ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 239 - ถูกเปิดโปง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 241 - ผสานการฝึกฝนร่างแวมไพร์เข้ากับการฝึกฝนร่างมนุษย์หมาป่า

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 240 - รอด?


หัวใจของเดวิดเริ่มเต้นแรงขึ้น เหงื่อเย็น ๆ เริ่มผุดออกมาจากบริเวณหน้าผากและแผ่นหลัง เขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อจะข่มสติอารมณ์เอาไว้ ระงับตัวเองไม่ให้พุ่งหนีออกไปตามสัญชาตญาณ

ความรู้สึกของเดวิดในตอนนี้เหมือนถูกนักล่าที่ทรงพลังจับจ้องเพื่อล่าเป็นเหยื่อ สัญชาตญาณเตือนภัยบอกเสียงดังอยู่ในใจตลอดเวลา นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาแล้ว เขาประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคนนี้อย่างชัดเจนไม่ได้ แต่เดวิดแน่ใจว่า เขาไม่มีทางหนีออกไปจากที่นี่ได้พ้น ความแตกต่างนั้นห่างชั้นกันมากเกินไป

แม้ว่าในใจจะตื่นตระหนก แม้ว่าเหงื่อจะไหลออกมาโทรมกายไปหมด แต่สิ่งที่ปรากฏออกมาภายนอก ก็มีเพียงแค่ท่าทีที่นิ่งเฉย และสายตาที่เฉื่อยชาแฝงความสงสัยไม่เข้าใจอยู่บ้างเท่านั้น เดวิดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าไม่เข้าใจคำถามนั้น

มือที่อยู่ภายในเสื้อคลุมก็ไม่อยู่เฉย มันถูกซุกอยู่ในกระเป๋า กำลูกแก้วสีดำขนาดเล็กลูกหนึ่งเอาไว้แน่น ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่เอาไว้ใช้รับประกันชีวิตที่เดวิดเตรียมเอาไว้ เพราะหลังจากที่สัมผัสมันได้ ความมั่นใจของเขานั้นก็เริ่มกลับมา และคิดจะกล่าวอะไรบางอย่างออกไป

“ไม่จำเป็นต้องตอบ หรืออธิบายอะไรออกมา มันเป็นสิทธิของคุณที่จะไม่ตอบ และไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ติดตามเซ้าซี้เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกในอนาคต และไม่ต้องกังวลว่าความลับเรื่องนี้จะรั่วไหล สมาชิกของเราที่พาคุณไปนั้นไว้ใจได้ และผมจะจัดการเรื่องภาพวิดิโอที่ถูกบันทึกเอาไว้นั่นเอง รับรองได้ว่ามันจะไม่หลุดไปถึงบุคคลภายนอกแน่ ทางองค์กรของเราจะจัดการเรื่องแบบนี้ให้ ความลับของสมาชิกถือเป็นสิ่งที่พวกเราต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของรางวัลในการแข่งขัน มันถูกส่งไปยังจุดหมายที่คุณตั้งเอาไว้เหมือนกับคนอื่นแล้ว” หัวหน้าใหญ่ยกมือห้ามเอาไว้ และร่ายยาวออกมาก่อน

การกระทำเช่นนี้ทำให้เดวิดรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แววตาที่จ้องไปยังชายคนนั้นยิ่งทอประกายความสับสนมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่เขายังสะกดใจไม่ให้หลุดถามอะไรโง่ ๆ ออกไปได้ ในใจนั้นเกิดความคิดที่คลุมเคลือบางอย่างขึ้น มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หัวหน้าใหญ่คนนี้เปลี่ยนเป็นคนใจดีขึ้นมา แต่เดวิดก็ยังไม่มั่นใจในความคิดนั้นของตัวเองมากนัก

“เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครคนหนึ่งจะมีความลับเก็บเอาไว้กับตัว ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่คิดว่าความลับของคุณจะเป็นเรื่องที่สำคัญอะไรมากนัก มันไม่คุ้มกับการต้องเสียอัจฉริยะคนหนึ่งไปจากองค์กรหรอก เอาล่ะ! ผมคงต้องกลับก่อนแล้ว อ้อ! ถ้าไม่อยากจะเสียใจภายหลัง ถ้าต้องลงมือครั้งต่อไป ได้โปรดตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าบริเวณรอบ ๆ ไม่มี ‘เจ้าแห่งสัตว์ร้าย’ อยู่ นี่ถือว่าเป็นคำเตือนของผมก็แล้วกัน” หลังจากพูดจบ เขาก็หมุนตัวอย่างพร้อมจะเดินกลับออกไปแล้ว

แต่หลังจากเดินออกไปได้เพียงแค่ 2-3 ก้าว เขาก็หันหลังกลับมาอีกครั้ง “โอ้! มีข่าวที่ควรจะบอกให้คุณรู้เอาไว้ เพราะคุณไม่ได้อยู่ในที่ประชุมด้วย ตลาดมืดจะเปิดขึ้นอีกครั้งในช่วงอาทิตย์หน้า ถ้าสนใจก็ติดตามข่าวสารที่จะแจ้งไปให้หน่อยก็แล้วกัน” แค่นั้น หลังจากกล่าวจบประโยค เขาก็เริ่มก้าวเดินออกไปอีกครั้ง บรรดาสมาชิกที่ยังเหลืออยู่ในบริเวณนั้นก็เดินตามหลังไปติด ๆ ดูเหมือนว่าสมาชิกพวกนี้จะเป็นลูกน้องคนสนิทของหัวหน้าใหญ่อย่างแน่นอน

แม้ว่ากลุ่มคนพวกนั้นจะออกจากประตูไปกันจนหมดแล้ว แต่เดวิดยังยืนนิ่งอยู่กับที่อีกเกือบ 2 นาที ในที่สุดเขาก็ระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอกออกมา ร่างเซถอยหลังไปอย่างควบคุมไม่ได้ เดวิดรู้สึกว่าตัวเองนั้นหมดแรงจนอยากจะทรุดตัวลงนั่ง แผ่นหลังนั้นเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกบังคับให้เผชิญกับแรงกดดันอันมหาศาลอย่างซึ่งหน้าเป็นเวลานาน

ที่สำคัญที่สุด เจ้าหัวหน้าใหญ่คนนี้นับว่าเป็นสัตว์ประหลาดชัด ๆ แค่เพียงสายตาที่เขาใช้จ้องเข้ามา เดวิดก็เกือบที่จะหยุดหายใจแล้ว

และดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของเจ้าหมอนั่นจะแม่นยำเป็นอย่างมากเสียด้วย ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด วันนี้เจ้าหัวหน้าใหญ่นั่นคิดจะลงมือจัดการกับตัวเองตั้งแต่ต้นแล้ว แต่น่าจะรับรู้ถึงสิ่งที่ควบคุมไม่ได้บางอย่าง และเลือกที่จะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย และสิ่งที่เจ้านั่นสัมผัสได้ มันก็คือลูกแก้วสีดำที่อยู่ในมือของเดวิดนี้เอง

เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกต้องหรือไม่ แต่ตอนนี้เดวิดรู้สึกดีใจมากที่ตัดใจทุ่มทุนซื้อเจ้าลูกกลม ๆ นี่มา ถ้าไม่มีมัน ไม่แน่ว่าวันนี้เขาอาจจะถูกจับตัวเอาไว้แล้วก็ได้

ลูกแก้วสีดำ! อุปกรณ์ไฮเทคชนิดหนึ่ง ไม่เชิงเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ช่วยชีวิตเสียทีเดียว เพราะเมื่อทุบให้แตกออก สิ่งที่มันทำคือสร้างหลุมดำขนาดเล็กขึ้นมา และดูดทุกอย่างที่อยู่ในรัศมี 100 เมตรเข้าไปจนหมด ถ้าใช้งานอย่างไม่ระวัง คนใช้ก็มีสิทธิถูกมันดูดเข้าไปเช่นกัน เป็นอุปกรณ์ที่มีอันตรายในการใช้งานสูงมาก และที่สูงยิ่งไปกว่านั้นคือราคาของมัน เดวิดสามารถซื้อเอามาไว้ในครอบครองได้เพียงลูกเดียวเท่านั้น เขาเหลือคะแนนจีโนไม่พอที่จะซื้อลูกที่สองเสียด้วยซ้ำ

หลังจากซุกมันกลับเข้าไปในกระเป๋าแบบแน่ใจว่าจะไม่เผลอทำมันแตกโดยบังเอิญเสร็จ เดวิดก็รีบเดินทางออกจากสถานที่แห่งนี้ทันทีเช่นกัน เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้อีกแม้วินาทีเดียว

.............

กลับมาถึงห้องพัก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเลยเที่ยงคืนแล้ว แต่เดวิดก็ยังไม่คิดที่จะรีบนอนเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเลือกที่จะสะสางอีกเรื่องหนึ่งให้เรียบร้อยก่อน ใช่แล้ว! ทักษะการฝึกฝนที่ถูกหลอกบังคับให้ซื้อมาเล่มนั้น เดวิดต้องการจะอ่านรายละเอียดในนั้นให้มันจบ ๆ ไป แล้วจะได้กำจัดมันทิ้ง ในเมื่อถูกหลอกมาแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะกวาดตามองให้ครบทุกตัวอักษรก่อน

หลังจากที่หยิบมันออกมาจากกระเป๋า หน้าของเดวิดก็แดงกล่ำด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น เขารู้ว่ากำลังถูกแบล็คเมล์ แต่ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดเกินไปทำให้แก้ไขอะไรได้ลำบาก และต้องยอมใช้เงินแก้ปัญหา นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เดวิดรู้สึกเสียหน้ามากจริง ๆ

“ทักษะการฝึกฝนร่วมผสาน! นี่มันคู่มือการฝึกฝนร่างกายจริงมั้ยเนี่ย ชื่อยังกับเป็นพวกหนังสือกามสูตรเลย” เขาพึมพำออกมา ก่อนที่จะเริ่มเปิดหน้าหนังสือขึ้นอ่าน

‘ทักษะการฝึกฝนร่วมผสานจะสามารถใช้ผสานทักษะเข้าด้วยกันได้เพียงแค่ 2 ทักษะเท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มเติมทักษะที่ 3 เข้าไปได้อีก

หน้าที่หลักของทักษะนี้คือการกระตุ้น จัดลำดับ จัดเรียงเส้นเลือด และกล้ามเนื้อให้สามารถรองรับการฝึกฝนทักษะที่แตกต่างกัน 2 ทักษะได้

การหมุนเวียนเลือด และสั่นไหวกล้ามเนื้อตามวิธีการของทักษะร่วมผสาน จะสามารถรองรับการสอดแทรกการหมุนเวียนเลือด และการสั่นไหวของกล้ามเนื้อจากการฝึกทักษะชนิดอื่นได้ แต่จะต้องค่อย ๆ ปรับตัวไปทีละน้อย จนในที่สุดร่างกายจะสามารถจดจำการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ และปลดปล่อยทักษะทั้ง 2 ชนิดออกมาพร้อมกันในที่สุด

ทักษะการฝึกฝนร่วมผสานมีอยู่ทั้งหมด 12 ขั้นตอน การฝึกสำเร็จในแต่ละขั้นตอนจะหมายถึงระดับที่สูงขึ้นของทักษะที่จะผสานรวมกัน

เมื่อฝึกสำเร็จขั้นตอนที่ 12 ควรจะสามารถผสานทักษะระดับมรดกสืบทอดเข้าด้วยกันได้”

หลังจากที่อ่านจบจนถึงตอนนี้ เดวิดเริ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้ว ตามทฤษฎีนั้นมันเป็นไปได้ ถ้ามีการหมุนเวียนเลือดที่เป็นตัวกลางมาตรฐาน การจะเสริมส่วนเฉพาะเข้าไปไม่ใช่เรื่องยากอะไร และอย่างที่คู่มือเล่มนี้ระบุเอาไว้ การเสริมเข้าไปได้แค่ 2 วิธีพร้อมกันก็สมเหตุสมผล ประสาทสัมผัสของมนุษย์คนหนึ่งไม่น่าจะควบคุมทุกอย่างพร้อมกันได้เกินกว่านี้แน่

ที่น่าตกใจคือประสิทธิภาพสูงสุดของมัน ผสานทักษะระดับมรดกสืบทอด? ถ้าทำได้จริงก็แสดงว่าเขาเก็บสมบัติมาได้โดยบังเอิญใช่มั้ย?

‘แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงได้เรียกว่านี่เป็นทักษะขยะล่ะ ทำไมพวกเขาถึงได้มองว่าฉันโดนหลอก?’

ในหัวของเดวิดเริ่มสับสนแล้ว มันต้องมีอะไรมากกว่าเท่าที่เห็นอยู่ตอนนี้แน่ เขาเริ่มเปิดอ่านหน้าต่อไป และในที่สุดก็รู้เหตุผลได้

การฝึกฝนทักษะนี้มีความยากอยู่ในระดับที่สูงลิ่ว มันไม่ได้ยากเย็นถึงระดับเป็นไปไม่ได้เหมือนทักษะหัวใจผู้กล้า แต่มันต้องใช้เวลาในการค่อย ๆ สะสมความรู้ความเข้าใจที่นานมาก กว่าที่กล้ามเนื้อในร่างกายจะจดจำการสั่นไหวที่เฉพาะของทักษะ 2 ชนิดได้ ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ 6 เดือน ใช่! 6 เดือน และนี่เป็นแค่การผสานทักษะในระดับสีดำขั้นต่ำเท่านั้น

การจะฝึกขั้นตอนที่ 2 ที่เป็นการผสานทักษะสีดำขั้นกลางให้สำเร็จ ในคู่มือระบุเอาไว้ว่าต้องใช้เวลาให้ร่างกายปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือพูดอีกอย่างก็คือต้องการเวลาอีก 1 ปี จึงจะสามารถผสานทักษะระดับสีดำขั้นกลางได้ และนี่คือเป็นในกรณีที่ผู้ฝึกไม่ขาดพรสวรรค์ด้วย

ขั้นตอนที่ 3 และขั้นตอนที่ 4 ก็ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นไป 2 เท่าในแต่ละขั้นเช่นกัน เวลา 2 ปีสำหรับการผสานทักษะระดับสีดำขั้นสูง และอีก 4 ปีสำหรับการผสานทักษะระดับสีน้ำตาลขั้นต่ำ การยกระดับการฝึกฝนขึ้นไปแต่ละขั้นตอน ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าอย่างไม่มีข้อยกเว้น

และเมื่อคำนวณระยะเวลาที่ต้องใช้ในการฝึกฝนจนสำเร็จขั้นตอนที่ 12 สามารถผสานทักษะระดับมรดกสืบทอดได้ ต้องใช้เวลาเพียงประมาณ 2,000 ปีกับอีก 6 เดือนนิด ๆ ผู้ฝึกฝนก็จะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน

นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!!

เดวิดรู้แล้วว่าทำไมทักษะนี้ถึงได้ถูกเรียกว่าขยะ แม้ว่าทฤษฎีและสมมติฐานที่ใช้ในการพัฒนาทักษะนี้ขึ้นมาจะสมเหตุสมผล และนี่น่าจะเป็นคู่มือการฝึกฝนของจริง แต่จะมีใครยอมใช้เวลา 3 ปี หรือ 6 ปีในการผสานทักษะระดับสีดำขั้นกลาง หรือระดับสีดำขั้นสูงเข้าด้วยกันล่ะ

ทำไมไม่ใช้เวลาจำนวนนั้นไปฝึกฝนทักษะระดับสีน้ำตาล หรือทักษะระดับสีแดงโดยตรง ประสิทธิภาพของทักษะนั้นรับประกันได้ และเวลาที่ใช้ก็น้อยกว่ากันมาก

ไม่มีใครรู้ว่าการผสานทักษะ 2 ชนิดเข้าด้วยกันจะส่งผลดีแค่ไหน มันจะเป็นทักษะที่ทรงพลังขึ้นหรือแย่ลง ไม่เคยมีใครเดาผลลัพธ์ของมันเอาไว้เลย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด