ตอนที่แล้วตอนที่ 579 ปีศาจในส่วนลึกของจิตใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 581 ทะลวงระดับ

ตอนที่ 580 ไอ้บ้าสองคน


ตอนที่ 580 ไอ้บ้าสองคน

เซี่ยเฟยนั่งลงมองศพอย่างเย็นชาและถึงแม้ว่ามันจะมีเศษเลือดเศษเนื้อไหลอยู่ตรงหน้าของเขาอย่างช้า ๆ แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดใจ

นับตั้งแต่อายุ 17 เขาก็เริ่มลงมือสังหารศัตรูของเขามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยที่เขายังอยู่ภายในดาวโลกเติบโตขึ้นมาในสังคมของพันธมิตร จากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวไปยังดินแดนของพวกเซิร์กและในปัจจุบันที่เขาได้เดินทางมายังดินแดนของผู้ใช้กฎ

หลังจากได้เห็นซากศพมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เขาก็ไม่มีความรู้สึกในระหว่างการสังหารอีกต่อไป คล้ายกับว่าเขาจะปรับตัวเข้ากับสังคมปลาใหญ่กินปลาเล็กได้แล้ว หรือมันก็อาจจะเป็นเพราะเขาคือผู้ที่มีพรสวรรค์จะเติบโตขึ้นมาเป็นนักรบโดยกำเนิด

ทันใดนั้นเองมันก็มีชายหนุ่มอายุประมาณ 18 ปีเดินเข้ามาภายในห้องโถงพร้อมกับจ้องมองไปยังศพที่พื้นด้วยท่าทางสบาย ๆ จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจรับกลิ่นเลือดและความตายเข้าไปอย่างสดชื่น ก่อนที่เขาจะแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากราวกับว่าเขากระหายกลิ่นเลือดมาเป็นเวลานาน

“นายคือเซี่ยเฟยสินะ?” ชายหนุ่มเริ่มกล่าวถาม

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเป็นคำตอบ

“ถ้าไปที่งานชุมนุมมังกรฟ้าแล้วอย่ามาขวางทางฉันล่ะ”

เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยและเมื่อพิจารณาจากคำพูดของชายหนุ่มคนนี้แล้ว มันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือหยูเสี่ยวเป่ยอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตระกูลหยูอย่างแน่นอน เพราะผู้มีสิทธิ์เดินทางไปยังงานชุมนุมมังกรฟ้าทั่วทั้งตระกูลหยูก็มีเพียงแค่เขากับหยูเสี่ยวเป่ยเท่านั้น

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะไปงานชุมนุมนั่นเพื่อจะขวางทางใครหรอกนะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ

“ฉันไม่สนใจหรอกว่านายจะไปที่นั่นเพราะอะไร แต่ถ้าหากว่าใครมาขวางทางฉัน ฉันก็จะกำจัดพวกมันออกไปให้หมดเหมือนกัน แล้วอย่าคิดว่าแม้ว่านายจะมาจากตระกูลหยูเหมือนกันแล้วฉันจะต้องหยิบยื่นมือออกไปช่วยเหลือนาย” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าว

“ฉันไม่ชอบสั่งคนอื่นและฉันก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาสั่งฉันด้วย ถ้าไม่พอใจใครก็ฆ่าซะให้สิ้นเรื่อง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“น่าสนใจดีนี่” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปยังนอกปราสาท

ทางเข้าปราสาทมีขนาดกว้างมาก แต่ในระหว่างที่หยูเสี่ยวเป่ยเดินออกไปหยูเผิงก็กำลังเดินเข้ามาพอดิบพอดี อย่างไรก็ตามชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้คิดที่จะหลีกทางให้กับผู้ที่อาวุโสกว่าเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับกลายเป็นหยูเผิงที่ต้องหลีกทางให้หยูเสี่ยวเป่ยเดินผ่านไปก่อน

ท่าทางของชายหนุ่มคนนี้หยิ่งยโสเป็นอย่างมาก ซึ่งเซี่ยเฟยก็คาดการณ์ว่านอกเหนือจากผู้นำตระกูลอย่างหยูเจียงแล้ว หยูเสี่ยวเป่ยก็คงจะไม่เห็นหัวใครในตระกูลด้วยซ้ำ

“พวกนายเจอกันแล้วเหรอ?” หยูเผิงถาม

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเป็นคำตอบ ก่อนที่เขาจะกล่าวถามขึ้นมาว่า

“เขามีระดับพลังสูงกว่าคุณงั้นเหรอครับ?”

คำถามของชายหนุ่มทำให้หยูเผิงขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยก็ลงมือสังหารฮานหยูตงต่อหน้าต่อตาของเขา และในคราวนี้เซี่ยเฟยก็ยังเห็นหยูเสี่ยวเป่ยไม่แสดงความเคารพต่อเขาอีก

วันนี้มันคงไม่ใช่วันของเขาสินะ…

“หยูเสี่ยวเป่ยมีพลังอยู่ในระดับอัศวินกฎขั้นสูงสุดแล้ว ดังนั้นนอกเหนือจากท่านผู้นำและหยูจิน เขาก็คือผู้ที่มีระดับพลังสูงมากที่สุดในตระกูล แน่นอนว่าการคำนวณนี้ไม่ได้รวมหยูฮัวเข้าไปด้วย เพราะเขาออกจากเรื่องภายในของตระกูลมาตั้งนานแล้ว” หยูเผิงกล่าว

คำตอบนี้ทำให้เซี่ยเฟยไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมหยูเสี่ยวเป่ยถึงหยิ่งผยองขนาดนั้น เพราะท้ายที่สุดเขาก็คืออัจฉริยะที่สามารถพัฒนาจนถึงระดับอัศวินกฎขั้นสูงสุดได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี และเขาก็มีศักยภาพมากพอที่จะทะลวงระดับขึ้นไปเป็นราชากฎได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

ต่อมาหยูเผิงก็คุกเข่าลงบนพื้นก่อนที่เขาจะทำการโบกมือและทำให้ร่างของฮานหยูตงหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เก็บเรื่องวันนี้เอาไว้เป็นความลับซะ ถึงแม้ว่าการฆ่าใครซักคนในเมืองอีกาดำจะไม่ผิดกฎหมายแต่มันก็ผิดกฎในตระกูลของเรา คราวนี้ฉันจะยอมปล่อยนายไปสักครั้ง เพราะว่านายคงจะยังไม่ทันได้ศึกษากฎของเมืองนี้” หยูเผิงกล่าว

“โอเคครับ ผมขอกุญแจหน่อย ผมอยากจะรีบกลับไปฝึกแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปขอกุญแจจากชายชราตรงหน้า

หยูเผิงส่งมอบกุญแจคุกใต้ดินให้กับเซี่ยเฟยพร้อมกับเริ่มร่ายยาวถึงกฎข้อควรปฏิบัติภายในเมือง ก่อนที่เขาจะมอบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ให้กับชายหนุ่มอีก 10 ชิ้น

เซี่ยเฟยเก็บของทั้งหมดเข้าไปไว้ในแหวนมิติ ก่อนที่เขาจะเดินลงบันไดเพื่อกลับไปยังห้องฝึกของตัวเอง

‘ไอ้พวกบ้า ไอ้สองคนนี้มันเป็นไอ้พวกบ้าเหมือนกันชัด ๆ!!’ หยูเผิงร้องคำรามภายในใจหลังจากทั่วทั้งห้องโถงเหลือเขาเพียงลำพัง

หลังจากล็อกประตูคุกใต้ดินแล้วเซี่ยเฟยก็เดินไปนั่งลงที่กลางห้อง

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เปิดกลไกเล็ก ๆ บนแหวนมิติ ซึ่งมันก็จะทำให้พื้นที่ภายในแหวนมิติเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ตามปกติแล้วกลไกนี้เอาไว้ใช้ในกรณีที่เขาต้องการจะหยิบของจากแหวนมิติออกมา แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเขาต้องการที่จะติดต่อกับโอโร่และกระป๋องที่อยู่ด้านใน

“เจ้านาย... เจ้านายต้องการให้กระป๋องทำความสะอาดไหม?” กระป๋องกล่าวถามอย่างประหม่า และถึงแม้ว่าตามปกติมันจะรีบกระโดดออกไปทำความสะอาดในทันที แต่ในวันนี้มันกลับมีท่าทางลังเลอยู่นิดหน่อย เพราะท้ายที่สุดเสียงกรีดร้องของปีศาจก็ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัว กระป๋องจึงไม่กล้าที่จะออกมาจากแหวนมิติด้วยตัวเอง

“นายพักผ่อนไปเถอะ แต่ถ้ามีเวลาก็จัดการของภายในแหวนให้เรียบร้อย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสบาย ๆ

กระป๋องพยักหน้าอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เสียงกรีดร้องของปีศาจก็ทำให้มันรู้สึกกลัวมากจริง ๆ

“โอโร่ คุณพอจะรู้ไหมว่าเสียงร้องของปีศาจนี่มันมาจากไหน?” เซี่ยเฟยถาม

“ถ้าฉันเดาไม่ผิดมันน่าจะมีช่องว่างมิติซ่อนอยู่ภายในคุกใต้ดินนี่ แล้วมันก็เป็นต้นกำเนิดของเสียงที่นายเรียกว่าเสียงร้องของปีศาจ” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ช่องว่างมิติ? มิติแบบนั้นมันควรจะเป็นมิติที่ปิดสนิทไม่ใช่เหรอ? แล้วมันจะมีเสียงเล็ดลอดออกมาด้านนอกได้ยังไง เหรอว่ามิตินั้นมันใกล้จะพังทะลายลงมาแล้ว” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“ฉันแค่พูดถึงความเป็นไปได้ ถึงยังไงฉันก็ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบโดยละเอียด นอกจากนี้ถึงแม้ว่านายจะได้ยินเป็นเสียง แต่จริง ๆ แล้วมันคือกระแสจิตชนิดพิเศษชนิดหนึ่งที่มีการส่งผ่านพลังงานอย่างละเอียดอ่อนจนทำให้สมองของนายประมวลผลว่ามันคือเสียง”

“ถ้านายไม่เชื่อฉัน นายก็ลองถามหุ่นยนต์บริการของนายดูสิ สิ่งที่เขาจับสัมผัสได้ไม่มีทางเป็นเสียงแน่นอน แต่มันเป็นคลื่นไฟฟ้าความถี่สูงชนิดหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว” โอโร่กล่าวพร้อมกับยักไหล่

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจอีกครั้ง เพราะเขาไม่คิดเลยว่าเสียงที่เขาได้ยินจะเกิดจากการที่สมองของเขาถูกหลอกให้ประมวลผลออกมาอย่างผิดพลาด ซึ่งมันก็หมายความว่าเสียง ๆ นี้อยู่ในระดับเดียวกันกับภาพลวงตาระดับสูง

“ฉันเองก็สงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ฉันว่านายควรฝึกฝนให้ผ่านด่านการเป็นอัศวินกฎไปก่อน แล้วเราค่อยมาสำรวจเรื่องลึกลับนี่กันทีหลัง” โอโร่กล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้า เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพัฒนาเข้าสู่ระดับอัศวินกฎให้ได้ก่อนที่งานชุมนุมมังกรฟ้าจะเริ่มต้นขึ้น

ท้ายที่สุดหลังจากนี้เขาก็ได้รับสิทธิ์เข้าออกเมืองอีกาดำได้อย่างอิสระ ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาค่อยกลับมาค้นหาความลับของเสียงปีศาจหลังจากงานชุมนุมมังกรฟ้าก็ได้

เมื่อเซี่ยเฟยทำการปิดกลไกบนแหวนมิติแล้ว โอโร่กับกระป๋องก็ไม่สามารถที่จะพูดคุยกับเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มจึงเริ่มทุ่มสมาธิทั้งหมดไปที่การฝึกฝนเพียงอย่างเดียว

ขนอุยดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงกรีดร้องของปีศาจเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับจ้องมองไปยังก้อนคริสตัลต้นกำเนิดข้าง ๆ เซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเป็นประกาย

หลังจากใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจมอบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ให้ขนอุยไป 1 ชิ้น ซึ่งมันก็แทบจะเลียหน้าเขาซ้ำ ๆ เพื่อตอบแทนอาหารที่เขาได้มอบให้

ไม่ว่าจะยังไงตระกูลหยูก็ได้ตระเตรียมคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 พวกนี้เอาไว้ให้ชายหนุ่มถึง 100 ชิ้น แต่เนื่องจากว่าเซี่ยเฟยไม่จำเป็นจะต้องใช้พลังงานมากมายขนาดนั้น การมอบคริสตัลต้นกำเนิดบางส่วนให้กับขนอุยมันก็น่าจะดีกว่าการที่เขาเก็บคริสตัลต้นกำเนิดเอาไว้ใช้งานเพียงแค่คนเดียว

ต่อมาชายหนุ่มก็นำคริสตัลเหลืองหย่อนลงไปที่ฐานของลิงหยกขาว ก่อนที่เขาจะเริ่มควบคุมเส้นสายพลังงานเข้าไปภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างช้า ๆ

ประสบการณ์ในอดีตได้สอนชายหนุ่มแล้วว่าการเร่งรีบมากจนเกินไปก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ซะทีเดียว เขาจึงเริ่มทบทวนอักขระของกฎแห่งมิติตั้งแต่ตัวแรกจนกระทั่งถึงอักขระของกฎแห่งมิติตัวที่ 9

ประมาณ 12 ชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็หยิบแผ่นโลหะสีเงินออกมาจากแหวนมิติและเอาไปแขวนไว้บนผนัง ซึ่งแผ่นโลหะสีเงินนี้คือรูปแบบอักขระของกฎแห่งมิติรูปแบบที่ 2 และตราบใดก็ตามที่เขาสามารถถักทออักขระระดับที่ 1 ขึ้นมาได้ มันก็หมายความว่าเขาสามารถทะลวงขึ้นไปจนกลายเป็นผู้ใช้กฎระดับอัศวิน!

อักขระกฎแห่งมิติขั้นที่ 2 มีความซับซ้อนกว่าอักขระของกฎแห่งมิติขั้นที่ 1 มาก ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบความซับซ้อนของอักขระขั้นที่ 1 เป็นดาวเคราะห์ ความละเอียดของอักขระขั้นที่ 2 ก็คงจะเป็นกาแล็กซี แน่นอนว่าการพยายามจดจำรายละเอียดของอักขระเหล่านี้จำเป็นจะต้องใช้ความพยายามสูงมาก แล้วมันก็เป็นความยากลำบากมากกว่าการฝึกในช่วงนักรบกฎหลายร้อยเท่า

เซี่ยเฟยพยายามรวบรวมสติและเริ่มต้นทำการฝึกฝน แต่ในคราวนี้เขาไม่ได้ใช้งานคริสตัลต้นกำเนิดในระหว่างการฝึกอีกแล้ว เพราะหยูฮัวให้คำแนะนำมาว่าการพยายามทะลวงผ่านระดับในช่วงระหว่างที่พลังงานขาดแคลนมีโอกาสประสบความสำเร็จในการฝึกฝนมากยิ่งกว่า

พลังงานที่กักเก็บเอาไว้ภายในร่างของชายหนุ่มถูกระบายออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดการฝึกครั้งนี้ก็คือการพยายามปีนข้ามผ่านระดับโดยตรง มันจึงมีอุปสรรคในระหว่างการฝึกฝนอย่างมากมาย

ความซับซ้อนในระหว่างการฝึกเกินความคาดหมายของเซี่ยเฟยไปไกลมาก แล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้การควบคุมในระหว่างการฝึกในระดับที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น

ในระหว่างที่พลังงานภายในร่างของชายหนุ่มกำลังจะหมดลง จู่ ๆ เสียงกรีดร้องของปีศาจก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เซี่ยเฟยจึงรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นเร็วขึ้นอย่างฉับพลัน ขณะที่อักขระที่ถูกถักทอขึ้นมาเพียงแค่ 1 ใน 10 ก็ถูกทำลายจนหายไปโดยสมบูรณ์

เม็ดเหงื่อปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่มจนเปียกโชก และเนื่องจากเซี่ยเฟยเลือกที่จะฝึกฝนบริเวณจุดต้นกำเนิดของเสียงกรีดร้อง มันจึงยิ่งทำให้เขาต้องใช้สมาธิในระหว่างการฝึกฝนมากกว่าเดิมอีกนับ 100 เท่า

เซี่ยเฟยเริ่มทำการฝึกฝนซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่เนื่องจากร่างกายของเขากำลังขาดพลังงาน เขาจึงเริ่มรู้สึกกระหายน้ำขณะที่ใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ ซีดเผือดตามเวลาที่ผ่านพ้นไป

“นี่มันจะอันตรายมากจนเกินไปแล้วนะ นายไม่สามารถใช้สมาธิทนต่อเสียงร้องของปีศาจแล้วฝึกฝนไปได้พร้อม ๆ กันหรอก” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างเป็นห่วง เพราะสภาวะจิตใจของชายหนุ่มตกอยู่ในอาการปั่นป่วนเป็นอย่างมาก

“วิธีนี้ลำบากมากจริง ๆ แต่ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก สาเหตุที่ฉันยังทนรับเสียงกรีดร้องของปีศาจไม่ได้ มันก็แสดงว่าสมาธิของฉันยังไม่แข็งแกร่งมากพอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

หลังจากปรับลมหายใจให้คงที่เซี่ยเฟยก็เริ่มกลับไปฝึกฝนท่ามกลางเสียงกรีดร้องของปีศาจอีกครั้ง

ในวันแรกของการฝึกฝนเซี่ยเฟยต้องทุกข์ทรมานอย่างหนักและจำเป็นจะต้องหยุดพักเป็นครั้งคราว

วันที่ 2 จำนวนการพักผ่อนของชายหนุ่มน้อยลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และในวันที่ 3 เขาก็สามารถทนฝึกต่อเนื่องกันได้เป็นเวลาถึง 1 ชั่วโมง

แม้ว่าเวลาในการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพียงแค่ 1 ชั่วโมงจะดูเป็นเวลาที่สั้นมาก แต่อย่าลืมว่าเซี่ยเฟยไม่เพียงแต่จะต้องเผชิญความเจ็บปวดในระหว่างการฝึกฝนเท่านั้น แต่เขายังต้องแบ่งสมาธิบางส่วนไปป้องกันเสียงกรีดร้องของปีศาจที่พร้อมจะดังขึ้นมาได้ตลอดเวลาอีกด้วย

ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็รู้ดีว่าถ้าหากเขาต้องการที่จะปีนป่ายขึ้นไปอยู่เหนือกว่าคนอื่น เขาก็จำเป็นจะต้องทำการฝึกฝนให้อยู่ในระดับที่อยู่เหนือกว่าคนอื่นด้วยเช่นกัน

ยิ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปสภาวะจิตใจของชายหนุ่มก็ยิ่งนิ่งสงบมากขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงร้องคำรามของปีศาจก็เริ่มจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของเขาแล้ว

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด