บทที่ 51 ภารกิจ
บทที่ 51 ภารกิจ
ในอดีตตระกูลเฉินล้มเหลวในการเป็นตระกูลอมตะแก่นทองคำ เนื่องจากคลื่นของสัตว์ร้าย ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ตกต่ำและเกือบจะถูกลดระดับลงเป็นตระกูลระดับการก่อตั้งรากฐาน
ดังนั้นในปัจจุบันตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในคนที่เกลียดชังคลื่นของสัตว์อสูรมากที่สุด
นอกจากนี้สิ่งนี้เป็นที่ชี้ชัดแล้วว่า ในขณะที่คลื่นของสัตว์อสูรยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ มันยังแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ระดับสูงที่ต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสูงนั้นเลวร้ายและเสียเปรียบอย่างมาก
นี่คือสิ่งที่ผู้ฝึกตนระดับต่ำเช่นพวกเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้เลย นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนไม่มองอนาคตของโลกแห่งการฝึกฝนในแง่ดี
นอกจากนี้ในโลกนี้ยังมีผู้ฝึกตนปีศาจที่กำลังซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด
หากมองในแง่ร้าย เป็นการยากที่จะบอกว่าปุถุชนคนธรรมดาและผู้ฝึกตนระดับต่ำเช่นพวกเขาจะสามารถอยู่รอดในโลกแห่งการฝึกฝนอันโหดร้ายนี้ได้หรือไม่?
นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ฝึกตนถูกล่อลวงได้ตลอดเวลา และในที่สุดก็ตกไปสู่เส้นทางปีศาจ
…..
ในขณะนี้ ทุกคนกำลังมองไปที่เฉินหยวนหลงและรอให้เขาพูดต่อ
เฉินหยวนหลงรู้ชัดเจนว่าทุกคนรู้สึกอย่างไร ดังนั้นเขาจึงไม่ปล่อยให้พวกเขาเดาและพูดว่า
“สาเหตุของการเกิดคลื่นของสัตว์อสูรนั้นไม่แน่ชัด พวกเขาบอกแค่ว่ามันจะเกิดเร็วขึ้นแน่นอน และเพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อคลื่นของสัตว์อสูรเกิดขึ้น เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับสัตว์อสูรและไม่ถูกรบกวนจากปัจจัยที่ไม่คาดคิดอื่น ๆ เราจำเป็นต้องแก้ไขอันตรายที่ซ่อนอยู่ล่วงหน้าเสียก่อน”
แก้ไขอันตรายที่ซ่อนอยู่ล่วงหน้าเสียก่อน?
หัวใจของทุกคนเต้นรัว
พวกเขาเข้าใจคร่าวๆ ว่าเฉินหยวนหลงหมายถึงอะไร
อันตรายที่ซ่อนอยู่ควรเป็นของผู้ฝึกตนปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
เฉินหรู่ซวงซึ่งหายจากอาการบาดเจ็บแล้วกล่าวว่า “บรรพบุรุษ ข้าสงสัยว่าเราควรแก้ไขอันตรายที่ซ่อนอยู่อย่างไร เหล่าตระกูลและนิกายผู้ฝึกตนต่างๆ ควรค้นหาและทำการกวาดล้างผู้ฝึกตนปีศาจในดินแดนของตนเอง หรือเราควรรับฟังการเตรียมการของนิกายเจียงยาง?”
มันมีความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้อย่างมาก
หากตระกูลและนิกายผู้ฝึกตนต่างๆ จัดการกับอันตรายที่ซ่อนอยู่ด้วยตนเอง พวกเขามีสิทธิ์ตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการทำอย่างไร
ปัญหาเดียวก็คือเนื่องจากความสามารถที่จำกัด พวกเขาอาจไม่สามารถทำการกวาดล้างผู้ฝึกตนปีศาจได้อย่างสมบูรณ์
หากพวกเขารับฟังการเตรียมการของนิกายเจียงยาง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลและนิกายผู้ฝึกตนทั้งหมดจะเป็นกองกำลังย่อยของนิกายเจียงยาง พวกเขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนิกายเจียงหยาง
ในเวลานั้นเมื่อเผชิญกับอันตราย หากนิกายเจียงหยางขอให้เจ้าโจมตี เจ้าจะไม่สามารถถอยกลับได้
หากเจ้าล่าถอย เจ้าพร้อมกับตระกูลหรือนิกายของเจ้าจะถูกขับออกจากโลกแห่งการฝึกฝนนี้ทันที
ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าความสามารถของพวกเขามีจำกัด แต่ถ้าทำได้พวกตระกูลและนิกายต่างๆ ก็ยังคงหวังว่าจะแก้ไขอันตรายที่ซ่อนอยู่ได้ด้วยตัวเอง
น่าเสียดายที่คำตอบนี้จะทำให้ทุกคนผิดหวัง
เฉินหยวนหลงส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น
“นิกายเจียงหยางปฏิเสธข้อเสนอแนะของเราที่จะทำการกวาดล้างพวกผู้ฝึกตนปีศาจด้วยตัวเอง พวกเขาสั่งให้ตระกูลและนิกายที่อยู่ในระดับการก่อตั้งรากฐานขั้นไปส่งคนไปยังนิกายเจียงหยางภายในหนึ่งสัปดาห์เพื่อยอมรับการเตรียมการของพวกเขา”
เฉินหยวนหลงหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ
“ตอนนี้เรามาคุยกันว่าใครในตระกูลเฉินของเราจะไปที่นิกายเจียงหยางกับข้า เพื่อเข้าร่วมในปฏิบัติการกำจัดผู้ฝึกตนปีศาจ
ตามกฎแล้ว ตระกูลเฉินจะต้องส่งผู้ฝึกตนระดับการก่อตั้งรากฐานอย่างน้อยสี่คน และผู้ฝึกตนระดับการปรับแต่งพลังปราณประมาณ 200 คน
ตอนนี้ทุกคนบอกข้าหน่อยว่าพวกเจ้าคิดอย่างไร”
ขณะที่เฉินหยวนหลงพูดจบ เฉินฉางเหนียนก็หัวเราะออกมาและพูดว่า
"นับข้าเข้าไปด้วย มันนานมากแล้วตั้งแต่ที่ข้าได้ฆ่าผู้ฝึกตนปีศาจครั้งสุดท้าย ถึงเวลาออกไปยืดเส้นยืดสายบ้างแล้ว”
“ข้าจะพลาดเรื่องแบบนี้ไปได้อย่างไร? นับข้าเข้าไปด้วย”
ซงหวันเถาอาสาอีกคน
ในอีกด้านหนึ่งซูเฉียงเหอยิ้มและพูดว่า
“ในสนามรบ จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลระดับ 2 เช่นข้าอย่างแน่นอน บางทีข้าอาจจะช่วยได้ ดังนั้นนับข้าเข้าไปด้วยเถอะ”
เฉินเต้าเฟิงและเฉินไป๋เฟยซึ่งใช้รูปแบบเวทย์การฉายภาพเพื่อเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้พูดขึ้นว่า
“บรรพบุรุษ นับพวกเราด้วย เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วพวกเราไม่ได้เข้าร่วมภารกิจในการกวาดล้างการทำลายย้านการค้าของพวกเขาครั้งที่แล้ว”
เมื่อได้ยินคนเหล่านี้อาสาโดยไม่ลังเล เจียงเฉิงซวนก็รู้สึกประทับใจ
จริงๆ แล้วมีความเสี่ยงอย่างมากในการเข้าร่วมปฏิบัติการนี้กับนิกายเจียงหยางเพื่อกำจัดผู้ฝึกตนปีศาจ
บางทีผู้ฝึกตนระดับปราการม่วงอาจจะสามารรอดกลับมาได้โดยไม่ได้รับอันตราย แต่สำหรับผู้ฝึกตนระดับการก่อตั้งรากฐานและผู้ฝึกตนระดับการปรับแต่งพลังปราณมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะตายหากพวกเขาไม่ระวังตัว
โศกนาฏกรรมดังกล่าวมีให้เห็นมากมายในอดีต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องนี้ดี แต่เฉินฉางเหนียนและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะซงหวันเถาและซูเฉียนเหอ ซึ่งเป็นเพียงผู้อาวุโสรับเชิญ เจียงเฉิงซวนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงอาสาเข้าในภารกิจนี้
ในอีกด้านหนึ่งเฉินหรู่ซวงก็กระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมเช่นกัน ขณะที่เธอกำลังจะเป็นอาสา เฉินหยวนหลงก็ขัดจังหวะพวกเขา
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนก็อยากไป งั้นข้าจะตัดสินใจเองก็แล้วกัน”
ขณะที่เขาพูด เขามองไปที่ทุกคนที่อยู่ในปัจจุบันและพูดช้า ๆ ว่า
"ก่อนอื่นเลย ในฐานะปรมาจารย์ค่ายกลระดับ 2 นักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 2 และปรมาจารย์ยันต์ระดับ 2 ผู้อาวุโสซู, เฉินหรู่ซวงและเจียงเฉิงซวน พวกเจ้าถูกแยกออกไม่ให้เข้าร่วมภารกิจนี้
เฉินหรู่หยานเจ้าก็อยู่เช่นกัน นอกจากนี้เฉินเต้าหมิงในฐานะหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบัน เจ้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเช่นกัน เจ้าต้องอยู่ในตระกูลเพื่อควบคุมสถานการณ์หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆทีอาจเกิดขึ้น
ฉางเหนียน เต้าเฟิง ไป่เฟย และผู้เฒ่าซงเตรียมตัวให้พร้อม อีกสามวัน พวกเจ้าทั้งสี่จะต้องติดตามข้าไปที่นิกายเจียงหยาง
สำหรับศิษย์ 200 คนที่เป็นผู้ฝึกตนระดับการปรับแต่งพลังปราณ พวกเจ้าก็สามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง
นอกจากนี้…”
ณ จุดนี้ สีหน้าเคร่งขรึมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินหยวนหลง
“สำหรับพวกเจ้าที่อยู่ที่นี่ก็อย่าหย่อนยาน พวกเจ้าอาจเป็นกำลังหลักสำหรับคลื่นของสัตว์อสูรที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเจ้าอาจจะต้องรับผิดชอบมากขึ้น ดังนั้นในช่วงเวลานี้พวกเจ้าต้องฝึกฝนให้ดีและเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ทันทีที่เขาพูดจบ เฉินหยวนหลงก็ไม่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูด ร่างของเขาวูบวาบและหายไปจากห้องประชุมทันที
สองวันต่อมา
เฉินเต้าหมิงปรากฏตัวในถ้ำของเจียงเฉิงซวน
เขามองไปที่เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานและพูดว่า "เฉิงซวน, หรู่หยาน ตอนนี้น้องเต้าเฟิงและท่านลุงไป๋เฟยกำลังจะไปที่นิกายเจียงหยางกับบรรพบุรุษในวันพรุ่งนี้
ขณะนี้พวกเขามีหน้าที่ปกป้องเส้นชีพจรวิญญาณและตลาดระดับ 2 ในขณะที่พวกเขาไม่อยู่ ก็ต้องมีคนอื่นเข้ามาดูแลแทนพวกเขาชั่วคราว
ข้าได้ส่งผู้อาวุโสซูไปที่เส้นชีพจรวิญญาณแล้ว
ส่วนตลาดระดับ 2 มีความสำคัญต่อตระกูลเฉินของเราอย่างมาก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งสองคนไปที่ตลาดนั้นด้วยกันเพื่อป้องกันมัน พวกเจ้ามีข้อโต้แย้งอะไรไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเต้าหมิง เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานก็มองหน้ากันและส่ายหัวออกมาพร้อมกัน
“เราไม่มีข้อโต้แย้ง”
“เอาล่ะ ไม่มีเวลาที่จะเสียแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมแล้วออกเดินทางโดยเร็วที่สุด”
เฉินเต้าหมิงพยักหน้าและพูดต่อ
“นอกจากนี้งานแสดงสินค้าที่เราจัดขึ้นทุกๆ 15 ปีจะมีขึ้นในตลาดเร็วๆ นี้ คราวนี้ข้าจะให้พวกเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดงานครั้งนี้
พวกเจ้าสามารถไปที่ห้องเก็บสมบัติของตระกูลได้ในภายหลังและหยิบเอาสมบัติสามชิ้นเป็นการเปิดงานแสดงสินค้าในครั้งนี้”