและภรรยาของเขาจากตระกูลเฉิน, จางไคซวนจากตระกูลจาง, กู่เฉียนซานจากนิกายฟ้านิรันดร์ และผู้อาวุโสระดับการก่อตั้งรากฐานสองสามคนจากนิกายเมฆาอัสดง พวกเขาทั้งหมดปฏิเสธข้อเสอนของเรา”
"อะไร? พวกเขาทั้งหมดปฏิเสธข้อเสนอของเรางั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟยหยาง เย่ตงเฉิง เย่เฟยเฉิน และเย่หว่านชิวก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าโกธรเคืองออกมา
เย่หวานชิวที่สวมชุดสีขาวพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเขาหมายความว่าอย่างไร? พวกเขากำลังดูถูกตระกูลเย่ของพวกเราอยู่หรือเปล่า?”
ส่วนเย่เฟยเฉิน และเย่ตงเฉิงค่อยๆ สงบลง
เย่เฟยเฉินกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเรากำลังแสดงท่าทีเร่งรีบเกินไป
ข้ามีความเข้าใจเกี่ยวกับเจียงเฉิงซวน, จางไคซวนและกู่เฉียนซานอยู่บ้าง พวกเขาเป็นคนประเภทระมัดระวังอย่างมาก
และคำอธิบายของเราก็ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาไม่เต็มใจที่จะเสี่ยง”
เย่ตงเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นเป็นเรื่องจริง น่าเสียดายที่เราไม่มีเวลามาก หากเราสามารถประเมินสถานการณ์ได้ดีกว่านี้ ข้าเชื่อว่าคนเหล่านั้นคงไม่ปฏิเสธพวกเราทั้งหมดทุกคนเช่นนี้”
“ฮึ่ม! พูดเช่นนี้ในตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? ถ้าคนเหล่านั้นไม่มาและพวกเราจะทำยังไงต่อไป”
เย่หว่านชิวพูดออกมาด้วยความโกรธ
ในขณะนั้นผู้อาวุโสอันดับหนึ่งเย่เฟยหยางก็พูดขึ้นว่า
“ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครเต็มใจมา เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรักษาจิตใจให้สงบเมื่อเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ที่มากมายได้..”