บทที่ 2 การเกิดใหม่
เฟิ่งหยินซวงรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย นางกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ แสงสีแดงที่สาดส่องไปทั่วบริเวณทำเอานางต้องรีบหลับตาลงอีกครั้งด้วยความกลัว
หรือนี่คือทางเข้าสู่นรกภูมิ?
นางเคยฟังเรื่องเล่าจากท่านย่าในตอนที่ยังเด็ก หลังจากที่คน ๆ หนึ่งตายไปแล้ว ดวงวิญญาณจะถูกส่งไปยังยมโลก ที่นั่นมีทางเดินที่ปูด้วยดอกไม้ขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการนำทาง และเมื่อวิญญาณได้เดินข้ามสะพานไนเห่อ ดื่มซุปเมงโป และกระโดดลงแม่น้ำหวางฉวนแล้ว หลังจากนั้นเราจะลืมเรื่องราวในอดีตชาติทั้งหมดก่อนจะกลับมาเกิดใหม่บนโลกมนุษย์
แต่ไม่ เฟิ่งหยินซวงไม่สามารถลืมเรื่องราวชั่วร้ายที่เกิดขึ้นกับนางก่อนตายได้ลง
ในใจของนางกดเก็บความเกลียดชังและอาฆาตแค้นไว้เยอะจนน่ากลัว นางไม่สามารถปล่อยวางความตายอย่างไม่ยุติธรรมของสมาชิกตระกูลเฟิ่งทั้งเจ็ดสิบสองคนได้ แม้ตอนนี้นางจะกลายเป็นเพียงดวงวิญญาณไปแล้วก็ตาม
นางยังจำความรู้เจ็บปวดแสนสาหัสตอนที่เห็นบุคคลอันเป็นที่รักถูกบั่นคอในขณะที่นางทำได้เพียงยืนร้องไห้อย่างไร้เรี่ยวแรงได้แม่น ความเกลียดชังของนางแผดเผารุนแรงจนแม้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนางก็ยังเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
เฟิ่งหยินซวงต้องการที่จะปลิดชีวิตหนานหยูเทียนผู้น่ารังเกียจและล้างแค้นให้กับตระกูลเฟิ่งด้วยตัวเอง
ไม่ว่าจะตอนเป็นหรือตอนตาย นางก็ปรารถนาที่จะทำมันให้สำเร็จ!
เสียงเอี๊ยดอ๊าดแผ่วเบาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเรียกให้เฟิ่งหยินซวงต้องรีบลืมตาขึ้นมอง ประตูไม้บานใหญ่ค่อย ๆ แง้มเปิดออกก่อนจะปรากฏเป็นเด็กสาวผมมวยในชุดสีชมพูสดใสกำลังยืนยิ้มให้นางอยู่ข้างหน้า
เฟิ่งหยินซวงน้ำตารื้น เด็กคนนั้นคือ ‘รัวซุ่ย’ สาวใช้ส่วนตัวของนาง เราสองคนเติบโตมาพร้อมกัน สนิทสนมกลมเกลียวราวกับเป็นน้องสาวของนางอีกคน รัวซุ่ยเป็นคนซื่อสัตย์และไว้ใจได้ แม้ในตอนที่นางแต่งงานกับปีศาจร้ายอย่างหนานหยูเทียน น้องสาวคนนี้ก็ยังอยู่เคียงข้างนางมาเสมอ
จนกระทั่งตอนที่แผนการทรยศและใส่ร้ายนางมาถึง รัวซุ่ยถูกซูมันรูจับตัวไปตอนที่พยายามช่วยส่งนางกลับไปยังบ้านตระกูลเฟิ่ง เด็กสาวผู้น่าสงสารถูกทุบตีอย่างไร้ความปราณีต่อหน้านาง และจะเผชิญกับความเจ็บปวดขนาดไหน รัวซุ่ยก็ยังกัดฟันไม่ส่งเสียงร้องออกมาสักนิดเดียว ก่อนจะสิ้นใจนางยังหวังว่าน้องสาวคนนี้จะได้มีชีวิตที่ดี ไม่น่าเชื่อเลยว่าความตายจะพาให้นางได้กลับมาเจอกับรัวซุ่ยอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ตอนนี้ดูจะผิดปกติไปสักหน่อย การปรากฏตัวของรัวซุ่ยในภาพลักษณ์นี้หอคล้ายกับภาพจำของนางเหมือนเมื่อหลายปีก่อน ในตอนที่นางอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี
ทุกอย่างดูคุ้นตาจนแปลกประหลาด หรือนี่จะเป็นเพียงแค่ความฝันกันนะ?
เฟิ่งหยินซวงค่อย ๆ กวาดสายตาไปรอบห้อง ประตูหน้าต่างถูกประดับประดาไปด้วยผ้าม่านสีแดงสดใสไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้ที่นางนั่งอยู่ ดอกไม้หลายสีสันถูกจัดช่อตกแต่งไว้ตามมุมห้องอย่างสวยงามไร้ที่ติราวกับห้องของเจ้าสาว ยังไม่ทันได้หายสงสัยเฟิ่งหยินซวงก็ต้องตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าชุดที่ตนสวมใส่เป็นชุดเจ้าสาวสีแดง!
“โธ่คุณหนู ห้ามถอดผ้าคลุมหน้าอีกเชียวนะเจ้าคะ อีกเดี๋ยวขบวนจากวังองค์ที่ชายสามก็จะมาถึงแล้ว พอถึงตอนขึ้นเกี้ยวคุณหนูต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะเจ้าคะ”
รัวซุ่ยที่เห็นว่านางตื่นขึ้นจากการนอนพักแล้วก็รีบเข้ามาติดผ้าคลุมหน้าลงบนศีรษะของนางให้เรียบร้อยตามเดิม
เฟิ่งหยินซวงอ้าปากค้าง วังองค์ชายที่สาม? ขึ้นเกี้ยว? อย่าบอกนะว่านาง…
“ขบวนจากวังองค์ชายที่สามที่เจ้าพูดถึงมีไอ้ปีศาจหนานหยูเทียนร่วมอยู่ด้วยหรือไม่”
เด็กสาวตาตกใจจนตาโตกับคำถามของว่าที่เจ้าสาว นางใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมสติก่อนจะรีบยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากของเจ้านายแล้วกระซิบเสียงเบา
“เจ้าท่านเคยบอกคุณหนูไว้ว่าอย่างไรลืมแล้วหรือเจ้าคะ องค์ชายสามกำลังจะเป็นสามีของคุณหนู จะแสดงท่าทีไม่เคารพเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ”
ในที่สุดเฟิ่งหยินซวงก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง นางไม่ได้อยู่ในยมโลกอย่างที่คิด แต่นางถูกย้อนเวลากลับมาในวันแต่งงานเมื่อห้าปีก่อน!
ทั้งห้องส่วนตัวของนางที่ถูกเปลี่ยนเป็นห้องเจ้าสาว ทั้งมงกุฎฟีนิกซ์ที่สวมอยู่บนหัว ทั้งผ้าคลุมที่คลุมอยู่บนหน้า ทั้งหมดก็เพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงานกับหนานหยูเทียน!
ความรู้สึกของเฟิ่งหยินซวงในตอนนั้นแตกต่างเฟิ่งหยินซวงในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
เฟิ่งหยินซวงเมื่อห้าปีก่อนนั้นไร้เดียงสาและแสนโง่เขลา นางมองไม่เห็นปีศาจที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากของว่าที่เจ้าบ่าวของนางเลยสักนิดเดียว นางเอาแต่ฝันหวานว่าชีวิตหลังแต่งงานของนางจะมีความสุขในฐานะภรรยาของเขา แต่ภาพลวงตาทั้งหมดก็ถูกทำลายลงอย่างไร้ความปราณีเมื่อตอนที่เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์
หนานหยูเทียนใช้บารมีของตระกูลเฟิ่งในการขึ้นครองตำแหน่งจนสำเร็จก่อนจะถีบหัวส่ง และทำลายวงศ์ตระกูลของนางเสียย่อยยับ
หญิงสาวนึกโกรธในความไร้เดียงสาของตัวเองที่ทำให้มองไม่เห็นแผนการร้ายกาจของเขาตั้งแต่คราวแรก ทำไมนางถึงมองไม่ออกว่าทั้งหมดเป็นเพียงแผนการที่ถูกวางไว้โดยมีหนานหยูเทียนเป็นผู้บงการ!
เพราะหากเขาตั้งใจจะกำจัดนางเพียงคนเดียว เขาก็คงฆ่านางทิ้งแล้วแต่งเรื่องการตายอย่างกระทันหันของนางขึ้นใหม่เสียก็จบ แต่เพราะเขาต้องการจะกำจัดตระกูลเฟิ่งให้สิ้นซาก เลยใส่ความนางและใช้กฎสวรรค์มาเป็นข้ออ้างเพื่อสำเร็จโทษสมาชิกตระกูลเฟิ่งทุกคน
ทุกอย่างเริ่มขึ้นเพราะความโง่นาง…เฟิ่งหยินซวงคือต้นเหตุที่ทำให้ตระกูลเฟิ่งต้องพังทลาย!
ความเกลียดชังฉายโรจน์ขึ้นในดวงตาของว่าที่เจ้าสาว นางเคยสาบานว่าแม้ในชีวิตหลังความตายนางก็จะตามอาฆาตหนานหยูเทียนจนกว่าจะได้รับโทษอย่างสาสม
ในเมื่อโชคชะตาเปิดโอกาสให้นางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง อีกทั้งยังได้ย้อนกลับมาแก้ไขอดีต เวลานี้จึงเหมาะสมที่สุดที่นางจะได้ล้างแค้นหนาน หยูเทียนด้วยมือของนางเอง!
ในขณะที่ความคับแค้นกำลังกลืนกินจิตใจ ใครอีกคนก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มแสนอ่อนหวาน หญิงสาวคนนั้นในวัยไล่เลี่ยกันกับเฟิ่งหยินซวงและรัวซุ่ยแต่ดูบอบบางและอ่อนแอกว่าหลายเท่า เฟิ่งหยินซวงจ้องนางตาเขม็ง
มันคือซูมันรู
ผู้หญิงสารเลวที่นางไม่มีวันลืม!
ซูมันรูเป็นลูกสาวผู้พิพากษาระดับล่าง นางได้รับความไว้ใจจากเฟิ่งหยินซวงให้ขึ้นมาเป็นคนสนิทผู้แสนซื่อสัตย์ เฟิ่งหยินซวงเอ็นดูนางมากและยินดีจะแบ่งปันหลาย ๆ อย่างกับน้องสาวนอกไส้คนนี้ ซูมันรูได้รับสิทธิพิเศษแทบจะเทียบเท่ากับนาง…รวมไปถึงสิทธิ์ในตัวสามีของนางด้วย
ตอนที่หนานหยูเทียนเมินต่อคำสาบานรักในวันแต่งงานด้วยการเรียกนางสนมเข้าไปรับใช้ในวัง ซูมันรูบอกกับเฟิ่งหยินซวงว่านางรู้สึกเห็นใจและไม่สามารถทนเห็นความทุกข์ของพี่สาวคนสนิทได้อีกต่อไป
นางจึงเสนอตัวเข้าไปในวังในฐานะนางสนมด้วยอีกคนเพียงเพื่อจะได้ช่วยเหลือ และดูแลพี่สาวที่รักได้อย่างใกล้ชิดโดยไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝง
เฟิ่งหยินซวงไว้ใจซูมันรูมาก นางถือน้องสาวคนนี้เทียบเท่ากับคนในครอบครัว ความเจ็บปวดจากการเห็นสามีร่วมรักผู้หญิงจำนวนมากดูเหมือนจะไม่สลักสำคัญหากเมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ที่นางมีให้น้องสาวสุดที่รักคนนี้ และหากวันไหนที่ซูมันรูได้ขึ้นตำแหน่งคนโปรด นางเองก็สะดวกใจมากพอที่จะช่วยเหลือในทุกอย่าง
การได้เป็นนางสนมคนโปรดของซูมันรูถือเป็นโอกาสที่ดี แม้ว่าน้องจะดูลังเลอยู่นิดหน่อยแต่เฟิ่งหยินซวงก็มองว่าตำแหน่งคนโปรดเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ เฟิ่งหยินซวงรู้สึกขอบคุณทุกครั้งที่ซูมันรูมาหานางทุกวัน การได้พูดคุยกับน้องสาวคนสนิทอยู่บ่อย ๆ ช่วยบรรเทาความเบื่อหน่ายในแต่ละวันของนกน้อยในกรงอย่างนางได้อย่างดีทีเดียว
ยิ่งเวลาผ่านไปความเชื่อใจของนางที่มีต่อซูมันรูก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะในขณะที่นางรู้สึกระแวงทุกคนในวัง ซูมันรูคือคนเดียวที่เฟิ่งหยินซวงไม่เคยปกปิดความลับด้วยเลยสักครั้งเดียว
แต่ใครเลยจะรู้ ในวันที่เฟิ่งหยินซวงถูกจองจำอยู่ในคุกใต้ดิน ซูมันรูก็ได้ตอกย้ำนางถึงความเลวระยำของตัวเอง อีกทั้งยังกระหายในอำนาจจนนางแทบจะทนฟังต่อไม่ได้
“ข้าไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริงของท่านพี่ หากแต่เป็นท่านหนานหยูเทียนต่างหาก ท่านบอกกับข้าว่าตระกูลเฟิ่งจะมีอำนาจมากขึ้นหากท่านพี่ให้กำเนิดลูกของเขา ถึงตอนนั้นอาณาจักรฉู่ตอนใต้จะไม่ตกอยู่ในมือของตระกูลเฟิ่งของท่านพี่โดยตรงเอาหรอกหรือ” นางพูดพลางยิ้มเยาะ
“ท่านหนานหยูเทียนให้คำสัญญากับข้าว่าจะยกข้าขึ้นเป็นมเหสีแลกกับที่ข้าช่วยเขาทำลายล้างตระกูลเฟิ่งของท่านพี่ให้ย่อยยับ ท่านพี่ว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจหรือไม่”
เหตุที่ซูมันรูเกิดใจดีมาพูดเช่นนี้ก็คงเพราะอยากสร้างบาดแผลไว้ในใจของนาง เพื่อที่นางจะได้ตายไปอย่างสิ้นหวังที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม นางก็ตระหนักได้ว่าหนานหยูเทียนเป็นคนไม่ไว้ใจใคร ไร้ความปราณี และอกตัญญู เพราะขนาดตระกูลเฟิ่งที่ช่วยให้เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างถูกต้องยังถูกหักหลังลงได้ แล้วกับคนอย่างซูมันรูผู้ที่กุมความลับดำมืดที่สุดของเขาเอาไว้ คิดว่าเขาจะปล่อยให้นางได้ใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยได้อีกหรือ
ซูมันรูสัมผัสได้ถึงสายตาแข็งกร้าวตอนได้สบตากับพี่สาวอันเป็นที่รักในชุดเจ้าสาว เฟิ่งหยินซวงจ้องนางเขม็งก่อนจะผินหน้าหนีไปทางอื่นเพราะทนมองนางงูเห่าคนนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว หัวใจของนางสั่นไหว ไม่นึกเลยว่าสิ่งดี ๆ ที่เรามีให้แก่กันมาเสมอจะเป็นเพียงละครบทหนึ่งก็เท่านั้น
“พี่สาวหยินซวงของข้า วันนี้ท่านสวยเหลือเกิน” ซูมันรูเข้ามาจับมือนางไว้พลางยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“องค์ชายสามช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับหญิงสาวที่สวยและเพียบพร้อมเช่นท่าน ต่อไปพี่สาวของข้าก็จะขึ้นเป็นพระมเหสี และหากถึงเวลานั้นแล้วล่ะก็ ท่านพี่อย่าได้เผลอลืมเชียวว่ามีข้าคนนี้เป็นน้องสาวสุดที่รักของท่าน”