1110 - แท่นเต๋าโบราณ
1110 - แท่นเต๋าโบราณ
หลังจากที่เจ้าอ้วนต้วนกรีดร้อง เขาก็เสียสติราวกับวิญญาณถูกดึงออกไป
ในโลกใบนี้พลังแห่งความโกลาหลถือได้ว่าเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด หากผู้ใดสามารถขัดเกลามันให้กลายเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองได้ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
และตอนนี้น้ำตกสายยาวที่ตกลงมาจากบนท้องฟ้านั้นคือแม่น้ำพลังแห่งความโกลาหล มันได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับทั้งสามคนเป็นอย่างมาก
นี่เป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด น้ำตกแห่งความโกลาหลนับหมื่นสายห้อยลงมาจากแท่นเต๋า หมอกหนาแน่นปกคลุมสถานที่ทั้งหมดทำให้ยากที่จะมองเห็นทัศนียภาพได้อย่างชัดเจน
“ช่างเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ!” ชายชราตาบอดพึมพำ
“ดวงตาแห่งความโกลาหลของข้าไม่สามารถมองเห็นเขาได้อีกแล้ว…” เจ้าอ้วนต้วนเงยหน้าขึ้นมองร่างของจักรพรรดิอู่ซืออย่างสิ้นหวัง
ไม่เพียงเท่านั้น เย่ฟ่านยังตกตะลึงอีกด้วย นี่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความโกลาหล ตอนนี้เขาใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์จ้องมองไปยังด้านบนสุดของแท่นเต๋าและเห็นใครบางคนนั่งสมาธิอยู่ อย่างไรก็ตามคนผู้นั้นได้หายตัวไปแล้ว
พลังและกลิ่นอายอันแข็งแกร่งนั้นแทบจะทำให้เย่ฟ่านคุกเข่าลงกับพื้น หากไม่ใช่ว่าได้รับการปกป้องจากหม้ออสูรกลืนสวรรค์ทุกคนคงคุกเข่าลงไปแล้ว
“ข้าเห็นเขาชัดๆ แต่ตอนนี้เขาหายไปไหน?” ดวงตาของต้วนเต๋อแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า ดวงตาข้างหนึ่งของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวในขณะที่ข้างเปลี่ยนเป็นสีดำ ดวงตาทั้งสองกำลังจ้องมองไปที่บริเวณเหนือม่านน้ำตกและพยายามค้นหาร่องรอยชายผู้ลึกลับคนนั้น
“ข้าก็เห็นเช่นกัน มีเทพผู้ยิ่งใหญ่นั่งสมาธิอยู่บนแท่นเต๋า อย่างไรก็ตามในตอนที่ข้ากำลังมองดูใบหน้าของเขาเทพคนนั้นกลับหายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง!” ชายชราตาบอดใบหน้าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ความสยดสยองที่เขาสัมผัสได้เมื่อครู่นั้นแม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
จักรพรรดิในตำนานอู่ซือ!
มองแวบเดียวก็เห็นเงามืดครึ้มไม่รู้ว่าเป็นคนจริงหรือเป็นเพียงภาพเงาในประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับมาอีกครั้ง ทั้งสามคนตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
“ผู้เป็นตำนาน... จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู่ซือ!” พวกเขาพึมพำคำพูดนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
“อะไรคือจุดสิ้นสุดของเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ ต่อให้ไปถึงจุดสูงสุดก็ไม่อาจเทียบกับปราศจากจุดเริ่มต้น” ประโยคนี้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ และแสดงให้เห็นว่าจักรพรรดิอู่ซือยิ่งใหญ่มากเพียงใด
อู่ซือคือผู้ที่ทำให้ดินแดนต้องห้ามแห่งชีวิตทั้งหมดสั่นสะเทือน เขาปราบปรามสวรรค์ ปราบปรามความมืด ทำลายความวุ่นวาย ทำลายภูต ทำลายเทพ กวาดล้างดินแดนทั้งแปดและกลายเป็นผู้อยู่ยงคงกระพันที่ทรงพลังมากที่สุด
ซากศพของเขานั่งอยู่ที่นี่นานนับแสนปีแล้วแต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเหยียบเท้าเข้ามาในภูเขาจักรพรรดิ!
คำว่า “อู่ซือ” หนักยิ่งกว่าภูเขา กว้างใหญ่กว่าทะเล ลึกล้ำยิ่งกว่าดวงดาว เขาทำให้สิ่งมีชีวิตในโลกตกอยู่ในความกลัวมาหลายยุคหลายสมัย
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างเงียบๆ ก่อนจะมองขึ้นไปบนแท่นเต๋าอีกครั้ง สถานที่แห่งนี้สูงใหญ่ราวกับหน้าผาไร้จุดสิ้นสุด กำแพงหินมีรอยกระดำกระด่างเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา
ท่ามกลางช่องว่างบนหน้าผา ยาศักดิ์สิทธิ์หลายต้นเติบโตออกมาแล้วมองเห็นได้อย่างชัดเจน กลิ่นหอมของพวกมันลอยลงมาด้านล่างทำให้จิตใจของทั้งสามคนเกิดความสดชื่นเป็นอย่างมาก
ผ่านหมอกแห่งความโกลาหลพวกเขามองเห็นยาศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ยืนต้นตายอยู่กลางหน้าผา แม้ว่าสรรพคุณของพวกมันจะยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่เมื่อไม่มีใครนำไปใช้ประโยชน์ได้สุดท้ายเมื่อผ่านไปหลายพันปีพวกมันก็จะเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา
“ตรงนั้นมีราชาโอสถอยู่!”
ในที่สุดต้วนเต๋อก็ฟื้นคืนสติและชี้ไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น ซึ่งเขาเห็นต้นยาโบราณซ่อนอยู่ในหมอกแห่งความโกลาหล
ราชาโอสถคือสมุนไพรที่มีอายุอย่างน้อยพันปี มันมีสรรพคุณทางยาที่ยอดเยี่ยม ว่ากันว่าราชาโอสถบางชนิดสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้เลย
ในโลกอำพรางสวรรค์ยุคโบราณ เทพผู้ยิ่งใหญ่ได้สร้างทุ่งสมุนไพรที่มียาเซียนเพียงหกต้นเท่านั้น ราชาโอสถในปัจจุบันก็คือทายาทของยาเซียนเหล่านั้นนั่นเอง
“นี่เป็นดินแดนที่มีไว้เพื่อทวยเทพอย่างแท้จริง แม้แต่ราชาโอสถเช่นนี้ก็ยังถือกำเนิดขึ้นมาได้” ชายชราตาบอดอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
เย่ฟ่านเงียบไปครู่หนึ่ง จักรพรรดิโบราณไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ แม้หลังจากที่เขาตายไปแล้วสถานที่เก็บซ่อนซากศพของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และลึกลับ
“ยังมีอีกต้นอยู่ที่นั่น!” ดวงตาอันแหลมคมของเจ้าอ้วนต้วนทะลุผ่านกลุ่มหมอกและเห็นราชาโอสถอีกต้นเจริญเติบโตบนหน้าผา
มันมีลักษณะคล้ายดอกบัวแต่เปล่งประกายสดใส กลิ่นหอมหวลของมันชวนให้ผู้คนเกิดความมึนเมา ราชาโอสถต้นนี้น่าจะมีอายุหนึ่งพันสี่ร้อยปีเป็นอย่างน้อย!
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ท่านมีสมบัติมากมาย จะเป็นไรหรือไม่หากผู้เยาว์จะขอหยิบยืมราชาโอสถสองต้นนี้” ต้วนเต๋อแสดงความเคารพและก้าวไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง
ราชาโอสถเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากรับประทานพวกมันลงไปมันจะมีโอกาสทำให้พวกเขามีโอกาสตระหนักถึงเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าสภาวะปกติหลายสิบเท่า
โอกาสเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง หากล่วงเลยไปแล้วเกรงว่ามันจะไม่ย้อนกลับมาอีก!
ปัง!
อย่างไรก็ตามทันทีที่ต้วนเต๋อก้าวไปข้างหน้าร่างของเขาก็ถูกบางอย่างกระแทกจนปลิวกระเด็นกลับมาทางด้านหลัง ทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าของเขามีเลือดไหลทะลักออกมา
สิ่งที่กระแทกร่างกายของเขานั้นคือทะเลสายฟ้าที่ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า หลังจากที่โจมตีต้วนเต๋ออย่างรุนแรงมันก็หายสาบสูญกลับไปอีกครั้ง
“ดูเหมือนเราจะไม่สามารถเข้าใกล้ราชาโอสถได้?” ต้วนเต๋อรู้สึกไม่เต็มใจ
“เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าโชคดีมากแค่ไหน ตามปกติแล้วร่างกายของเจ้าอาจถูกสายฟ้าเหล่านี้เผาผลาญจนกลายเป็นขี้เถ้าได้เลย” เย่ฟ่านกล่าว
ในเวลานี้ชิ้นส่วนหยกอู่ซือบนร่างกายของพวกเขาล้วนส่องแสงออกมาและทำให้พลังการโจมตีของสายฟ้าลดน้อยลงไปหลายร้อยเท่า หากเป็นช่วงเวลาปกติต้วนเต๋อจะไม่มีทางรอดชีวิตได้อย่างแน่นอน
“ถูกต้อง หากใครมาที่นี่โดยไม่ครอบครองหยกอู่ซือพวกเขาจะตายอย่างอนาถ” ชายชราตาบอดก็พยักหน้าเช่นกัน
“ใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์ปกป้องตัวเองดีกว่า…”
ต้วนเต๋อไม่ต้องการถอยกลับ ดังนั้นเขาจึงขอความช่วยเหลือจากเย่ฟ่านโดยต้องการที่จะคว้าราชาโอสถให้ได้
ราชาโอสถเหล่านี้แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะก็ยังมีความปรารถนาอย่างถึงที่สุด นั่นก็เพราะต่อให้พวกเขาไม่ต้องการรู้แจ้งในเต๋าใดๆ มันก็ยังช่วยเพิ่มชีวิตให้พวกเขาได้ถึงสี่ร้อยปี
สำหรับผู้ที่ชีวิตมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วย่อมปรารถนาที่จะได้ครอบครองราชาโอสถเหล่านี้เป็นอย่างมาก
เย่ฟ่านถือหยกจักรพรรดิอยู่ในมือและถือหม้ออสูรกลืนสวรรค์ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น ต้วนเต๋อและชายชราตาบอดก็ติดตามอยู่ด้านหลังของเขาอย่างใกล้ชิด
“ใกล้แล้ว เราเกือบจะไปถึงมันแล้ว”
ที่แท่นเต๋าโบราณมีรากของราชาโอสถโผล่พ้นออกมา กลีบดอกของมันพลิ้วไสวด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี เพียงกลิ่นหอมของมันก็แทบจะทำให้จิตใจของทั้งสามคนเสียสติไปชั่วขณะ
“บูม”
ในขณะที่พวกเขากำลังปีนขึ้นไปบนฐานของแท่นเต๋าม่านน้ำตกพลังแห่งความโกลาหลก็หักเหเส้นทางและกระแทกเข้าหาร่างของเย่ฟ่านอย่างรุนแรง
“นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆ!” ด้วนเต๋อตะโกน
หากไม่ใช่ว่าเย่ฟ่านครอบครองร่างกายของสิ่งมีชีวิตอมตะเขาจะไม่มีทางต้านทานการโจมตีของพลังแห่งความโกลาหลเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกันทั้งสามคนก็กระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปิดใช้งานหม้ออสูรกลืนสวรรค์ ร่างเซียนของเย่ฟ่านเปล่งประกายด้วยแสงแวววาว เขาควบคุมม่านพลังของหม้ออสูรกลืนสวรรค์และก้าวเข้าหาราชาโอสถทีละน้อย
“บูม”
แท่นเต๋าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันกำลังจะพังทลายลงมา รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของพลังแห่งความโกลาหลไหลทะลักเข้าหาทั้งสามคนอย่างบ้าคลั่ง
เย่ฟ่านพุ่งไปข้างหน้าและใช้ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขารวมทั้งหม้ออสูรกลืนสวรรค์ในมือต้านทานการโจมตีของน้ำตกและปล่อยให้ต้วนเต๋อคว้าราชาโอสถไว้
“น่ากลัวมาก ถ้าไม่ใช่เพราะหยกอู่ซือและหม้ออสูรกลืนสวรรค์พวกเราคงต้องตายอย่างแน่นอน” ชายชราตาบอดกล่าวด้วยความหวาดหวั่น
……