ตอนที่แล้วตอนที่ 580 ไอ้บ้าสองคน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 582 เขตอาคมดาราคล้อย

ตอนที่ 581 ทะลวงระดับ


ตอนที่ 581 ทะลวงระดับ

ยิ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปสภาวะจิตใจของชายหนุ่มก็ยิ่งนิ่งสงบมากขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงร้องคำรามของปีศาจก็เริ่มจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของเขาแล้ว

นี่คือการฝึกฝนที่ไม่ธรรมดาและเซี่ยเฟยก็ไม่ได้อาศัยพลังงานต้นกำเนิดในระหว่างการฝึกฝน แต่อาศัยพลังงานภายในร่างกายของตัวเอง ซึ่งทันทีที่พลังงานภายในร่างกำลังจะหมดลงมันกลับมีพลังที่อธิบายไม่ได้เริ่มก่อกำเนิดขึ้น

เห็นได้ชัดว่าร่างกายของชายหนุ่มใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่สภาวะจิตใจของเขายังคงร้องคำรามว่าเขายังไม่ยอมแพ้ และความดื้อรั้นแม้ว่าตัวเองจะกำลังเดินไปถึงทางตันก็เริ่มผลักดันเขาไปข้างหน้าทีละน้อย

“อย่ายอมแพ้ อย่ายอมแพ้!”

เซี่ยเฟยคิดคำ ๆ นี้ซ้ำ ๆ อยู่ภายในใจโดยใช้สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนเท่านั้น จนทำให้เขาหลงลืมเสียงร้องคำรามที่พยายามรบกวนเขาจากด้านนอกไปแล้ว

ชั่วพริบตาวันเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปนานถึงหกวัน ซึ่งเคล็ดลับที่หยูฮัวได้บอกเขามาให้ผลลัพธ์ที่ดีจริง ๆ เพราะในช่วง 6 วันนี้เซี่ยเฟยสามารถถักทออักขระของอัศวินกฎขั้นแรกขึ้นมาได้ถึง 90% แล้ว

อย่างไรก็ตามเนื่องมาจากร่างกายขาดพลังงาน ความเจ็บปวดจากการที่ร่างกายไม่หลงเหลือพลังงานก็ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ด้วยเหตุนี้เองแม้ว่าชายหนุ่มจะอยากก้าวเท้าต่อไปข้างหน้ามากแค่ไหน แต่เมื่อร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรงเขาก็ถูกบังคับให้ต้องหยุดการฝึกเอาไว้เพียงแค่นี้

ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นผลักประตูเดินออกจากคุกใต้ดิน โดยเขาคิดที่จะออกไปเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายหลังจากฝึกฝนอย่างตึงเครียดมาเป็นเวลานาน

ทุกคนภายในเมืองอีกาดำต่างก็ยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อม มันจึงไม่มีใครอยากจะเสียเวลาออกมาเดินเล่นเหมือนกับชายหนุ่ม ห้องโถงของปราสาทจึงเป็นเพียงแค่ห้องโถงที่ว่างเปล่า

ชายหนุ่มเดินออกมาจากปราสาทมุ่งหน้าตรงไปยังหนองน้ำ ก่อนจะพบกับอีกาที่กำลังจะจิกกินอวัยวะภายในของกบที่นอนตายอยู่ริมสระ

เมื่อสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่กำลังก้าวเท้าเข้ามา อีกาตัวนั้นก็รีบกระพือปีกบินจากไปพร้อมกับสาปแช่งเซี่ยเฟยภายในใจที่เดินเข้ามารบกวนการกินของมัน

ในช่วงเวลาเช้าตรู่แบบนี้ทั่วทั้งหนองน้ำเต็มไปด้วยหมอกขาว ชายหนุ่มจึงเดินเล่นสูดกลิ่นอายความบริสุทธิ์เข้าไปอย่างสดชื่น และยืดแขนยืดขาเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าที่เก็บสะสมอยู่ภายในร่างกาย

ความจริงแล้วความเหนื่อยล้าเหล่านี้แทบที่จะไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อเขาเลย เพียงแต่เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกหดหู่ที่ยังไม่สามารถก้าวข้ามผ่านระดับอัศวินกฎขึ้นไปได้ และยิ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นกว่าเดิม

“ยังเหลือเวลาอีก 9 วัน ก่อนที่จะถึงงานชุมนุมมังกรฟ้าที่จะจัดขึ้นทุก ๆ 10 ปี” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวพร้อมกับเดินมาทางด้านหลังของเซี่ยเฟยด้วยใบหน้าที่เฉยเมย

“ฉันจะไปงานชุมนุมได้หรือไม่ได้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายนิ” เซี่ยเฟยกล่าว

“ใช่ นายจะไปงานชุมนุมได้หรือไม่ได้มันก็เรื่องของนาย ฉันแค่พูดกับตัวเองไม่ได้พูดกับนายสักหน่อย” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวอย่างหน้าตาเฉย

เซี่ยเฟยขี้เกียจเกินกว่าจะมานั่งสนทนากับชายหนุ่มผู้หยิ่งยโสคนนี้ เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดของอีกฝ่ายมากนัก

“คนอย่างนายไม่ควรจะมีโอกาสได้เข้าร่วมกับงานชุมนุมมังกรฟ้าด้วยซ้ำ แม้แต่งานนี้เป็นงานยังไงนายก็ยังไม่รู้” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าว

“มันจะเป็นงานยังไงได้อีกล่ะ นอกจากงานรวบรวมพรสวรรค์รุ่นเยาว์จากทั่วทั้งดินแดนเพื่อมาต่อสู้กัน หากใครได้รับชัยชนะก็จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ส่วนผู้แพ้ก็ต้องกลับมาเดินในเส้นทางของตัวเองต่อไป แค่ไม่มีใครมาคอยสนับสนุนก็เท่านั้นเอง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นายไม่เข้าใจจริง ๆ สินะว่างานชุมนุมมังกรฟ้าไม่ได้มีเอาไว้สำหรับการต่อสู้กันเท่านั้น แต่มันยังมีบททดสอบอื่น ๆ ถูกซ่อนอยู่ภายใต้การชุมนุมในครั้งนี้ด้วย”

“บางครั้งฉันก็รู้สึกเกลียดตัวเองเหมือนกันที่ฉันต้องมาเกิดในตระกูลเล็ก ๆ แบบนี้ ถ้าหากว่าฉันได้ไปเกิดใน 9 ตระกูลชั้นยอด ตอนนี้ฉันก็คงจะทะลวงผ่านไปจนถึงระดับราชากฎแล้ว ไม่ต้องมานั่งติดอยู่ในระดับอัศวินกฎเป็นเวลานานกว่า 2 ปีแบบนี้หรอก” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างเหยียดหยาม

“นี่นายเป็นอัศวินกฎขั้นสูงสุดตั้งแต่ 2 ปีก่อนแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความตกตะลึง

ตอนนี้หยูเสี่ยวเป่ยมีอายุเพียงแค่ประมาณ 18 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าเขาพัฒนาจนกลายมาเป็นอัศวินกฎขั้นสูงสุดตั้งแต่อายุ 16 มันก็หมายความว่าชายหนุ่มคนนี้คืออัจฉริยะที่หาตัวจับยากมาก

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยได้ยินใครบ่นเกี่ยวกับภูมิหลังตัวเองภายในดินแดนของผู้ใช้กฎมาก่อนเลย ซึ่งถ้าหากว่าหยูเสี่ยวเป่ยที่เกิดในตระกูลหยูยังบ่นแบบนี้ แล้วเซี่ยเฟยที่เติบโตขึ้นมาจากดาวโลกใบเล็ก ๆ จะต้องรู้สึกด้อยค่าตัวเองมากขนาดไหน?

“ใช่ ฉันกลายเป็นอัศวินกฎขั้นสูงสุดตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และงานชุมนุมมังกรฟ้าก็มีเอาไว้สำหรับอัจฉริยะแบบฉันโดยเฉพาะ อัจฉริยะทั่วทั้งดินแดนกำลังตั้งตารองานชุมนุมอย่างใจจดใจจ่อ แต่นายกลับไม่เข้าใจอะไรในเรื่องนี้เลย”

“ไม่ว่าจะมองยังไงนายก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะมายืนเคียงข้างอัจฉริยะแบบฉัน และสิ่งที่นายจะต้องไปเจอในงานชุมนุมคืออัจฉริยะทั่วทั้งดินแดนอันแข็งแกร่งแห่งนี้” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวด้วยท่าทางอันหยิ่งยโส

เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่เขาจะรีบเดินหนีออกไปในทันที อย่างไรก็ตามคำพูดเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหดหู่เลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกมีแรงฮึดสู้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย

“อัจฉริยะบ้าบออะไร นายมันก็แค่เด็กเกรียนที่ฉลาดกว่าคนอื่นก็เท่านั้นแหละ”

เดิมทีเซี่ยเฟยต้องการจะออกไปพักผ่อนยืดเส้นยืดสายสักหน่อย แต่เขากลับได้ไปเจอกับตัวน่ารำคาญ เขาจึงรีบเดินทางกลับมายังคุกใต้ดินเพื่อเริ่มทำการฝึกฝนใหม่อีกครั้ง

พริบตาต่อมาอักขระของกฎแห่งมิติขั้นที่ 2 ก็ค่อย ๆ ถูกถักทอขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับพลังงานในสมองของชายหนุ่มที่ถูกดึงออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน เซี่ยเฟยก็ต้องเริ่มทุกข์ทรมาณจากอาการที่ร่างกายมีพลังงานไม่เพียงพอ

เซี่ยเฟยมองว่าการฝึกฝนครั้งนี้คือการต่อสู้แบบแลกเป็นแลกตาย ซึ่งมันก็หมายความว่าถ้าหากว่าเขาฝึกฝนไม่สำเร็จเขาก็พร้อมที่จะตายไปกับการดิ้นรนในครั้งนี้เลย

ชายหนุ่มกัดฟันควบคุมเส้นใยพลังงานในสมองและเดินหน้าต่อไป โดยไม่สนใจว่าร่างกายของเขากำลังถูกใช้อย่างเกินขีดจำกัด

ตูม!

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเขากำลังบินออกไปภายในกาแล็กซี ซึ่งมันก็ทำให้เขาได้พบกับแสงสว่างสีขาวอันเจิดจ้าปรากฏขึ้นมาตรงหน้าอย่างฉับพลัน ต่อมาเขาก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายกำลังรู้สึกผ่อนคลายราวกับว่าร่างของเขากำลังกระโดดเข้าไปในรูหนอน

กำแพงสู่อัศวินกฎถูกทำลายแล้ว!!

ทันทีที่ก้าวข้ามผ่านระดับขึ้นมาได้สำเร็จ ชายหนุ่มก็สามารถควบคุมเส้นใยพลังงานได้อย่างง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิม แต่การพยายามฝืนใช้พลังงานในระหว่างนี้มันอาจจะทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้รับความเสียหายอีกครั้ง

เขาจึงรีบดูดซับพลังงานจากลิงหยกขาวเข้าไปในร่างอย่างรวดเร็ว แต่ร่างกายของชายหนุ่มกลับทำหน้าที่เป็นเหมือนพื้นดินอันแห้งแล้งที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยงมาเป็นเวลานาน พลังงานปริมาณมหาศาลจึงถูกดูดซับเข้าไปภายในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง

1!

2!

3!

ภายในเวลาเพียงแค่ 10 นาทีชายหนุ่มก็สามารถดูดซับพลังงานจากคริสตัลเหลืองเข้าไปภายในร่างได้ถึง 3 ชิ้น

เหตุการณ์นี้ทำให้ขนอุยมองมาทางชายหนุ่มด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เพราะความเร็วในการดูดซับพลังงานของเซี่ยเฟยรวดเร็วกว่าตัวตะกละตะกลามแบบมันเสียอีก

พลังงานหลั่งไหลเข้ามาภายในร่างของเซี่ยเฟยราวกับกระแสน้ำหลาก และความสุขจากการที่เขาได้รับพลังงานกลับคืนมาก็เป็นความสุขที่ไม่สามารถจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

ในเวลาเดียวกันพลังของกฎแห่งมิติระดับที่ 2 ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มอย่างฉับพลัน และมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าเขาสามารถทำลายผืนฟ้าได้ด้วยการชกเพียงแค่ครั้งเดียว

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชายหนุ่มตัดสินใจทำหลังจากนั้นคือเรื่องที่บ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเขาได้พยายามใช้แรงผลักดันในปัจจุบันในการสร้างอักขระกฎแห่งมิติตัวที่ 2 ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากความบ้าคลั่งได้จบลงทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบ หลังจากที่เซี่ยเฟยได้อยู่ภายในคุกใต้ดินเป็นเวลา 12 วัน ซึ่งในตอนนี้ชายหนุ่มไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในการทะลวงผ่านขึ้นมาจนกลายเป็นอัศวินกฎเท่านั้น แต่เขายังพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นอัศวินกฎขั้นที่ 2 แล้วอีกด้วย

“วิธีการที่นายใช้ในระหว่างการทะลวงระดับเป็นวิธีที่ดีมาก เพราะเมื่อพลังงานภายในร่างของนายกำลังจะหมดลง มันก็ช่วยลดความผันผวนของพลังงานในระหว่างที่นายกำลังก้าวข้ามผ่านระดับได้เป็นอย่างดี”

“ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่นายก้าวข้ามผ่านระดับไปได้สำเร็จ ร่างกายของนายก็ตกอยู่ในสภาวะขาดพลังงานอย่างรุนแรง ทำให้มันสามารถรองรับพลังงานได้มากกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อนายดูดซับพลังงานเข้ามาภายในร่างอย่างมหาศาล นายเลยสามารถใช้พลังที่ท่วมท้นอยู่ทั้งร่างเจาะทะลวงจนผ่านการเป็นอัศวินกฎขั้นที่ 2 ไปได้”

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายกับหยูฮัวคืออะไร แต่วิธีการที่เขาบอกนายมาเป็นเหมือนกับวิธีการที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนายโดยเฉพาะ” โอโร่กล่าวอย่างตื่นเต้น

“วิธีการที่ถูกออกแบบมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ? ไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญค้นพบวิธีนี้ตอนที่เขากำลังพยายามทะลวงผ่านการเป็นอัศวินกฎงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง

“ร่างกายของทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีระดับการควบคุมพลังงานที่แตกต่างกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าวิธีการนี้จะใช้กับนายได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นที่ใช้วิธีการเดียวกับนายจะได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน”

“เหตุผลอย่างแรกที่นายใช้วิธีการนี้ได้นั่นก็คือนายเป็นคนที่ดื้อรั้นและไม่มีวันที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งถ้าหากว่านายไม่ได้มีลักษณะนิสัยที่ดื้อรั้นแบบนี้ หงส์ครามย่อมไม่มีทางยอมรับนายให้เป็นเจ้าของของมันอย่างเด็ดขาด”

“เหตุผลอย่างที่ 2 คือนายควบคุมพลังงานได้ในระดับที่ละเอียดอ่อนมาก และในบรรดาทุกคนที่ฉันเคยรู้จักมา ระดับการควบคุมพลังงานของนายก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมากอยู่ดี” โอโร่กล่าวอธิบายเพิ่มเติม

เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรแล้วถ้าหากว่าโอโร่ที่มีอายุยืนนานหลายแสนปีพูดออกมาแบบนี้ มันก็คงจะหมายความว่าเขาสามารถควบคุมพลังงานได้เหนือกว่าคนอื่นมากจริง ๆ

“แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ฉันยังไม่เข้าใจ นายมาจากดาวเคราะห์ดวงเล็ก ๆ จากดินแดนชั้นต่ำจริง ๆ เหรอ?” โอโร่กล่าวถามอย่างสงสัย

“ดาวเคราะห์ดวงเล็ก ๆ จากดินแดนชั้นต่ำนั้นมีชื่อว่าโลก” เซี่ยเฟยตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยพอใจมากนัก

“แปลกมาก ถ้าหากคนบนโลกมีสายเลือดที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ แล้วทำไมพวกเราถึงไม่เคยได้ยินชื่อของดาวโลกมาก่อนเลย” โอโร่ส่งเสียงพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

“คุณกำลังจะบอกว่าสายเลือดของผมเป็นสายเลือดที่ดีงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามออกมาด้วยความสับสน เพราะท้ายที่สุดความน่าจะเป็นในการเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของชาวโลกก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก แต่โอโร่กลับบอกว่าเขามีระดับสายเลือดที่ดีกว่าคนโดยทั่วไป

“มันไม่ใช่แค่ดีแต่ดีมากต่างหาก ฉันขอบอกเลยว่าระดับการควบคุมพลังงานดั้งเดิมของนายคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้นายสามารถเลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ ซึ่งถ้าหากว่าจะให้ฉันประเมินสายเลือดของนายก็ควรจะมีระดับ A- เป็นอย่างน้อย” โอโร่กล่าวตอบ

ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังรู้สึกสับสนกับเรื่องสายเลือดของตัวเอง จู่ ๆ เสียงกรีดร้องของปีศาจก็ดังขึ้นมาจากด้านล่างห้องขังอีกครั้ง

“ทำไมเสียงของมันถึงดูแตกต่างจากเมื่อวันก่อน?” โอโร่พึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว

***************

เพิ่งเลื่อนระดับได้เองนะ ขอพักก่อนไม่ได้หร๊ออออ!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด