บทที่ 50 แจ้งเหตุร้าย
บทที่ 50 แจ้งเหตุร้าย
หลังจากพูดอย่างนั้น เฉินเต้าหมิงก็หันไปมองทั้งสองคน
ในเวลาเดียวกัน ทั้งสองก็แสดงความเคารพบิดามารดาเสร็จแล้ว
จากนั้นเฉินเต้าหมิงก็ยื่นธูปอีกหกดอกให้ทั้งสองคน
คราวนี้พวกเขาจะไปแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษของตระกูลเฉิน
หลังจากที่พวกเขาแสดงความเคารพเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็ออกจากห้องโถงบรรพบุรุษ
ด้านนอกนั้นเฉินเต้าหมิงมองไปที่พวกเขาทั้งสองแล้วพูดว่า
"เราหาจัดงานเล็กๆเพื่อเชิญผู้อาวุโสของตระกูลมารวมตัวกันกันเถอะ
อย่างไรก็ตามหรู่หยานและเฉิงซวน หากพวกเจ้ามีเพื่อนที่ต้องการเชิญพวกเจ้าสามารถเชิญพวกเขามาได้”
เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานไม่คัดค้านอะไรสำหรับเรื่องนี้
ถัดมาคือปัญหาของถ้ำที่ทั้งสองคนอาศัยอยู่
“และพวกเจ้าสามารถเลือกถ้ำที่พำนักใหม่ หรือพวกเจ้าต้องการที่จะย้ายไปอยู่ที่ถ้ำของเฉิงซวน หรือถ้ำของหรู่หยานก็แล้วแต่?”
เมื่อได้ยินคำถามของเฉินเต้าหมิง เฉินหรู่หยานก็ยิ้มทันทีและพูดว่า "แน่นอน ข้าจะย้ายไปที่ถ้ำสามีของข้า ข้าจะให้เขาย้ายมาอยู่ในถ้ำของข้าได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินว่าเฉินหรู่หยานเรียกเจียงเฉิงซวนอย่างไร เฉินเต้าหมิงมีความรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
ดังคำกล่าวที่ว่าพี่ชายก็เปรียบเสมือนพ่อ
ในขณะนี้ เขารู้สึกเหมือนเป็นพ่อชราที่เห็นลูกสาวแต่งงาน
เขาพยักหน้า
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า เพียงแจ้งให้ข้าทราบเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจแล้ว”
หลังจากนั้นเจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานก็ไม่ได้อยู่อีกต่อไป หลังจากกล่าวคำอำลาแล้ว ทั้งสองก็บินไปยังถ้ำของเจียงเฉิงซวน ไม่กี่วันต่อมา
หลังจากที่เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานส่งแขกคนสุดท้ายซงหวันเถาออกไป พวกเขาก็ถือว่าเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของกันและกันอย่างเป็นทางการแล้ว
เมื่อมองดูการตกแต่งตามงานแต่งรอบๆ บริเวณถ้ำ ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กัน
เฉินหรู่หยานกล่าวว่า “สามีชีวิตนั้นยืนยาวและการเดินทางจะขรุขระเพียงใด แต่ข้าหวังว่าเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่ชรา”
เจียงเฉิงซวนเอื้อมมือออกไปกอดเอวเรียวของเฉินหรู่หยานดึงเธอเข้าหาเขาแล้วจูบที่หน้าผากของเธอ
แม้ว่าจะไม่มีคำพูดใด ๆ แต่ก็ดีกว่าคำพูดนับพันคำ
หลังจากนั้นไม่กี่เดือนต่อมา
เจียงเฉิงซวนอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความโกลาหลในห้องฝึกฝนที่เฉินหรู่หยานปิดด่านบ่มเพาะ
ออร่านี้ หรือว่าหรู่หยานจะ…
เสียงดังเอี๊ยด-
ขณะที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในจิตใจของเขา ประตูห้องฝึกฝนก็เปิดออก
เฉินหรู่หยานซึ่งมีดวงตาสีฟ้าที่เป็นประกายด้วยสายฟ้าปรากฏตัวต่อหน้าเจียงเฉิงซวน
“หรู่หยาน ท่าน… ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐานระยะปลายแล้วงั้นหรือ?”
"ใช่แล้วล่ะ"
เฉินหรู่หยานยิ้มออกมาและพยักหน้าให้เจียงเฉิงซวน
เจียงเฉิงซวนพ่นลมหายใจออกมาด้วยความประหลาดใจทันที
ถ้าเขาจำไม่ผิด มันพึ่งไม่นานมานี้เองตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้าสู่ขั้นที่หกของขอบเขตการก่อตั้งรากฐานไม่ใช่หรือ?
แต่ตอนนี้เธอกลับประสบความสำเร็จในการทะลวงไปสู่ขั้นที่เจ็ดของ
ขอบเขตการก่อตั้งรากฐานซึ่งถือว่าเป็นระยะปลายของขอบเขตนี้แล้ว
นี่ไม่ถูกต้อง
ใครจะสามารถบุกทะลวงได้ในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไร?
แม้แต่เขาหรือผู้ฝึกตนที่มีรากฐานจิตวิญญาณสวรรค์ก็ไม่สามารถทำได้เช่นนี้
เว้นแต่ว่าเธอจะได้รับสมุนไพรล้ำค่าที่เป็นวัตถุจิตวิญญาณของธรรมชาติที่สามารถเพิ่มระดับการฝึกฝนของเธอได้รวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่น่าเป็นไปได้
"สามี"
ในขณะนี้เฉินหรู่หยานเข้าหาเจียงเฉิงซวนและมองเข้าไปในดวงตาของเขา
“ท่านเป็นสามีและคู่บำเพ็ญเต๋าของเข้า ดังนั้นข้าจะไม่ปิดบังอะไรจากท่าน และข้าก็ไม่ต้องการจะปิดบังด้วย
ข้าสามารถซ่อนระดับการฝึกฝนในปัจจุบันของข้าจากผู้อื่นได้ แม้กระทั่งจากพี่ใหญ่ของข้าก็เช่นกัน แต่ข้าจะไม่ซ่อนมันจากท่านอย่างแน่นอน”
หวืด!
ทันทีที่เธอพูดจบ เจียงเฉิงซวนก็ตกใจเมื่อเห็นว่าเฉินหรู่หยานซึ่งอยู่ที่ขั้นที่เจ็ดของขอบเขตการก่อตั้งรากฐานได้กลับมายังขั้นที่หกในพริบตา
นอกจากนี้ แม้จะมีเนตรจิตวิญญาณแห่งการรู้แจ้ง แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าระดับขั้นที่แท้จริงของเธออยู่ที่ขั้นที่ 7
ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตัวเองว่าเธอได้ทะลวงไปสู่ขั้นที่เจ็ดของขอบเขตการก่อตั้งรากฐานแล้ว เจียงเฉิงซวนคงจะสงสัยว่าเขากำลังมีอาการประสาทหลอนแน่ๆ
ผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งรากฐานจะสามารถมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เพื่อซ่อนระดับพลังยุทธ์ของเธอได้อย่างไร?
“หรู่หยาน เจ้า…?”
"อืม"
เฉินหรู่หยานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
"ถูกต้อง ข้าสามารถซ่อนระดับการฝึกฝนของข้าไว้ได้จริงๆ”
หลังจากหยุดชั่วคราว เฉินหรู่หยานพูดต่อไปว่า
“ข้าทำสิ่งนี้เพื่อบอกให้ท่านรู้ก่อน เนื่องจากเราเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันแล้ว ข้าจะไม่ปิดบังอะไรจากท่านไม่ต้องพูดถึงการโกหกท่าน แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหกสีขาวก็ตามข้าก็จะไม่ทำ อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่ข้าไม่สามารถบอกท่านในตอนนี้ได้หรืออธิบายรายละเอียดมากเกินไปได้ แต่นั่นเป็นเพราะมันมีแต่จะส่งผลเสียต่อท่านเท่านั้น
ท่านพอจะเข้าใจข้าใช่ไหม?"
"ข้าเข้าใจ"
เจียงเฉิงซวนไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าคู่บำเพ็ญเต๋าของเขามีความลับมากมาย
และมันก็เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่และน่าตกตะลึงอย่างมาก
แต่ความจริงที่ว่าเธอซื่อสัตย์และหวังดีต่อเขา มันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรแล้วล่ะ
อีกอย่างเจียงเฉิงซวนก็สามารถเข้าใจความรู้สึกของเธอดีเลยล่ะ เพราะเขาก็มีความลับเรื่องของระบบที่ไม่สามารถบอกเธอได้เช่นกัน
เนื่องจากความไม่สะดวกสำหรับพวกเขาที่จะเปิดเผยความลับในขณะนี้ พวกเขาจึงต้องเคารพความคิดซึ่งกันและกัน
ตราบใดที่พวกเขาปราถนาดีต่อกัน เข้าใจและเคารพซึ่งกันและกันทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา
หวูบ!
ในขณะนั้นยันต์หยกสื่อสารของเจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานก็สว่างขึ้นพร้อมกัน
จากนั้นข้อความก็ปรากฏขึ้นในใจพวกเขา
[มาที่ห้องประชุมของยอดเขาหลักทันที!]
หลังจากได้ยินข้อความนี้เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานก็มองหน้ากันทันที
ฟังจากน้ำเสียงจริงจังนี้แล้ว มันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญแน่ๆ
ทั้งคู่ไม่รอช้าและบินตรงไปยังห้องประชุมบนยอดเขาหลักของภูเขาหยกวิเศษทันที
ครู่หนึ่ง
เจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานก็มาถึงที่ห้องประชุม
ในขณะนี้เฉินเต้าหมิงและผู้อาวุโสระดับการต่อตั้งรากฐานทั้งหมดได้รวมตัวกันแล้ว
สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากที่สุดก็คือบรรพบุรุษของพวกเขาเฉินหยวนหลงก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทั้งสองคนโค้งคำนับให้เฉินหยวนหลงทันที
เฉินหยวนหลงพยักหน้าให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม
"นั่งลงเถอะ"
เมื่อเจียงเฉิงซวนและเฉินหรู่หยานนั่งลงเฉินหยวนหลงกล่าวว่า
“ข้าเพิ่งได้รับข่าวจากสำนักเจียงหยางว่ามีโอกาสสูงที่คลื่นของสัตว์อสูรซึ่งคิดว่าจะเกิดขึ้นในอีกสิบปีจะเกิดขึ้นเร็วขึ้น”
"อะไรนะ?"
เมื่อจู่ๆ พวกเขาได้ยินข่าวอันช็อคโลกเช่นนี้จากเฉินหยวนหลงผู้เป็นบรรพบุรุษของตระกูลเฉินทุกคนก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“เหตุใดมันจึงเกิดเร็วขึ้นกว่าเดิม?
แล้วข้อตกลงระหว่างมนุษย์ผู้ฝึกตนระดับสูงกับสัตว์อสูรระดับสูงเหล่านั้นไม่มีผลงั้นหรือ?”
เฉินฉางเหนียนซึ่งอยู่ถัดจากเฉินหยวนหลงในแง่ของความอาวุโส เขารู้สึกตกใจจนต้องโพ่งถามออกมาเสียงดัง..