บทที่ 612: วางใจได้ คราวนี้เขาจะยังไม่ตาย
หูเจียวเจียวกลัวว่าลูก ๆ จะเป็นกังวล เธอจึงไม่คิดที่จะบอกพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นภายในถ้ำ เธอเพียงแค่อธิบายว่า
“ไม่เป็นไร พ่อของเจ้าได้รับบาดเจ็บ หลงหลิงเอ๋อก็เลยช่วยรักษาเขา ทำให้ตอนนี้นางเหนื่อยจนหลับไปเท่านั้น พวกเจ้าไม่ต้องห่วง”
เหล่าเด็กตระกูลหลงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นหยินชางก็เดินขึ้นไปชั้นบนเป็นคนแรกแล้วช่วยแม่จิ้งจอกเปิดประตูห้องของหลงหลิงเอ๋อ
พอหูเจียวเจียววางลูกสาวตัวน้อยไว้บนเตียงเรียบร้อยแล้วก็หันไปบอกกับเด็ก ๆ ว่า
“พวกเจ้าไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หลิงเอ๋อก็ฟื้นแล้ว”
แต่หลงเหยาส่ายหัวก่อนจะตบหน้าอกของตัวเองแล้วพูดว่า “ท่านแม่ พวกเราไม่ง่วง ท่านไปดูแลท่านพ่อเถอะ ส่วนเสี่ยวเหยากับพี่ ๆ จะอยู่ที่นี่คอยดูแลพี่สี่เอง”
ถึงพวกเขาจะยังเด็กอยู่ แต่ความรับผิดชอบของพวกเขานั้นสูงมาก
หลงอวี้กับคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน “ใช่แล้ว ท่านแม่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง ท่านแม่ไม่ต้องห่วง”
เด็กทั้ง 5 สามารถรับรู้ได้จากการแสดงออกของหูหลินว่าอาการของพ่อมังกรไม่สู้ดีนัก แต่เด็กทุกคนก็ไม่ได้พูดมันออกมา
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงผู้เป็นแม่ให้บอกความจริงกับพวกตน
สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้ก็คือช่วยแบ่งเบาภาระของแม่จิ้งจอกรวมถึงไม่สร้างปัญหาเพิ่มเติมให้นางต้องเหนื่อยไปมากกว่านี้
“ตกลง” เมื่อหูเจียวเจียวเห็นว่าเด็กเหล่านี้รู้ความมากแค่ไหน เธอก็รู้สึกร้อนที่จมูกเพราะความตื้นตันใจ
เธอไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขา จากนั้นจึงหันหลังกลับออกไปจากห้องนอนของลูกสาวในทันที
ด้านหูหลินกับภูตคนอื่นที่ส่งหลงโม่ถึงที่แล้วก็ไม่ได้รั้งอยู่ในบ้านหินนานนัก หลังจากวางมังกรหนุ่มไว้บนเตียงเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พากันออกไปยืนรออยู่ข้างนอก
พอพ่อจิ้งจอกวัยกลางคนเห็นจิ้งจอกสาวเดินออกมา เขาก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า
“เจียวเจียว ทำไมวันนี้ไม่ให้พ่ออยู่เฝ้าหลงโม่แทนล่ะ?”
“พ่อรอง ไม่เป็นไร เราไม่จำเป็นต้องเฝ้าเขาไว้ตลอดเวลา หลิงเอ๋อบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าหลงโม่พ้นขีดอันตรายแล้ว ให้ข้าดูแลเขาเพียงคนเดียวก็พอ” หูเจียวเจียวส่ายหัวพลางบอกชายวัยกลางคน
เมื่อหูหลินเห็นสีหน้าแน่วแน่ของนาง เขาก็ไม่เซ้าซี้อีกต่อไป แต่ยังคงมองไปที่นางอย่างไม่สบายใจก่อนจะพูดย้ำกับลูกสาวอีกครั้ง “ถ้าพรุ่งนี้มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าต้องมาบอกพ่อให้เร็วที่สุด อย่าฝืนตัวเองนะ”
“ข้ารู้ ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว ท่านไม่ต้องห่วง พ่อรองกลับไปดูแลท่านแม่ให้ดีก็พอ แล้วอีกอย่างหนึ่ง พ่อรองอย่าบอกท่านแม่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้หรือไม่?” หูเจียวเจียวยิ้มบาง ๆ ให้กับคนตรงหน้า
“ไม่ต้องเป็นห่วง พ่อจะไม่บอกหมินหมิ่น” พ่อจิ้งจอกใช้มือตบเข้าที่หน้าอกของตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันกับอีกฝ่ายพร้อมกับพยักหน้าอย่างแข็งขัน
เขารู้จักนิสัยของหูหมินดีที่สุด หากนางรู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นกับครอบครัวของหูเจียวเจียว นางคงแทบจะขนข้าวขนของเพื่อมาอยู่ดูแลลูกสาวสุดที่รักที่นี่ทันที
หลังจากนั้นจิ้งจอกสาวก็เดินออกไปส่งหูหลินที่หน้าประตูรั้วแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่ในขณะที่กำลังจะเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง เธอก็นึกเป็นห่วงลูก ๆ จึงเดินขึ้นไปที่ห้องของหลงหลิงเอ๋ออีกครั้งเพื่อดูเหล่าเด็กน้อย
ไม่นานแม่จิ้งจอกก็เห็นหลงเหยาที่สัญญาว่าจะดูแลหลงหลิงเอ๋อก่อนหน้านี้กำลังนอนหลับอยู่ข้างเตียงนอนของพี่สาว โดยที่มีฟองน้ำมูกโป่งพองออกมาจากรูจมูกข้างหนึ่ง
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นภาพเบื้องหน้าก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก ไม่กี่วันก่อนเขาถูกคนร้ายลักพาตัวไป มันต้องทำให้เด็กชายตัวน้อยรู้สึกหวาดกลัวมากแน่ ๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงต้องการที่จะอยู่เคียงข้างพี่สาวของตน
ส่วนหลงอวี้กับลูกคนอื่น ๆ ก็พากันหยิบผ้าห่มหนังสัตว์มารองไว้ที่พื้นก่อนจะนั่งเอนหลังเอาตัวพิงกับเตียง แม้ว่าพวกเขาจะง่วงมากแต่ก็ไม่มีใครกล้าหลับตานอน
ในเวลาเดียวกัน หยินชางกำลังยืนอยู่ข้างเตียงด้วยท่าทางที่ดูระมัดระวังเพื่อปกป้องหลงหลิงเอ๋อ
หูเจียวเจียวที่เห็นดังนั้นจึงเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รบกวนพวกเขา
กลับมายังห้องซึ่งหลงโม่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ปัจจุบันใบหน้าของเขามีเหงื่อออกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าแม้เขาจะหมดสติไปแล้วแต่ร่างกายของเขาก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดทรมาน
ดังนั้นจิ้งจอกสาวที่เป็นกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของคนตัวโตจึงนำน้ำอุ่นเข้ามาเช็ดร่างกายของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังโดยพยายามหลีกเลี่ยงบาดแผลของเขา
ริมฝีปากที่ซีดเซียวของมังกรหนุ่มทำให้ยามนี้เขาดูอ่อนแรงและไร้พิษสง นี่เป็นครั้งแรกที่หูเจียวเจียวได้เห็นสภาพที่อ่อนแอของชายหนุ่มคนรัก
จู่ ๆ ก็มีความสงสัยเกิดขึ้นในใจของหญิงสาว
แม้ว่าจะทราบกันดีว่าการที่ภูตมังกรแปลงร่างไม่สมบูรณ์จะส่งผลต่อความสามารถในการรักษาตนเองของพวกเขา
แต่อย่างไรก็ตาม เธอจำได้ว่าความสามารถในการรักษาตัวเองของหลงโม่ไม่ได้แย่ขนาดนี้มาก่อน หรือจะมีบางอย่างในหนังสือที่เธอมองข้ามไป?
ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้หูเจียวเจียวรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น
ปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ หรือแสงสีแดงนั่นจะมีอะไรผิดปกติ?
เมื่อจิ้งจอกสาวนึกถึงสิ่งนี้ ในไม่ช้าเธอก็ปล่อยเหยียนหุนออกมาจากมิติ
ทันใดนั้นเจ้าก้อนหินอ้วนที่กำลังกอดถังไอศครีมพร้อมกับสวาปามไอศครีมเข้าไปคำใหญ่อย่างเพลิดเพลินก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องนอนของหญิงสาว
มือน้อย ๆ ของมันกำลังตักไอศกรีมในถังใส่ปากพลางจ้องมองเจ้าของมิติด้วยดวงตาขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวของตน
“ทำไมเจ้าถึงพาบิดาออกมาอีกล่ะ?”
พอหูเจียวเจียวเห็นท่าทางที่ดูสบายใจเฉิบของเจ้าก้อนหินตัวกลม เธอก็อดที่จะรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้ เธอจึงคว้าถังไอศครีมและช้อนออกจากมือของอีกฝ่ายแล้วถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า เจ้ารู้ไหมว่าทำไมอาการบาดเจ็บของหลงโม่ถึงไม่ยอมหาย?”
เมื่อเหยียนหุนได้ยินว่าผู้หญิงตรงหน้ามีคำถามที่จะถามตัวเอง มันก็ยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
มันเม้มริมฝีปากก่อนจะถามนางกลับไปว่า “แล้วทำไมบิดาต้องตอบคำถามของเจ้าด้วย?”
“นี่คือบ้านของข้า เจ้ากำลังกินอาหารของข้า หากเจ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ก็แค่คายทุกอย่างที่เจ้ากินเข้าไปคืนมาให้ข้า แล้วไสหัวออกจากบ้านนี้ไปซะ!” หูเจียวเจียวตะคอกเสียงเย็น ในขณะที่เธอจ้องมองเจ้าอ้วนเรืองแสงด้วยดวงตาเฉียบคม
เหยียนหุนที่ได้ยินว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าตั้งใจจะไล่มันออกไปก็เริ่มมีท่าทางอ่อนลงในทันใด
“ตกลง ๆ บิดาจะดูให้ก็ได้ เจ้าก็เอาแต่ขู่บิดาอยู่นั่นแหละ” มันโบกมือน้อย ๆ อย่างโมโห ก่อนจะบินไปที่หลงโม่แล้วเอาหน้าตัวเองแนบติดกับใบหน้าของเขาพลางมองไปทางซ้ายทีขวาทีด้วยท่าทางที่เหมือนกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
เวลาผ่านไปไม่นาน มันก็เงยหน้าขึ้นมองหูเจียวเจียวและถามว่า
“คู่ของเจ้าเป็นภูตเผ่ามังกรงั้นหรือ และเขาก็แปลงร่างไม่สมบูรณ์ด้วยใช่หรือไม่?”
จิ้งจอกสาวพยักหน้าโดยไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร “ใช่”
“งั้นก็แสดงว่าการโจมตีของจิงผั่วก่อนหน้านี้มีพิษที่ทำให้อาการบาดเจ็บของภูตรักษาได้ยากขึ้น ซึ่งคู่ของเจ้าที่อายุเท่านี้ก็น่าจะอยู่ในระยะกลางถึงปลาย และด้วยพิษนี้เขาคงจะทุกข์ทรมานมาก”
เหยียนหุนพูดด้วยท่าทีที่ดูลึกลับ
“ระยะกลางกับระยะปลายที่เจ้าพูดหมายถึงอะไร?” หูเจียวเจียวขมวดคิ้วมุ่นในขณะที่ถามกลับเพราะเธอจับประเด็นสำคัญที่เจ้าก้อนหินอ้วนพูดขึ้นมาได้
เหยียนหุนไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม มันทำเพียงแค่กะพริบตาขนาดเท่าถั่วเขียวใส่เธอ “เขาเป็นคู่ของเจ้า มันเป็นการดีกว่าที่จะให้เขาพูดเรื่องนี้กับเจ้าเป็นการส่วนตัว”
“แล้วอาการบาดเจ็บของเขา…?”
“เจ้าไม่ต้องกังวล คราวนี้เขาจะยังไม่ตาย เพราะเจ้ามีหมอผีอยู่ด้วย” เหยียนหุนส่ายหัวน้อย ๆ พร้อมกับพูดอย่างมีความนัยก่อนจะตอบต่อในใจว่า
แต่เจ้าอาจจะไม่สามารถช่วยชีวิตของเขาในครั้งต่อไปได้
พอหูเจียวเจียวได้ยินว่าชีวิตของหลงโม่ไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เธอเดาว่านี่อาจจะเกี่ยวข้องกับอาการบาดเจ็บของเขาที่เธอพบเมื่อครั้งที่แล้ว เนื่องจากเหยียนหุนไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่านี้ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่รอจนกว่าผู้เป็นสามีจะตื่นขึ้นมาแล้วถามเขาด้วยตัวเองอีกครั้ง
พอเจ้าก้อนเรืองแสงเห็นว่าจิ้งจอกสาวกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งอย่างตั้งใจ มันก็ขยับไปคว้าถังไอศกรีมจากมือของเธอ
“นี่! เจ้าผู้หญิงโง่ บิดาบอกทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้แล้ว ตอนนี้เจ้าหายข้องใจแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ส่งบิดากลับเข้าไปในมิติสักที แล้วคราวหลังก็อย่าเรียกบิดาออกมาให้บ่อยนัก”
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากภูตคนอื่นมาเห็นมันเข้า?
มันเป็นจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ หากปล่อยให้พวกภูตพบมันก็คงจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาไม่หยุดหย่อน
หูเจียวเจียวเหลือบตามองไปที่เจ้าก้อนหินอ้วนแวบหนึ่ง
เมื่อก่อนหินก้อนนี้กลัวว่าเธอจะเจอขยะในมิติ มันจึงอดทนไม่กินอะไรบนชั้นวางมาโดยตลอด แต่ปัจจุบันตัวตนที่แท้จริงของมันถูกเปิดเผยแล้ว มันจึงหยิบอาหารออกมากินโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
โชคดีที่สิ่งของในมิติของเธอนั้นมีมากมายไม่จำกัด เธอจึงรู้สึกว่าไม่เป็นปัญหาหากจะปล่อยให้มันกินไปได้มากเท่าที่มันต้องการ
และดูเหมือนว่าเจ้าก้อนหินตัวกลมผู้นี้จะฉลาดมาก ดังนั้นจิ้งจอกสาวจึงทำตามคำขอของมันโดยใส่มันกลับเข้าไปในมิติอีกครั้ง
จนกระทั่งปัจจุบันหลงโม่ก็ยังคงอยู่ในอาการโคม่า ทำให้หูเจียวเจียวต้องเฝ้าเขาอยู่ทั้งคืนด้วยเช่นกัน
พอถึงเวลาที่มังกรหนุ่มลืมตาขึ้น เขาก็พบเข้ากับใบหน้าเหนื่อยล้าของภรรยาสาวที่อยู่ใกล้มือของเขา นางนอนอยู่ข้างเตียงและหลับไปโดยใช้แขนของตัวเองเป็นหมอนหนุนหัว
หลังจากชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าขาวเนียนอยู่ชั่วครู่ เขาก็กลับมามีสติอีกครั้ง ก่อนจะจำได้อย่างรวดเร็วว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง