บทที่ 52 คำเตือนของเหมิงซิว
บทที่ 52 คำเตือนของเหมิงซิว
ตลาดหยกขาวเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของตระกูลเฉินรองจากตลาดพันพฤกษา
ตอนนี้ตลาดพันพฤกษาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ตระกูลเฉินได้ย้ายทรัพย์สินส่วนใหญ่มาที่ตลาดหยกขาวแล้ว
อาจกล่าวได้ว่าตลาดหยกขาวในปัจจุบันเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดภายใต้เขตอำนาจของตระกูลเฉิน
มันสามารถทำกำไรให้กับตระกูลเฉินเป็นหินวิญญาณอย่างน้อย 100,000 ก้อนต่อปี
ในขณะนี้ ณ อาคารที่เรียกว่าวังหยกขาวในตลาดหยกขาว
เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานกำลังอ่านเอกสารเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของตลาดหยกขาวในขณะที่ฟังรายงานของผู้ดูแลคนในปัจจุบันไปด้วย
นี่เป็นวันที่สามนับตั้งแต่พวกเขามาถึงตลาดหยกขาวแห่งนี้
…..
ต้องบอกว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการจัดการตลาด
ซึ่งรวมถึงการรักษาความปลอดภัยของตลาด การใช้ระบบของตลาด การสอบถามเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในตลาด และสร้างการเชื่อมต่อกับตลาดภายใต้เขตอำนาจของตระกูลหรือนิกายระดับปราการม่วงอื่น ๆ
หากเจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานต้องทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดด้วยตัวเอง พวกเขาจะมีเวลาฝึกฝนและพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองได้อย่างไร?
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดไว้แล้วว่าจะทำอะไรก่อนที่จะมา
พวกเขาจะควบคุมสถานการณ์โดยรวมของตลาดและเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญบางอย่างเท่านั้น
ส่วนที่เหลือพวกเขาสามารถปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นคนจัดการ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในโลกแห่งการฝึกฝนที่ผู้ชนะสามารถครอบครองทุกอย่างได้ทั้งหมดนั้น ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความแข็งแกร่งเฉพาะบุคคลเลย
ในขณะนี้ ทั้งคู่ได้ฟังรายงานจากผู้ดูแลในปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว
เฉินหรู่หยานพูดกับชายชราในวัยเจ็ดสิบชื่อเฉินโบหงว่า
“ผู้อาวุโสโบหง ข้าต้องการให้ท่านและคนอื่น ๆ ดูแลทุกอย่างในตลาดไปก่อน ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่มีเรื่องที่สำคัญ ข้ากับสามีก็ไม่ต้องการถูกรบกวน
เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ท่านก็ออกไปทำงานได้”
เฉินโบหงและคนอื่น ๆ พยักหน้า
หญิงวัยกลางคนชื่อเฉินเฟยหยานกล่าวว่า “ผู้อาวุโส งานแสดงสินค้าขนาดใหญ่จะจัดขึ้นในอีกสามวัน ข้าเกรงว่าเรายังต้องการให้พวกท่านไปเป็นประธานในงานนี้”
"ได้ ไม่มีปัญหา"
เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานพยักหน้า
เฉินหรู่หยานกล่าวว่า “เรารู้เรื่องนี้แล้ว เมื่อถึงเวลาพวกข้าจะไปที่งานอย่างแน่นอน”
เฉินโบหง, เฉินเฟยหยานและคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่อีกต่อไป หลังจากโค้งคำนับให้เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานแล้ว พวกเขาก็จากไป
เฉินหรู่หยานหันไปมองเจียงเฉิงซวนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
"สามี อีกสามวันเราค่อยไปร่วมงานแสดงสินค้าด้วยกัน
เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะเห็นว่ามีอะไรที่เราอยากแลกเปลี่ยนหรือเปล่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดยาแก่นแท้สวรรค์ที่สามารถช่วยให้ท่านทะลวงขั้นไปสู่ระดับการก่อตั้งรากฐานระยะกลางได้ ก่อนที่คลื่นของสัตว์อสูรจะมาถึง ท่านและข้าควรจะเพิ่มความแข็งแกร่งของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ทั้งสองคนก็เก็บข้าวของไว้บนโต๊ะข้างหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องฝึกฝน
ในเวลาเดียวกัน
ซงหวันเถา, เฉินฉางเหนียน, เฉินเต้าเฟิงและเฉินไป่เฟยได้ติดตามบรรพบุรุษของพวกเขา เฉินหยวนหลง มายังนิกายเจียงหยาง
ทันทีที่พวกเขามาถึงนิกายเจียงหยาง พวกเขาก็เห็นเฉินเหมิงซิ่วซึ่งออกมารับพวกเขา
เฉินเหมิงซิ่วยังคงมีผมสีขาวบนศีรษะของเธอ
อย่างไรก็ตามเฉินหยวนหลงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าดูเหมือนว่าจะมีออร่าแห่งความตายปกคลุมน้องสาวของเขาอยู่
เขาจึงถามอย่างกังวลใจว่า
“น้องพี่ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
"ไม่มีอะไรหรอก"
เฉินเหมิงซิ่วยิ้มและส่ายหัว
“ก่อนหน้านี้ การล้วงความลับแห่งสวรรค์ทำให้อายุขัยของข้าหมดไป”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ใบหน้าของเฉินเหมิงซิ่วค่อยๆ เคร่งขรึม
เธอมองไปที่เฉินหยวนหลงและเปลี่ยนหัวข้อ
“พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกไม่ดีกับการดำเนินการของนิกายเจียงหยางในครั้งนี้ จำไว้ว่าท่านและคนอื่นๆ จากตระกูลเฉินต้องอยู่ห่างจากผู้อาวุโสหนานกงให้มากที่สุด
ข้าไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ จำไว้ว่าอย่าพูดถึงมันให้ใครฟังอีก”
คนที่เฉินเหมิงซิ่วพูดถึงคือผู้อมตะระดับแก่นทองคำของนิกายเจียงหยาง ซึ่งเป็นรับผิดชอบในการปฏิบัติการครั้งนี้
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเฉินหยวนหลงหนักอึ้งโดยไม่มีเหตุผล
เฉินหยวนหลงไม่เคยละเลยคำเตือนของน้องสาวของเขาเลย
เนื่องจากการเตือนหลายครั้งของเธอ ทำให้ตระกูลเฉินสามารถหลีกเลี่ยงจากภัยพิบัติมากมายได้
และครั้งนี้มันรุนแรงอย่างมาก
มีโอกาสมากที่พวกเขาจะเสียชีวิต
สามวันหลังจากที่เฉินหยวนหลงและคนอื่น ๆ มาถึงนิกายเจียงหยาง
เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานซึ่งอยู่ในตลาดหยกขาวก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าศาลาเซียนเมฆา
ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดงานแสดงสินค้าอีกด้วย
ทันทีที่พวกเขาทั้งสองมาถึงศาลาเซียนเมฆา พวกเขาก็เห็นว่ามีผู้ฝึกตนจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่แล้ว
ท่ามกลางใบหน้าแปลก ๆ มากมาย เจียงเฉิงซวนจำคนบางคนที่เขาเคยเห็นในงานแสดงสินค้าที่ตลาดของนิกายเมฆาคล้อย
พวกเขาคือว่านตงไหลแห่งนิกายเมฆาคล้อย, หยานจุนหลานแห่งนิกายเมฆาอัสดง, เย่เฟ่ยเฉินแห่งตระกูลเย่ และผู้ฝึกตนขอบเขตการก่อตั้งรากฐานที่เรียกว่ากู่เฉียนซานจากนิกายฟ้านิรันดร์
และเฉินหรู่หยานก็รู้จักคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
ขณะที่เธอเดินออกมา เธอก็แนะนำผู้คนจำนวนมากที่อยู่ที่นั่นให้รู้จักกับเจียงเฉิงซวนฟังผ่านการส่งเสียงทางลมปราณ
“นั่นคือผู้อาวุโสระดับการก่อตั้งรากฐานของตระกูลจาง,จางไคซวน นั่นคือผู้ฝึกตนอิสระหวงเหอ ทางด้านขวาดูเหมือนจะเรียกว่าไป๋ห่าว ฉายาของเขาคือนักดาบคลั่ง เขาเป็นผู้ฝึกฝนดาบที่แท้จริง”
ในขณะนั้นหยานจุนหลานจากนิกายเมฆาอัสดงก็เดินเข้ามาทักทายเจียงเฉิงซวนด้วยรอยยิ้ม
“สหายเต๋าเจียง ไม่ได้เจอกันนาน”
จากนั้นเธอก็มองดูเฉินหรู่หยานซึ่งอยู่ข้างๆเจียงเฉิงซวนอย่างสงสัย
ดูเหมือนว่าเธอไม่รู้จักเฉินหรู่หยาน
ดังนั้นเจียงเฉิงซวนจึงริเริ่มแนะนำ "สหายเต๋าหยาน ให้ข้าแนะนำท่าน นี่คือคู่บำเพ็ญเต๋าของข้า เฉินหรู่หยาน”
จากนั้นเขามองไปที่เฉินหรู่หยานและพูดว่า
“หรู่หยาน นี่คือสหายเต๋าหยานจุนหลานแห่งนิกายเมฆาอัสดง เธอยังเป็นน้องสาวของสหายเต๋าชิวยี่ซุยอีกด้วย”
“อ่อ เช่นนั้นท่านจึงเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของสหายเต๋าเจียง ยินดีที่ได้รู้จัก”
หยานจุนหลานประสานมือของเธอไปที่เฉินหรู่หยานทันที
เฉินหรู่หยานตอบคำทักทายด้วยรอยยิ้ม
ในขณะนี้เจียงเฉิงซวนมองไปที่หยานจุนหลานและอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า
“ยังไงก็ตาม สหายเต๋าหยาน คราวนี้สหายเต๋าชิวไม่ได้อยู่กับท่านหรือ?”
เมื่อได้ยินเจียงเฉิงซวนพูดถึงชิวยี่ซุย หยานจุนหลานก็ดูกังวลเล็กน้อย เธอส่ายหัวและพูดว่า
“คราวนี้เธอถูกเรียกตัวไปที่นิกายเจียงหยาง ข้าไม่รู้ว่าเธอจะมีอันตรายหรือป่าว..”