บทที่ 5 เกี้ยวแต่งงานผิด
“ข้ามีสองทางให้เจ้าเลือก หนึ่ง เจ้าจบชีวิตตัวเองได้ซึ่งข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซง หรือสอง เจ้าสลับตัวกับข้า และเราสองคนจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไปจนตาย” เฟิ่งหยินซวงพูดอย่างใจเย็น
“ข้าเลือกได้จริงรึ?” หล่อนถาม
“การตัดสินใจอยู่ในมือเจ้า” นางยืนยันหนักแน่น
หญิงสาวน้ำตารื้นด้วยความดีใจ ท่ามกลางความหวังอันริบหรี่ แน่นอนว่าคงไม่มีใครเต็มใจยอมรับในการตายของนางได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางเคยได้ยินข่าวลือว่าองค์ชายสามเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและทรงเสน่ห์ การได้แต่งงานกับเขาคงไม่ต่างกับการได้รับพรจากสวรรค์ แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าทำไมเฟิ่งหยินซวงถึงให้ข้อเสนอกับนางเช่นนี้ แต่หากนางทิ้งโอกาสที่ดีขนาดนี้ไปแล้วเลือกความตาย นางก็คงเป็นคนโง่เขลาที่สุดในโลก
“ข้าตกลง!” นางพยักหน้าอย่างแข็งขัน
“เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อเฉินหยิง ฮั่นเฉินหยิงคือชื่อของข้า”
“ข้ามีเงื่อนไขสองประการสำหรับข้อตกลงนี้ของเรา ประการแรก หากเรื่องข้อตกลงนี้ของเรารั่วไหลออกไป เราทั้งคู่จะโดนข้อหาร้ายแรงซึ่งอาจส่งผลถึงคนในตระกูลของเราทั้งหมดด้วย เจ้าเข้าใจความรุนแรงของมันใช่ไหมเฉินหยิง”
“ข้าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แม้ต้องตายข้าก็จะไม่พูดอะไรสักคำ!”
เฟิ่งหยินซวงยกยิ้ม ที่นางต้องเน้นย้ำเกี่ยวกับข้อตกลงข้อนี้เพราะการขัดต่อพระราชกฤษฎีกามีผลลัพธ์ที่ร้ายแรงมาก จะเว้นก็แต่เราต้องเหยียบเรื่องนี้ให้มิด
“ประการที่สอง เราจะสลับตัวกัน เจ้าต้องปลอมเป็นข้าและเข้าพิธีแต่งงานที่วังองค์ชายที่สาม อย่างไรก็ตาม เจ้าจงเตรียมใจไว้ให้ดี หากองค์ชายสามยอมรับในตัวตนของเจ้า เจ้าก็มีโอกาสได้ขึ้นเป็นราชินีขององค์จักรพรรดิ แต่หากเขาปฏิเสธ ข้าก็จะสละการแต่งงานกับเขาด้วยเช่นกัน และเจ้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องนี้อีก เจ้าสามารถกลับไปที่ตระกูลเฉินของเจ้าและใช้ชีวิตต่อไปในฐานะแม่นางเฉินได้โดยอิสระ”
“แต่ว่า...หากความลับของเราถูกเปิดเผย จะเป็นอย่างไรหากองค์ชายสามและกษัตริย์ชิงผิงต้องการเจ้าสาวคนเดิมคืน” เฉินหยิงถามด้วยความกังวล
“สตรีอย่างเราได้รับการสั่งสอนถึงเจ้าธรรมสามประการและเจ้าธรรมสี่ประการมาตั้งแต่เด็ก หากเจ้าเคยผ่านการแต่งงานเป็นภรรยาขององค์ชายสามแล้ว เจ้าจะแต่งงานกับกษัตริย์ชิงผิงอีกได้อย่างไร”
แม้ว่าเฟิ่งหยินซวงจะค่อนข้างต่อต้านแนวคิดเรื่องการกดขี่ข่มเหงสตรี แต่บางครั้งเราก็ต้องโดนเอารัดเอาเปรียบเสียบ้าง
“ข้าขอบคุณท่านพี่หยินซวงมากที่ช่วยชีวิตข้า แค่ข้าไม่ต้องแต่งงานกับเขาและต้องเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ชิงผิงก็นับเป็นพรที่ยิ่งใหญ่แล้ว ข้ามิอาจกล้ารับเอาตำแหน่งราชินีขององค์จักรพรรดิดอก หากไม่ได้ท่าน ข้าคงได้ปลิดชีวิตตัวเองทิ้งไปแล้ว”
เฉินหยิงน้ำตาไหลพลางคุกเข่าลงขอบคุณนางซ้ำ ๆ
เฟิ่งหยินซวงรับรู้ได้ถึงสติปัญญาของเฉินหยิงผ่านคำพูดได้ทันที ผู้หญิงคนนี้ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเมื่อใดควรรุกคืบและเมื่อใดควรล่าถอย นางก้มลงดึงให้เฉินหยิงลุกขึ้นยืน
“การที่เราสองคนได้แต่งงานในวันเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่สวรรค์กำหนดไว้แล้ว ข้าเองก็ไม่สามารถทนเห็นการสูญเสียของหนึ่งชีวิตไปต่อหน้าต่อตาได้ ข้ายินดีจะช่วยเจ้า และข้าก็มีเหตุผลของตัวเองที่ต้องทำแบบนี้เช่นกัน” เฟิ่งหยินซวงพูดอย่างอ่อนโยน
“แล้วที่เราสลับตัวกันแบบนี้ ถ้าท่านพี่ถูกกษัตริย์ชิงผิงทำร้ายเอาข้าคงไม่สบายใจแน่” เฉินหยิงยังคงกังวล
“ไม่ต้องห่วง ปู่ของข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก อีกทั้งพ่อและพี่ชายข้าก็ถือตำแหน่งสำคัญด้วย เขาคงไม่กล้าทำร้ายข้าหรอก ต่อให้เป็นคนร้ายกาจจริงอย่างที่ลือกัน ข้าก็จะหาทางหนีออกมาให้จงได้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ได้ยินแบบนั้นเฉินหยิงก็สงบลงก่อนจะโค้งคำนับนางอีกครั้ง
“ความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่านพี่หยินซวงจะฝังอยู่ในใจข้าตลอดไป และหากมีโอกาสข้าจะตอบแทนบุญเจ้าของท่านพี่ด้วยชีวิต”
“เอาล่ะ พวกเขาจะกลับมาแล้ว เรามาเตรียมการกันเถอะ”
ชุดเจ้าสาวของสตรีในสมัยโบราณนั้นแทบจะเหมือนกันหมด หากไม่สังเกตโดยละเอียดจริง ๆ ก็ยากที่จะหาความแตกต่างได้ กว่าจะถึงเวลาที่เจ้าบ่าวได้เปิดผ้าคลุมเจ้าสาว เฟิ่งหยินซวงมั่นใจว่าความลับนี้จะยังคงถูกปกปิดจนกว่าจะเสร็จพิธีนั่นล่ะ
หลังจากทำข้อตกลงกับเฉินหยิงแล้วพวกนางก็สลับเกี้ยวกันตามแผนการ เฟิ่งหยินซวงขึ้นไปนั่งบนเกี่ยวของกษัตริย์ชิงผิง ส่วนเฉินหยิงขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวขององค์ชายสาม ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงโวกเวกดังขึ้นที่ด้านนอก บ่งบอกว่าพายุฝนได้สงบลงแล้วและสามารถออกเดินทางต่อได้
เฟิ่งหยินซวงลอบมองออกไปนอกหน้าต่างผ่านช่องว่างของผ้าม่าน นางแน่ใจว่าเมื่อถึงทางแยกของถนน ขบวนงานแต่งอีกขบวนจะเลี้ยวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่กลุ่มของพวกนางจะเลี้ยวไปทางตะวันออกเฉียงใต้
นางถอยไม่ได้อีกแล้ว ชีวิตใหม่ที่แท้จริงรอนางอยู่หลังจากนี้
...
เฟิ่งหยินซวงจินตนาการถึงตัวตนของกษัตริย์ชิงผิง หรือเขาจะเป็นคนน่ากลัวเหมือนในข่าวลือกัน?
ตามประเพณีของหนานฉู่ ในวันแต่งงานเจ้าบ่าวจะต้องเป็นผู้พาเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมองค์ชายสามถึงต้องเดินทางไปรับนางถึงบ้านตระกูลเฟิ่งด้วยตัวเอง
แต่ขบวนของกษัตริย์ชิงผิง เขากลับส่งสาวใช้และทหารคุ้มกันมารับเจ้าสาวเพียงเท่านั้น ไม่ปรากฏเจ้าบ่าวในขบวนแม้แต่เงา
มันผิดปกติเกินไปหรือเปล่า?
ยิ่งนึกถึงข่าวลือของเขา เฟิ่งหยินซวงก็ต้องสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงอีกครั้ง
ต่อให้กษัตริย์ชิงผิงจะเป็นคนเลวร้ายขึ้นมาจริง ๆ แต่นางจะต้องกลัวอะไรอีกในเมื่อมันเป็นเส้นทางที่นางเลือกและตอนนี้นางก็ทำสำเร็จไปแล้วหนึ่งอย่าง
นางมีข้อแก้ตัวที่จะไม่ขัดต่อพระราชกฤษฎีกาที่จะยกเลิกการแต่งงานกับหนานหยูเทียน และมีวิธีที่จะช่วยเฉินหยิงออกมาด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัว
เกี้ยวเจ้าสาวยังคงเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อย ๆ
ผ่านไปไม่นานนักก็หยุดลงในที่สุด
ถึงแล้วหรือ? เฟิ่งหยินซวงแง้มผ้าม่านอย่างเบามือและลอบมองคฤหาสน์อันโอ่อ่าที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า แผ่นป้ายเหนือประตูเขียนอักษรเป็นคำว่า ‘คฤหาสน์ชิงผิง’ อย่างเด่นชัด
น่าแปลก…ขนาดขบวนเจ้าสาวเดินทางมาถึงที่หมายแล้ว แต่กษัตริย์ชิงผิงยังคงไม่ปรากฏตัว
ฉับพลันผ้าม่านก็ถูกเปิดขึ้น มือเหี่ยวย่นที่ยื่นเข้ามาหาทำเอาเฟิ่งหยินซวงผงะไปชั่วขณะ ก่อนจะเห็นว่าเป็นเพียงมือของสาวรับใช้สูงอายุท่านหนึ่งที่เป็นผู้มารับนางลงจากเกี้ยวเท่านั้นเอง
หรือนี่คือวิธีที่เขาปฏิบัติกับเจ้าสาว?
นางยื่นมือไปหาสาวใช้สูงวัยโดยไม่ลังเล ณ ตอนนี้นางไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่งานแต่งที่แท้จริงของนาง การที่เขายังไม่ปรากฏตัวออกตอนนี้นับเป็นเรื่องที่ดีที่นางจะยื้อเวลาออกไปอีกสักระยะ
ตามประเพณีหนานฉู่ เมื่อคู่บ่าวสาวได้เข้าพิธีแต่งงานแล้ว พวกเขาถือเป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์ หญิงสาวหลายคนยึดมั่นในประเพณีที่ดีงามนี้และซื่อสัตย์ต่อสามีคนเดียวไปตลอดชีวิต ต่อให้ฝ่ายชายจะล่วงลับไปแล้วพวกนางก็ยังคงมั่นคงในรักเดียว หรือหากพวกนางเลือกที่จะไม่แต่งงาน พวกนางก็จะรักษาพรหมจรรย์และดำรงอยู่อย่างสันโดษไปชั่วชีวิต
เฟิ่งหยินซวงไม่ได้คาดหวังในเรื่องความรักอีกต่อไปแล้ว หัวใจของนางได้ตายไปแล้วตั้งแต่ชาติก่อน อันที่จริงนางอยากจะครองโสดไปตลอดชีวิตเพื่ออยู่เคียงข้างพ่อแม่และท่านปู่ของนาง
แต่อย่างไรก็ตาม นางถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว สาวใช้และบริวารคนอื่น ๆ กำลังพานางเดินเข้าไปในวังผ่านทางประตูทางเข้าอันโอ่อ่า ผ่านสวนสวยอันงดงาม และเข้าไปยังโถงรับรองที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้
เฟิ่งหยินซวงเริ่มรู้สึกอ่อนแรง อาการเวียนศีรษะเริ่มคืบคลานเข้ามาหานางอย่างช้า ๆ หากเป็นวันธรรมดานางคงไม่รู้สึกอะไรนัก แต่เพราะน้ำหนักของชุดเจ้าสาวรวมไปถึงมงกุฎฟีนิกซ์อันวิจิตรนั้นสวมอยู่บนศีรษะของนางเป็นเวลานานเกินไปจึงทำให้นางเริ่มหายใจลำบาก
และทันทีที่สาวใช้ปล่อยมือนางโดยไม่ทันตั้งตัว นางก็ลื่นหงายหลังจนเกือบล้มฟาดลงกับพื้น โชคยังดีที่มีท่อนแขนคู่หนึ่งเข้ามาโอบเอวนางไว้ได้ทัน แต่ทว่า…
แขนผู้ชาย!
เฟิ่งหยินซวงตาเบิกโพลง ใครกันจะกล้าเข้ามาโอบกอดนางอย่างเปิดเผยในวันแต่งงานหากไม่ใช่เขาคนนั้น ‘เจ้าบ่าวกำมะลอ’ ของนาง
ฝ่ามือเล็กทำท่าจะผลักเขาออกไปแต่เขาดันปล่อยมือจากเอวนางเสียก่อน ก่อนจะแทนที่ด้วยการจับข้อมือนางเบา ๆ และพาเดินไปด้านใน
เฟิ่งหยินซวงผงะไปชั่วขณะ สายตาจับจ้องไปยังมือใหญ่ที่จับข้อมือนางไว้อย่างแผ่วเบา
มันเนียนนุ่ม เรียวยาว และเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจนราวกับมือนี้ไม่เคยแตะอาวุธรือผ่านการเข่นฆ่าใครมาก่อน
นี่น่ะหรือมือของ ‘เทพเจ้าแห่งสงคราม’ ที่ผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน?
แทบจะเรียวสวยไม่ต่างกับมือของคุณหนูตระกูลเฟิ่งอย่างนางเลยเสียด้วยซ้ำ