1111 - สิ่งมีชีวิตในโลงศพ
1111 - สิ่งมีชีวิตในโลงศพ
เย่ฟ่านมองตรงไปที่ด้านบนสุดของแท่นเต๋าและมีความปรารถนาที่จะปีนขึ้นไปข้างบนเพื่อมองสิ่งต่างๆให้ชัดเจนมากขึ้น
ในอดีตเขาเคยไปเยือนสุสานของจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมมาแล้ว แต่ที่นั่นคือรังหมื่นมังกรที่เต็มไปด้วยอันตรายดังนั้นเย่ฟ่านจึงไม่มีความคิดจะไปเยี่ยมที่นั่นในเร็วๆนี้
“ฮ่าๆๆ… ในที่สุดมันก็เป็นของข้า” ต้วนเต๋อหัวเราะและถือราชาโอสถเขย่าไปมา
“จักรพรรดิอู่ซือกลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แล้วจริงหรือ?” ชายชราตาบอดกล่าว
“ลองปีนขึ้นไปดูสิ แม้ว่าเราอาจจะไม่เจอจักรพรรดิอู่ซือแต่ก็อาจจะเห็นราชาโอสถมากมาย” ต้วนเต๋อพยายามชักชวนด้วยความโล�
ชายชราตาบอดส่ายหน้า มันยากเกินไปที่จะปีนขึ้นไปบนแท่นลัทธิเต๋าที่มีความสูงหลายหมื่นวา แม้ว่าพวกเขาจะมีหม้ออสูรกลืนสวรรค์ก็ตาม
“เราต้องขึ้นไปที่นั่น เผ่าพันธุ์โบราณกำลังตื่นขึ้นมาแล้ว มีเพียงจักรพรรดิอู่ซือเท่านั้นที่สามารถทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้”
เย่ฟ่านกล่าวอย่างหนักแน่น ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
“ต่อให้เขาตายไปแล้วเราก็ต้องค้นหาซากศพของเขาให้เจอ”
ในอดีตผู้คนเล่าขานว่าจักรพรรดิอู่ซือคือร่างราชันศักดิ์สิทธิ์ที่บรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ความจริงนั้นไม่ใช่
เมื่อมาถึงที่นี่ในที่สุดเย่ฟ่านก็ตระหนักว่าจักรพรรดิอู่ซือคือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณเช่นเดียวกันกับเขา
และในเมื่อจักรพรรดิอู่ซือเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ ต่อให้เขาตายไปแล้วเย่ฟ่านก็ยังมีโอกาสที่จะหยิบยืมร่างกายของอีกฝ่ายมาใช้ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตโบราณได้
“ใช่ เราต้องปีนขึ้นไปบนแท่นเต๋า!” ต้วนเต๋อเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
เขาปล้นสุสานมาหลายปีแล้ว และเขาโหยหาหลุมศพของจักรพรรดิโบราณอยู่เสมอ
ทันใดนั้นก็มีรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อทั้งสามมองขึ้นไปด้านบนเส้นขนทั่วร่างของพวกเขาก็ตั้งตรงด้วยความหวาดกลัวทันที
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนี้กว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทร มันท่วมท้นไปทุกทิศทุกทางคล้ายจะบดขยี้ร่างกายของพวกเขาให้แหลกเป็นผุยผง!
การโจมตีกะทันหันนั้นรวดเร็วมากจนผู้คนไม่มีเวลาตอบสนองและไม่สามารถป้องกันได้แม้แต่น้อย
ด้านหลังของพวกเขาร่างที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น ผิวกายของพวกมันเป็นสีดำสนิทและเหี่ยวเฉา
พวกมันคือสิ่งมีชีวิตโบราณเก้าตัวที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์แต่มีศีรษะเป็นสัตว์อสูรประกอบด้วยมังกร มนุษย์อสูร หงส์เพลิง กิเลน คุนเผิง เต่าดำ พยัคฆ์ขาว อีกาทอง และเทาเที่ย
พลังแห่งความตายที่ไม่สิ้นสุดโอบล้อมร่างกายของพวกมันอย่างแน่นหนา คลื่นพลังที่แผ่ออกมาทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
นี่คืออสูรที่คลานออกมาจากโลงศพผลึกก่อนหน้านี้
เมื่อทั้งสามคนตระหนักได้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือบริวารของจักรพรรดิอมตะจิตใจของพวกเขายิ่งหนาวเหน็บไปมากกว่าเดิมหลายเท่า
ชัวะ!
การโจมตีของพวกมันรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ชายชราตาบอดถูกสิ่งมีชีวิตที่มีศีรษะเป็นมังกรใช้แขนทะลวงผ่านหน้าอกจนเลือดสีแดงสาดกระจายไปทั่ว
หากไม่ใช่ว่าเขาเป็นครึ่งก้าวผู้อมตะการโจมตีครั้งนี้เพียงพอที่จะสังหารเขาอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกันสิ่งมีชีวิตที่มีศีรษะเป็นกิเลนสีม่วงก็ฉีกกระชากแขนของต้วนเต๋อข้างหนึ่งออกมาอย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็หยิบเอาราชาโอสถออกจากมือที่ขาดของต้วนเต๋อด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เย่ฟ่านไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะนั้นประตูสีทองหกบานได้เปิดขึ้นในความว่างเปล่า หมัดหกสังสารวัฏของเขาถูกกระตุ้นออกมาอย่างเต็มที่
คลื่นพลังที่มาจากโลกที่เหนือชั้นกว่าโลกอำพรางสวรรค์ไหลทะลักเข้าสู่สนามรบราวกับทะเลคลั่ง กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำเข้าหาสิ่งมีชีวิตที่มีศีรษะเป็นหงส์เพลิงทันที
ปัง!
“ตัวอุบาทว์เหล่านี้เป็นบริวารของจักรพรรดิอมตะจริงหรือ?”
ชายชราตาบอดและต้วนเต๋อตกลงจากหน้าผาพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายไปทุกทิศทาง อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงกระตุ้นหม้ออสูรกลืนสวรรค์ให้โจมตีคู่ต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี!
ปัง!
ร่างของสิ่งมีชีวิตที่มีศีรษะเป็นสัตว์อสูรทั้งสามปลิวกระเด็นกลับไปทางด้านหลัง ภายใต้อำนาจของอาวุธเต๋าสุดขั้วต่อให้พวกมันอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีครั้งนี้ได้
ในขณะนี้ทั้งสามคนเกิดความหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก จักรพรรดิอมตะคือใคร? นี่คือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิโบราณมากมายหลายเท่า
เขาเป็นที่เคารพนับถือของสิ่งมีชีวิตโบราณรวมทั้งมนุษย์ในยุคนั้นโดยยกให้เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว
แล้วบุคคลที่ได้รับเกียรติให้เป็นผู้ติดตามของเขาจะส่งพลังมากเพียงใดเป็นที่คาดคำนวณได้?
สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ที่มีศีรษะเป็นสัตว์อสูรทั้งเก้านี้มีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อครั้งที่พวกเขายังอยู่ในจุดสูงสุดแห่งชีวิตไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะผู้ทรงพลังอย่างแน่นอน!
แม้กระทั่งในปัจจุบันที่พลังการต่อสู้ของพวกเขาตกต่ำลง มนุษย์อสูรเหล่านี้ยังคงแสดงพลังของเซียนเทียมระดับสองขั้นสูงสุดออกมาได้โดยไม่กินแรงแม้แต่น้อย
“ให้ตายเถอะพวกเจ้าสมควรที่จะเป็นกระดูกผุๆ อยู่ในโลงศพเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม พวกเจ้าจะแตกต่างอะไรจากเศษสวะ!”
ต้วนเต๋อโกรธมาก แขนข้างหนึ่งของเขาถูกฉีกออกไปทำให้เขาได้รับความทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด
ชายชราตาบอดยิ่งบาดเจ็บมากกว่า เขาเป็นคนแรกที่ถูกโจมตีฝ่ามือสีดำของสิ่งมีชีวิตศีรษะมังกรนั้นได้ทะลวงผ่านหน้าอกและทำลายหัวใจของเขาไปแล้ว
โชคดีที่ผู้บ่มเพาะหลังจากที่ควบแน่นตำหนักเต๋าและสร้างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้สำเร็จ พลังชีวิตทั้งหมดของพวกเขาก็ถูกโอนย้ายจากร่างกายมาไว้ที่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเก้าในสิบส่วน
ดังนั้นหากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่ถูกทำลาย ชายชราตาบอดก็จะไม่ถูกฆ่าตายเช่นกัน
“ครืน”
หม้ออสูรกลืนสวรรค์กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ความว่างเปล่าพังทลายลงจากอำนาจศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัว พลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งนี้บดขยี้ร่างกายของมนุษย์อสูรมีศีรษะเป็นมังกรและกิเลนอย่างง่ายดาย
ในสนามรบตอนนี้เย่ฟ่านกำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตศีรษะหงส์เพลิงยางดุเดือด
ในปัจจุบันสิ่งมีชีวิตตนนี้มีความแข็งแก่รงอยู่ในขอบเขตเซียนเทียมระดับสองเท่านั้น หากจะวัดกันตามตรงฐานการบ่มเพาะของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เหนือกว่าเย่ฟ่านแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามหลังจากการต่อสู้ดำเนินมาว่าร้อยกระบวนท่าเย่ฟ่านกลับยังไม่สามารถบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าบริวารของจักรพรรดิอมตะนั้นมีพรสวรรค์สูงส่งมากเพียงใด
“สมแล้วที่จักรพรรดิอมตะคือเทพของเผ่าพันธุ์โบราณ แม้แต่บริวารของเขายังเป็นอัจฉริยะเจ็ดต้องห้ามทั้งหมด!” นี่คือการประเมินของเย่ฟ่าน
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจคือคนที่ต่อสู้กับเขาได้สูญเสียพลังชีวิตจำนวนมากในระหว่างที่ถูกแช่แข็งอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์ ดังนั้นหลังจากที่ต่อสู้กันไปเรื่อยๆ ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มแสดงความอ่อนแอออกมาเช่นกัน
ร่างที่เหี่ยวแห้งนี้เป็นสีดำสนิท แต่ละตนล้วนมีสีหน้าเรียบเฉย แม้ว่าสถานการณ์ของสิ่งมีชีวิตศีรษะหงส์เพลิงจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ แต่คนอื่นๆ กลับไม่มีท่าทีว่าจะช่วยเหลือแม้แต่น้อย
“บูม”
ภายใต้การโจมตีของหมัดหกสังสารวัฏที่ผ่านการยกระดับขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของสิ่งมีชีวิตศรีษะหงส์เพลิงถูกซัดจนปลิวกระเด็นออกจากสนามรบโดยไม่อาจต้านทานได้
แต่ในขณะที่สิ่งมีชีวิตศีรษะหงส์เพลิงลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งร่างของมันก็ทะยานขึ้นสู่หน้าผาของแท่นเต๋า โดยแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะหลบหนีออกจากที่นี่
“เจ้ายังคิดว่าจะหนีรอด?”
เย่ฟ่านปลดปล่อยแผนภูมิหยินหยางออกมา จากนั้นกระแสแสงสีดำและสีขาวสองเส้นที่หมุนวนอยู่กลางอากาศก็พุ่งขึ้นสู่ด้านบนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
“ปัง!”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แขนข้างหนึ่งของมันถูกทำลายกลายเป็นเพียงฝุ่นละออง
อย่างไรก็ตามร่างของมันยังคงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายความเร็วแม้แต่น้อย
บูม!
อย่างไรก็ตามก่อนที่สิ่งมีชีวิตที่มีศีรษะเป็นหงส์เพลิงตัวนั้นจะไปถึงยอดสุดของหน้าผา กระแสน้ำแห่งความโกลาหลก็ซัดลงมาจากด้านบนและบดขยี้ร่างกายของเขาจนกลายเป็นเพียงฝุ่นละอองเท่านั้น!
“น้ำตกแห่งความโกลาหลนี้น่าสะพรึงกลัวจริงๆ ดูเหมือนการดำรงอยู่ของมันจะมีขึ้นเพื่อไม่ให้ผู้ใดสามารถบุกรุกสถานที่พักผ่อนของจักรพรรดิอู่ซือได้”
ใบหน้าของเย่ฟ่านถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น แม้แต่ตัวเขาที่ครอบครองร่างกายของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณระดับผู้อมตะก็ดูเหมือนจะไปไม่ถึงยอดสุดของแท่นเต๋าเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะครอบครองหยกอู่ซือถึงหกชิ้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปถึงสถานที่ที่จักรพรรดิอู่ซือนั่งสมาธิเพื่อกลับคืนสู่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
……….