บทที่ 11 รู้สึกยังไงที่ได้กินกล้วยของตัวเอง?
บทที่ 11 รู้สึกยังไงที่ได้กินกล้วยของตัวเอง?
ควีนไม่ได้เข้าสู่ร่างสัตว์เต็มตัว แต่เลือกแปลงเป็นร่างมนุษย์สัตว์แทน ร่างกายของเขายังคงเป็นแบรคิโอซอรัส ทว่าเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ตรงคาง เขาจึงคว้ามันไว้ด้วยมืออันแข็งแกร่งของเขา
จากการสังเกต ไม่ว่าเขาจะมองยังไงก็ตาม นี่มันกล้วยชัดๆ
นอกจากนี้ไหล่และหัวของเขายังถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียว และมีใบกล้วยขนาดใหญ่สี่ลูกยื่นออกมาจากหลังของเขาด้วย
ทันทีที่ผลปีศาจถูกกิน ผู้กินจะได้รับความสามารถขั้นพื้นฐานมา ส่วนเรื่องพลังขอบเขตที่พวกเขาสามารถพัฒนาได้ในภายหลังนั้นจะขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง แต่ความสามารถของผลไม้จะผสานกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของพวกเขาไป
ในบรรดาผลปีศาจประเภทต่างๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสายพารามีเซียเป็นผลที่พบได้บ่อยที่สุด ถ้าพูดกันตรงๆ ผลสายโซออนเป็นสายที่ชำนาญได้ง่ายที่สุด ใช้เวลาไม่นานเกินไปก็สามารถเชี่ยวชาญการเปลี่ยนร่างทั้งสามขั้นได้แล้ว
สายโซออนสัตว์มายาเป็นสิ่งที่ต้องค่อยๆ สำรวจความสามารถของพวกเขาเอง เมื่อเปรียบเทียบกับเปลวไฟอันร้อนระอุและพลังการกระโดดของเชย์น่า ความสามารถในการสร้างหินของคิง กล้วยบนคางของเขาเป็นสิ่งที่ค่อนข้างแปลกพอสมควร
แต่พลังที่มาจากร่างกายของเขาได้บอกเขาว่ามันไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ควีนกระพือใบตองกว้างที่อยู่ข้างหลังของเขาและพบว่าตัวเขาเองกำลังบินอยู่
“นี่เป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลยสักนิดเดียว ใบตองพวกนี้สามารถขยับร่างกายที่ใหญ่โตของฉันได้ยังไงกัน? นี่คือความสามารถของโซออนสัตว์มายาเหรอ? ดูเหมือนว่าฉันคงต้องตรวจสอบอะไรอีกหลายอย่างแล้วสิ”
ควีนครุ่นคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างพลางแกว่งหางของเขาไปมา
โทรพิอุสไม่มีหาง หางที่อยู่ด้านหลังควีนนั้นมาจากผลแบรคิโอซอรัส ครั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของอาร์เซอุสไม่ใช่การแทนที่พลังโดยสมบูรณ์แบบ เขาใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นพลังของผลไม้แบรคิโอซอรัสดั้งเดิมภายในร่างกายของควีนและปล่อยให้มันเกิดการกลายพันธุ์แบบสุ่ม
แม้ว่าแบรคิโอซอรัสของควีนจะกลายเป็นโทรพิอุส แต่ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงจะเสร็จสิ้น อาร์เซอุสเองก็ไม่แน่ใจว่าแบรคิโอซอรัสจะแปลงร่างเป็นรูปแบบใด
ซึ่งการกลายพันธุ์นี้จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกายของแบรคิโอซอรัส อาจเป็นเมกาเนียมหรืออมารูรูกาก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่เหตุผลที่เขากลายร่างเป็นโทรพิอุสอาจเป็นเพราะควีนชอบขนมหวานและอยากที่จะบินได้
เชย์น่า คิงและควีน ทั้งสามได้รับพลังในรูปแบบที่แตกต่างกัน แม้ว่าเขาจะมอบความสามารถให้พวกเขาได้สำเร็จ แต่ก็มีตัวอย่างน้อยเกินไปสำหรับการอ้างอิง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถระบุเงื่อนไขของพลังที่เขาใช้ในการเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้
ถึงมันจะเป็นความสามารถของอาร์เซอุสเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขารู้วิธีการทำงานอย่างถ่องแท้ เช่นเดียวกับการพิพากษาที่เขารู้อยู่แก่ใจว่าเป็นทักษะพิเศษเฉพาะของตัวเขาเพียงผู้เดียว การใช้ท่าการพิพากษาก็เหมือนกับการกินและการดื่ม มันเป็นสัญชาตญาณของเขาไปแล้ว
ตัวเขานั้นไม่รู้เลยว่าการพิพากษานั้นทำงานยังไง อาร์เซอุสถูกเรียกว่าเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ แต่พระเจ้าเป็นเพียงขอบเขตของพลัง ไม่ใช่ผู้ที่รอบรู้และมีอำนาจเหนือทุกอย่าง
ตัวอย่างเช่น พระเจ้าสามารถสร้างหินที่พระองค์ไม่สามารถยกขึ้นมาได้หรือไม่? มีคำกล่าวว่าเขาไม่สามารถยกหินที่ตนเองสร้างได้แล้ว เช่นนั้นเขาถือเป็นพระเจ้าหรือไม่? คำกล่าวนี้ทำให้เกิดการโต้เถียงไม่จบไม่สิ้น
ทว่าหากเขามีเป้าให้ใช้ทดลองอีกสองสามคน ทฤษฎีเรื่องพลังของเขาก็คงจะชัดเจนขึ้นเองตามธรรมชาติ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองไปที่ควีนที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า อาร์เซอุสก็เกิดความคิดใหม่ ก่อนที่เขาจะกลับมาบินได้อีกครั้ง เขาคงต้องใช้ควีนเป็นพาหนะพิเศษของเขาเสียหน่อยแล้ว
ในบรรดาคนทั้งห้า มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไม่สามารถบินได้ เชย์น่าเป็นเด็กผู้หญิง และคิงก็ยังตัวไม่ใหญ่พอ แม้ว่าคิงจะแปลงร่างเป็นเทอราโนดอนได้ แต่เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในขณะที่อุ้มเขาไว้ด้วย
ส่วนทางด้านไคโด แม้ว่าเขาจะสามารถสร้างเมฆเพลิงเพื่อพาทุกคนบินได้ แต่ตอนนี้เขาเป็นกัปตันแล้ว อืม...ถึงพวกเขาจะยังไม่มีเรือก็เถอะ แต่ผู้นำของร้อยอสูรคงไม่สามารถมาเป็นรถม้าให้เขาได้ทุกวัน
แบรคิโอซอรัสของควีนที่แปลงร่างเป็นโทรพิอุสนั้นใหญ่พอที่จะอุ้มทุกคนไว้บนหลังได้ ยกเว้นแต่เพียงไคโด
นอกจากไคโดแล้ว เห็นได้ชัดว่าทั้งเชย์น่าและคิงต่างก็มีปัญหากับเขา ใครใช้ให้เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของสถาบันนั้นตั้งแต่แรก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการวิจัยชาวลูนาเรีย เรื่องนี้คงไม่จบแค่การทุบตีแน่
ปกติแล้วใครก็ตามที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้นานๆ ย่อมต้องรู้สึกผูกพันกับพวกมันอย่างมากแน่นอน นับประสาอะไรกับคน อีกทั้งเชย์น่าและคิงยังเป็นชาวลูนาเรียคนสุดท้ายในท้องทะเล อาร์เซอุสจึงไม่สามารถพูดได้ว่าเขาเองก็ชอบพอควีนสักเท่าไร
ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะใช้อีกฝ่ายเป็นพาหนะ
ควีนที่กำลังคิดเกี่ยวกับแผนการดัดแปลงร่างกายของตนเองบนท้องฟ้าก็ไม่รู้ว่าเขากำลังถูกตราหน้าว่าเป็นพาหนะส่วนตัวของอาร์เซอุสอยู่
หลังจากปรับตัวเข้ากับร่างใหม่ของเขาแล้ว ควีนก็ลงมาบนพื้น
แต่เมื่อเขายกเลิกความสามารถของเขา กล้วยในมือของเขากลับไม่ได้หายไปไหน
ตอนนี้เขาได้ลองการบินของพลังใหม่ไปแล้ว เหลือเพียงกล้วยบนคางของเขาที่สามารถดึงออกได้อย่างง่ายดาย แต่แท้จริงแล้วพวกมันแข็งแกร่งมาก หากเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะหยิบมันออกมา กล้วยเหล่านั้นก็จะแข็งพอๆ กับส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา
มีกล้วยทั้งหมดสามลูก และพวกมันจะไม่งอกใหม่หลังจากถูกเด็ดออก
ก่อนอื่นเลย ของที่สร้างมาจากผลปีศาจนั้นกินได้ ยกตัวอย่างเช่นอาหารที่เปลี่ยนจากผลไม้ปรุงสุกของสตรูเชน บิสกิตที่ทำจากผลบิซู-บิซูของแคร็กเกอร์ และแม้แต่กะหล่ำปลีที่วาดโดยผลพู่กันของคันจูโร่ก็สามารถรับประทานได้ทั้งหมด
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสายพารามีเซีย และส่วนที่กินเข้าไปนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่เป็นบางสิ่งที่สร้างขึ้น
ผลปีศาจประเภทพารามีเซียแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ซึ่งแบ่งคร่าวๆ ได้เป็นสามประเภทอันได้แก่ เหนือมนุษย์ พลังพิเศษ และการสร้างสรรค์
พลังพิเศษ หมายถึงผู้ใช้ความสามารถที่มีพลังเวทย์มนตร์ต่างๆเช่น การชะลอความเร็ว การสั่นสะเทือน ฯลฯ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับพลังการสร้างอาหาร
พลังพิเศษและการสร้างสรรค์บางครั้งก็มีอะไรที่ดูซ้ำกันอยู่บ้างเช่น ผลคุคุ-คุคุ ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นพลังในการสร้างอาหารใหม่หรือใช้พลังพิเศษเพื่อเปลี่ยนสิ่งที่กินไม่ได้ให้เป็นอาหาร
แต่การสร้างสรรค์นั้นหมายถึงผู้ใช้ที่มีความสามารถที่สามารถสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาจากอากาศได้เลย อาหารที่ทำจากผลสายพารามีเซียประเภทนี้จึงสามารถรับประทานได้ตามธรรมชาติเช่น บิสกิต โมจิ ครีม แต่ของพวกนี้ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับร่างกายของพวกเขาเลย
ส่วนทางด้านเหนือมนุษย์จะเป็นเพียงแค่เปลี่ยนโครงสร้างร่างกายของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ผลอาเมะ-อาเมะของกัสปาเด้ แม้ว่าร่างกายของเขาสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำเชื่อมได้ แต่ก็ไม่สามารถทำขนมได้ อีกทั้งรสชาติของมันก็ไม่อร่อยเช่นกัน สิ่งนี้ได้รับการยืนยันเป็นการส่วนตัวโดยลูฟี่ในฉบับอนิเมะ
ทางด้านสายโซออนก็จัดอยู่ในประเภทของร่างกายเหนือมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่การที่ร่างกายของผลโซออนสามารถออกผลได้ มันช่างมหัศจรรย์เกินไปจริงๆ
เมื่อมองดูกล้วยในมือ ควีนก็ตัดสินใจดึงเปลือกกล้วยออกแล้วโยนกล้วยเข้าไปในปาก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
หวาน นุ่ม และเหนียว นี่คือกล้วยที่ดีที่สุดที่เขาเคยกินมา เขาเป็นสายหวาน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หลงรักอาหารหวานมันเยิ้มอย่างโมจิและซุปถั่วแดงเป็นแน่
หลังจากกินกล้วยลูกนี้ลงไป เขาก็ได้สัมผัสกับความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งดูเหมือนจะรวบรวมความหวานของผลไม้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน เมื่อเปรียบเทียบรสชาติของกล้วยแล้ว มันเหมือนกับโมจิและซุปถั่วแดงมากกว่า
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้ใช้ความสามารถของเขาอีกครั้งและดึงกล้วยที่เหลืออีกสองลูกออกมา...