ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 การเกิดใหม่

บทที่ 1 ความพินาศของตระกูลเฟิ่ง


ณ รัชสมัยที่สิบสี่ของอาณาจักรฉู่ตอนใต้ ในเดือนสิบสองของปีจันทรคติ ความหนาวเย็นแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดินราวกับเมืองทั้งเมืองกำลังต้องคำสาปให้ถูกจองจำอยู่ภายใต้สภาพอากาศที่แสนเย็นเยียบไปตลอดกาล

ฤดูหนาวครั้งนี้รุนแรงมากกว่าครั้งไหน ๆ มันหนาวเย็นมากเสียจนแม้แต่หยดน้ำก็กลายเป็นน้ำแข็งได้

และขณะที่สายลมเย็นพัดผ่านสร้างความเหน็บหนาวไปทั่วบริเวณ ใครเลยจะรู้ว่าในคุกใต้ดินอันมืดมิดแห่งนี้กลับเหน็บหนาวและทุกข์ทรมานยิ่งกว่า

เสียงตวัดแส้ที่ฟาดผ่านอากาศและเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของหญิงสาวฟังดูสยดสยองและเย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูกสันหลัง เครื่องทรมานหลายชิ้นกระจัดกระจายไปทั่วห้อง คราบเลือดและเศษเนื้อของเหยื่อรายก่อน ๆ ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งชวนขนลุก ทั้งสยดสยองและน่าสะอิดสะเอียดไปพร้อมกัน

ผู้หญิงคนนั้นผมเผ้ากระเซิง ร่างระหงสะบักสะบอมเสียจนจำแทบไม่ได้ มือสองข้างถูกมัดแน่นอยู่กับเสา ผิวพรรณที่เคยสวยงามถูกตีตราด้วยแผ่นเหล็กร้อนอย่างโหดร้ายจนขึ้นเป็นรอยแผลไหม้ไปทั่วตัว และแม้สภาพร่างกายของนางจะย่ำแย่แค่ไหน แต่กระนั้นความทรมานก็ยังไม่สิ้นสุดลงง่าย ๆ

“อ๊าก!”

น้ำเกลือทั้งหม้อถูกเทราดลงบนหญิงคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า นางกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บแสบอย่างถึงที่สุด ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน แม้จะเจ็บปวดไปทั้งกายและใจ แต่ดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยความอาฆาตและเคียดแค้น

ใครบางคนเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านาง ชายผู้นั้นสวมชุดคลุมลายมังกรที่เป็นสัญลักษณ์ขององค์จักรพรรดิ เขายกยิ้มมุมปากด้วยความสมเพชก่อนจะยื่นข้อเสนอให้นางด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน

“เฟิ่งหยินซวง เจ้าจะทนทรมานต่อไปอีกทำไม รับสารภาพมาเสียเถิด โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”

“ข้าบริสุทธิ์ เจ้านั่นแหละที่ใส่ความข้า!”

เฟิ่งหยินซวงไอโขลก ลำคอแห้ง ๆ เค้นคำปฏิเสธออกมาอย่างยากลำบาก แม้สภาพของนางจะน่าสมเพชเวทนาแค่ไหนแต่นางก็ยังยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง

“ฝ่าบาท” หญิงสาวอีกคนปรี่มานั่งลงข้าง ๆ พลางยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา “ข้าขอความยุติธรรมแก่ท่านพี่ด้วย พวกเราเป็นเพียงนางสนมผู้ต่ำต้อย เพียงเท่านี้ท่านพี่ก็ไม่รู้จะสู้หน้าคนทั้งอาณาจักรได้อย่างไรแล้ว”

ซูมันรูวิงวอน คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นน้องสาวที่เฟิ่งหยินซวงไว้ใจมากที่สุด แต่บัดนี้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่านางไว้ใจคนผิด และเพราะนางปล่อยให้คนคิดคดทรยศอยู่ใกล้ตัวจนเกินไป ผลที่ตามมาจึงเป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้

ยิ่งนึกถึงอดีตเฟิ่งหยินซวงก็ยิ่งโกรธจนตัวสั่น จิตใจของนางเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและหวาดกลัว นางกวาดสายตาไปรอบ ๆ บริเวณ ความเย็นยะเยือกรอบตัวนางนั้นไม่ต่างกับความมืดมิดในจิตใจของผู้คนตรงหน้านี้เลยสักนิดเดียว

“อย่าร้องไห้เลยซูมันรู ข้าจำเป็นต้องทวงความยุติธรรมและลงโทษคนผิดให้จงได้ เจ้าลุกขึ้นเถิด ปล่อยให้การตัดสินโทษดำเนินต่อไป” หนาน หยูเทียนที่รับรู้ถึงความทุกข์ใจของหญิงสาวพูดปลอบ

ซูมันรูถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา สีหน้านางดูเหมือนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าในคราแรก แต่เมื่อนางมองกลับลงไปที่เฟิ่งหยินซวง ประกายความอาฆาตและความขุ่นเคืองก็ฉายแววขึ้นในดวงตาพร้อมกับสีหน้าที่ดูพึงใจเล็กน้อย

เฟิ่งหยินซวงถูกจับให้ปลดเครื่องพันธนาการออก ทหารคนหนึ่งเข้ามาจับมือนางกดลงกับเขียงไม้ ไม่ทันได้ตั้งตัว มีดพร้าเล่มใหญ่ก็สะท้อนแสงวาววาบขึ้นตรงหน้า ทำเอาหญิงสาวหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น “หากเจ้ายังไม่ยอมรับในความผิด เจ้าจะได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจากมีดพร้าเล่มนี้”

เฟิ่งหยินซวงส่ายหน้าปฏิเสธ แม้จะกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมากแค่ไหนแต่นางจะไม่ยอมแพ้ต่อความอยุติธรรมโดยเด็ดขาด

“ข้าไม่มีวันยอมรับในสิ่งที่ข้าไม่ได้ทำแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็ตาม!”

“เจ้าเลือกเองนะเฟิ่งหยินซวง” เขาพูดด้วยเสียงเย้ยหยันก่อนจะส่งสัญญาณให้นายทหารจัดการลงโทษ

“อ๊าก!”

นิ้วมือทั้งสิบนิ้วขาดสะบั้น เลือดสีแดงเข้มไหลอาบเขียงไม้ไปจนถึงพื้นที่รอบบริเวณ

เฟิ่งหยินซวงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด นางทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มราวกับจะขาดใจเสียให้ได้ ดวงตาแดงก่ำจดจ้องไปที่ใครอีกคนที่กำลังนั่งมองนางถูกทรมานอยู่บนบังลังก์ คนที่ครั้งหนึ่งนางเคยรักเขาจนหมดหัวใจ แต่ก็กลับเป็นเขาเองที่สั่งลงโทษและโยนความผิดให้กับสิ่งที่นางไม่ได้เป็นคนก่อ

“ในช่วงห้าปีที่เจ้าได้เข้ามาอยู่ในราชสำนัก เจ้าไม่ได้ก่ออาชญากรรมไว้แค่ครั้งเดียวแต่มีถึงสามครั้งด้วยกัน” เขาลุกขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ประการที่หนึ่ง เจ้าอิจฉาริษยาและพยายามสังหารองค์รัชทายาทที่อยู่ในครรภ์ของซูกุ้ยเฟย นั่นคืออาชญากรรมครั้งแรกของเจ้า ประการที่สอง เจ้าลอบวางยาพิษใส่พระมารดาของข้า นั่นคืออาชญากรรมครั้งที่สอง และสุดท้าย จากการกระทำที่โหดเหี้ยมและโหดร้ายของเจ้าถือเป็นการดูถูกพระเจ้า เจ้าต้องโดนลงโทษเก้าชั่วอายุคนตามกฎของสวรรค์”

ไม่!!

เฟิ่งหยินซวงได้รู้ความจริงก็ในตอนนี้ ทั้งหมดเป็นแผนการชั่วร้ายที่มีผู้สมคบคิดคือเขาและซูมันรู นางไม่ควรต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้เลยจริง ๆ ตระกูลของนางดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักยาวนานถึงสามราชวงศ์ นับเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลและได้รับความนับหน้าถือตาเป็นอย่างมาก การขึ้นสู่บัลลังก์ของหนานหยูเทียนก็มาจากแรงสนับสนุนของตระกูลเฟิ่งของนางเสียด้วยซ้ำ

เขากล้าทำแบบนี้กับนางได้อย่างไร กล้าทรยศกับตระกูลของนางได้อย่างไร!

“เจ้าคงหวังให้เฟิ่งไท่ซือมาช่วยเจ้าอยู่สินะ” หนานหยูเทียนพูดอย่างเย้ยหยันและเยาะเย้ย “ข้าเป็นบุตรโดยตรงขององค์จักรพรรดิ เป็นรัชทายาทโดยชอบธรรม ข้าสูงส่งกว่าตระกูลเฟิ่งของเจ้าเป็นไหน ๆ และนี่ หลักฐานการยักยอกเงินราชสำนักและการรับสินบนของเฟิ่งไท่ซือ ความผิดครั้งนี้คงไม่มีอะไรมาหักล้างได้ และข้าจะสั่งประหารชีวิตคนในตระกูลเจ้าทั้งหมด!”

เฟิ่งหยินซวงตาเบิกโพลง ปากสั่น ๆ พร่ำเอ่ยคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ วนอยู่อย่างนั้นอย่างเสียสติ ตระกูลเฟิ่งอันยิ่งใหญ่ของนางจะล่มสลายลงแบบนี้ไม่ได้ ปู่ของนางเฝ้ารักษาและดำรงชื่อเสียงของตระกูลเราให้ขาวสุจริตไร้ที่ติมาตลอดชีวิตของท่าน นางจะถูกกล่าวหาว่าทุจริตและรับสินบนแบบนี้ไม่ได้

นางถูกใส่ความ! ทั้งหมดเป็นหนึ่งในแผนการของเขา!

หญิงสาวตระหนักได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาอาจไม่ใช่แค่ทำร้ายนาง แต่คือการทำลายล้างตระกูลเฟิ่งทั้งตระกูล เขาคงตั้งใจที่จะกำจัดวงศ์ตระกูลของนางมานานมากแล้ว

“หากเจ้าตั้งใจจะทำลายวงศ์ตระกูลของข้าอยู่แล้วเจ้าก็ไม่ต้องกังวลไปดอกหนานหยูเทียน ความอกตัญญูของเจ้าจะทำลายตัวเจ้าเองในสักวัน!” เฟิ่งหยินซวงตอกกลับเขาไปด้วยความเคียดแค้น

“อย่างนั้นหรือ?” หนานหยูเทียนยิ้มเยาะ “เฟิ่งไท่ซือเป็นขุนนางที่ดำรงตำแหน่งมายาวนานถึงสามราชวงศ์ ได้รับความไว้ใจและความนับถือจากท่านปู่และท่านพ่อของข้าอย่างมาก ข้าคงจะไม่สั่งลงโทษเขาหากไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจริง ๆ อย่างไรก็ตามเฟิ่งหยินซวง ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า ซึ่งเจ้าอาจช่วยชีวิตคนในตระกูลของเจ้าได้”

เฟิ่งหยินซวงเม้มปากแน่น หากมันเป็นทางเดียวที่จะรักษาตระกูลของนางไว้ได้นางก็เต็มใจจะรับข้อเสนอนั้นอย่างไม่ลังเล

“ในตอนเที่ยงของวันพรุ่งนี้ที่ลานประหาร เจ้าต้องยอมรับความผิดทั้งหมดในทุกข้อหา หากเจ้ายอม ข้าจะปล่อยทุกคนในตระกูลของเจ้าไป”

“เจ้าพูดจริงหรือ?” นางจดจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา

“ข้าสัญญา” เขายืนยัน

หญิงสาวเม้มปากแน่นจนมันสั่นไปหมด นางไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ในฐานะของลูกสาวตระกูลเฟิ่ง นี่เป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของนางที่จะปกป้องวงศ์ตระกูลของตนไว้ หากชีวิตของนางเพียงหนึ่งชีวิตสามารถแลกกับชีวิตคนในตระกูลอีกเจ็ดสิบสองชีวิตไว้ได้นางก็จะทำ

...

ลมเย็นยะเยือกในตอนเที่ยงวันพัดเอาเกล็ดหิมะที่กำลังร่วงโรยให้เกิดเป็นเกลียวพายุขนาดย่อมหมุนวนไปตามพื้นดินลานประหาร เสาไม้จำนวนเจ็ดสิบสองต้นตั้งเรียงกันเป็นวงกลม แต่ละต้นมีคนในตระกูลเฟิ่งถูกมัดติดไว้ทั้งหมด

เสียงจอแจดังขึ้นไปทั่วบริเวณจากผู้คนที่มาร่วมสังเกตการณ์การตัดสินในครั้งนี้ด้วย บทสนทนาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อว่าตระกูลของเฟิ่งไท่ซือผู้ซื่อสัตย์ มีเมตตา และชอบธรรมจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้

เฟิ่งหยินซวงถูกจับมานั่งคุกเข่าลงกับพื้น นางจดจ้องไปที่คนบนบัลลังก์โดยหวังว่าเขาจะรักษาคำสัญญาก่อนจะเอ่ยคำรับสารภาพในความผิดที่นางไม่ได้ก่อด้วยน้ำเสียงมั่นคงแน่วแน่

เฟิ่งไท่ซือที่ถูกมัดติดกับเสาต้นใกล้ ๆ มองหลานสาวตัวเองด้วยสายตาเศร้าสร้อย

‘หยินซวงหลานปู่ เหตุใดเจ้าจึงไร้เดียงสาได้ถึงขนาดนี้ เจ้าเชื่อหรือว่าการรับสารภาพในสิ่งที่เจ้าไม่ได้ทำแล้วสัตว์ร้ายผู้นี้มันจะไว้ชีวิตพวกเรา’ เขาคิดในใจ

สิ้นคำสารภาพของเฟิ่งหยินซวง รอยยิ้มร้ายกาจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนานหยูเทียน เขาส่งสัญญาณมือให้กับทหาร ไม่ทันได้ตกใจดาบเพชฌฆาตก็ถูกยกขึ้น ก่อนที่ศีรษะของทั้งเจ็ดสิบสองคนจะถูกบั่นลงกับต้นเสาอย่างไร้ความปราณีไม่เว้นแม้แต่เด็กทารกอายุเพียงหนึ่งเดือน!

เฟิ่งหยินซวงกรีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกใจสุดขีด ชีวิตทั้งเจ็ดสิบสองชีวิตของคนตระกูลเฟิ่งดับสิ้นลงในชั่วพริบตาเดียว วงศ์ตระกูลที่เคยเฟื่องฟูและเป็นที่น่าภูมิใจบัดนี้ถูกทำลายจนย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี

ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งไปที่คนบนบัลลังก์ นางทั้งโกรธแค้นทั้งผิดหวังกับคำสัญญาจอมปลอมของเขา

“หนานหยูเทียน! เจ้ามันเจ้าเล่ห์! ข้าจะฆ่าเจ้า!!”

เฟิ่งหยินซวงใช้แรงเฮือกสุดท้ายลุกวิ่งไปข้างหน้าหมายจะทำร้ายเขา แต่ก็ถูกทหารจับตัวเอาไว้ได้ทันก่อนจะโดนตีเข้าที่ช่วงท้องจนนางทรุดลงไปกับพื้น

รอยยิ้มแสนขมขื่นและเจ็บปวดผุดขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว นางไอโขลกกระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่ น้ำตาสีขุ่นไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าสงสาร ดวงตาของนางยังคงจ้องเขม็งมาที่เขา มันแข็งกร้าวราวกับหอกแหลมคม หากใช้ฆ่าคนได้หนานหยูเทียนก็คงถูกสายตานางเจาะทะลุจนพรุนไปแล้วทั้งตัว

“ตระกูลของข้ารับใช้แผ่นดินนี้มาถึงสามชั่วอายุคนแต่กลับต้องพบจุดจบที่หน้าเศร้าแบบนี้น่ะเหรอ!” เฟิ่งหยินซวงตะโกนออกมาอย่างสุดกลั้น

“หนานหยูเทียน! เจ้ามันใจคดไร้ความปราณี! ข้าเฟิ่งหยินซวง บุตรสาวแห่งตระกูลเฟิ่งขอสาบานต่อการตายของข้าว่าจะตามอาฆาตพยาบาท ตามหลอกหลอนเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน ข้าขอสาปแช่งให้ราชวงศ์ของเจ้าล่มสลาย ให้แผ่นดินของเจ้าพังทลายเหมือนที่เจ้าทำกับตระกูลข้า!”

สิ้นคำสาปแช่ง เฟิ่งหยินซวงก็กระแทกศีรษะเข้ากับต้นเสาอย่างแรงจนเลือดอาบใบหน้า ปากสั่น ๆ ของนางเม้มแน่นไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอนจมกองเลือดไปกับพื้น

เฟิ่งหยินซวงหายใจหอบถี่ ร่างทั้งร่างกระตุกรุนแรงก่อนจะนิ่งค้างไปทั้งที่ดวงตายังคงเบิกกว้างและฉายแววแข็งกร้าวไม่ยินยอม

ชีวิตของนางดับวูบลงท่ามกลางความอยุติธรรม

และหากชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง เฟิ่งหยินซวงก็ยังยืนยันกับตัวเองว่านางจะไม่มีวันยอมจำนนต่อความเสน่หาจากชายผู้โหดเหี้ยมและชั่วร้ายคนนี้อีกต่อไป

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด