ตอนที่ 578 เมืองอีกาดำ
ตอนที่ 578 เมืองอีกาดำ
หยูเจียงเริ่มทำการเปิดประตูมิติขึ้นมาอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มจึงเริ่มถามออกไปด้วยความสงสัย
“เราต้องเดินทางผ่านประตูมิติด้วยเหรอครับ?”
“ใช่สิ เมืองอีกาดำไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เป็นสถานที่ลับที่ถูกสร้างขึ้นบนดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกล เราจึงจำเป็นจะต้องเดินทางไปด้วยประตูมิติเท่านั้น” หยูเจียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเดินตามหยูเจียงเข้าไปในประตูมิติ
เมื่อปรากฏตัวยังอีกฟากฝั่งของประตู ชายหนุ่มก็ได้พบกับปราสาทในยุคกลางและได้ยินเสียงร้องคำรามจากสัตว์ประหลาดขึ้นมาจากระยะไกล
การปรากฏตัวของเซี่ยเฟย, หยูเจียงและคอปเปอร์ทำให้อีกาฝูงใหญ่บินขึ้นไปจากหนองน้ำ โดยดวงตาของพวกมันเป็นสีแดงเลือดราวกับอัญมณีตัดกับร่างที่มืดมิดดูดำสนิทกว่าอีกาโดยทั่วไป
ส่วนปราสาทอันโดดเด่นที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืด ผนังของปราสาทถูกปกคลุมด้วยพืชที่ไม่รู้จักและมันก็มีรูปปั้นของอีกาขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดของปราสาทอีกด้วย
ขนลุก!
น่ากลัว!
วังเวง!
ปราสาทภายในเมืองอีกาดำทำให้ชายหนุ่มนึกถึงปราสาทหลอนในทีวีสมัยที่เขายังเด็กในทันที เพราะมันดูคล้ายกับปราสาทของแวมไพร์หรือไม่ก็เป็นปราสาทที่อยู่ในหนังผี
ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่ที่ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งร่างกายคล้ายกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่
คอปเปอร์คือคนที่น่าสงสารมากที่สุด เพราะในบรรดาผู้มาใหม่ทั้งสามเขามีพลังอยู่ในระดับต่ำที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นบรรยากาศของเมืองอีกาดำยังทำให้เขานึกถึงตอนที่เขาได้เดินทางไปยังเกาะอสรพิษพิทักษ์
“ที่นี่คือเมืองอีกาดำ หนึ่งในรากฐานสำคัญในตระกูลของเรา ซึ่งถ้าหากจะเปรียบเทียบกฎแห่งการฉีกกระชากมิติเป็นเบื้องหน้า เมืองอีกาดำก็คือเบื้องหลังที่จะช่วยผลักดันนักสู้ของเราไปสู่ความสำเร็จ เพราะท้ายที่สุดนักสู้ที่มีพรสวรรค์ทุกคนของตระกูลหยูต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกส่งตัวมาฝึกฝนที่นี่ด้วยกันทั้งสิ้น” หยูเจียงกล่าวอย่างจริงจังขณะชี้นิ้วไปยังปราสาทโบราณในระยะไกล
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร แต่ความแปลกประหลาดของเมืองอีกาดำทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงหวีดหวิวดังขึ้นมาจากในปราสาท และเนื่องจากชายหนุ่มมีประสาทการรับรู้ที่ไม่ธรรมดา เขาจึงสามารถระบุได้ในทันทีว่าเสียง ๆ นั้นมาจากชั้นใต้ดินของปราสาทโบราณ
คอปเปอร์ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นในทันทีและเขาก็ตกใจกลัวจนเกือบจะเป็นลม เนื่องจากเสียงโหยหวนที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ครูฝึก คุณเป็นอะไรไป?” เซี่ยเฟยรีบเดินเข้าไปพยุงคอปเปอร์เอาไว้ ซึ่งในขณะนี้คอปเปอร์มีใบหน้าอันซีดเซียวแล้วก็ยังพูดอะไรไม่ออก
“เสียงเมื่อสักครู่นี้คือความลึกลับของเมืองอีกาดำ พวกเราเรียกมันว่าเสียงกรีดร้องของปีศาจ ความจริงเสียง ๆ นี้มีมาตั้งแต่ที่บรรพบุรุษของเราได้ค้นพบเมืองอีกาดำแล้ว มันเป็นเสียงที่จะดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน”
“ที่สำคัญคือเสียงกรีดร้องนั่นจะสร้างแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวออกมาด้วย ซึ่งถ้าหากใครมีระดับการฝึกฝนที่ต่ำเกินไปพวกเขาก็จะไม่สามารถทนรับเสียงกรีดร้องของปีศาจได้” หยูเจียงกล่าวอย่างจริงจัง จากนั้นเขาก็เหลือบสายตามองไปยังคอปเปอร์และกล่าวขึ้นมาว่า
“ระดับพลังของเขาต่ำเกินไปและสมาธิของเขาก็ยังมีไม่มากพอ การที่เขาอยู่ภายในเมืองอีกาดำนานเกินไปไม่ใช่เรื่องดี และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงนำเฉพาะผู้มีพรสวรรค์มายังเมืองแห่งนี้เท่านั้น”
“ครูฝึก คุณยังทนได้อยู่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉัน... ฉันทนไม่ไหวแล้ว” คอปเปอร์กล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายใจ
“ผู้อาวุโส ความจริงแล้วผมแค่ไม่ต้องการให้เขากลับไปทำงานในเกาะอสรพิษพิทักษ์ ผมขอให้เขาไปช่วยงานผมที่สวนเสือคำรามแทนได้ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“เรื่องนั้นฉันก็พอจะคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว เอาล่ะให้คอปเปอร์กลับไปพักฟื้นก่อนสัก 2-3 วันแล้วค่อยให้เขาไปทำงานในสวนเสือคำรามก็แล้วกัน” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
คอปเปอร์มีระดับพลังต่ำมากจนเกินไปจนไม่สามารถที่จะทนรับเสียงกรีดร้องของปีศาจได้ด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันแม้ว่าสวนเสือคำรามจะมีงานฝึกสัตว์อสูรอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นหน้าที่ของเซี่ยเฟยกับพนักงานคนอื่น ๆ อีกเล็กน้อย
ดังนั้นถ้าหากว่าคอปเปอร์ไปทำงานที่สวนเสือคำราม งานของเขาก็จะสบายขึ้นกว่าเดิมและเงินเดือนของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนที่เขาเป็นครูฝึกเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่เซี่ยเฟยจะมอบให้กับครูฝึกคนนี้ได้
ในที่สุดคอปเปอร์ก็ถูกส่งตัวกลับไปก่อน เซี่ยเฟยจึงเดินเข้าไปภายในเมืองอีกาดำพร้อมกับหยูเจียง
เสียงกรีดร้องของปีศาจยังคงดังต่อเนื่องทุก ๆ 2-3 นาที และเมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ปราสาทมากเท่าไหร่ เขาก็ได้พบว่าสภาพจิตใจของเขาได้รับผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น
เพียงแค่การทนรับเสียงกรีดร้องของปีศาจเพียงอย่างเดียวก็ถือว่าเป็นการฝึกที่เข้มงวดมากแล้ว และถ้าหากว่าใครมีความแข็งแกร่งทางจิตใจไม่สูงมากพอ พวกเขาก็อาจจะเป็นบ้าถ้าหากจะต้องอยู่ภายในเมืองแห่งนี้เป็นเวลานาน
“นายทำได้ดีมาก! ตอนที่ฉันพาหยูฮัวมาที่นี่ครั้งแรก เขาต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งเดือนถึงจะทำความคุ้นเคยกับเสียงกรีดร้องนั้นได้ แต่นายกลับใช้เวลาในการปรับตัวเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับมองไปที่เซี่ยเฟยอย่างพึงพอใจ
“เสียงกรีดร้องนั่นเป็นเสียงที่น่ากลัวมากจริง ๆ มันทำเอาผมอยากจะรู้เลยว่าในปราสาทนั้นมีสัตว์ประหลาดแบบไหนซ่อนตัวอยู่กันแน่?” เซี่ยเฟยพูดติดตลกแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความจริงเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องอื่น ๆ มาโดยตลอด เขาจึงต้องการจะรู้ว่าแหล่งกำเนิดเสียงมันมาจากที่ไหนกันแน่
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบลง เสียงกรีดร้องของปีศาจกลับรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิมคล้ายกับว่าปีศาจตนนั้นได้ยินคำพูดของเขา
เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยเชื่อเรื่องผีหรือเทพเจ้ามาก่อน จนกระทั่งเขาได้พบกับอันธและในตอนนี้เขาก็กำลังคิดว่า…
“ฉันเคยบอกไปแล้วว่าเสียงกรีดร้องของปีศาจคือเรื่องลึกลับมากที่สุดภายในเมืองนี้ ดังนั้นถึงแม้ว่านายจะพยายามค้นหาแหล่งกำเนิดเสียง แต่นายก็หาอะไรไม่เจอหรอก” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อชายหนุ่มได้เดินเข้ามาในปราสาท เขากลับพบว่าอารมณ์ของเขาสงบลงกว่าเดิมคล้ายกับว่ามันมีพลังงานอันแข็งแกร่งปกคลุมทั่วทั้งปราสาทแห่งนี้เอาไว้ ทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงกรีดร้องของปีศาจอย่างที่ควรจะเป็น
“ทั่วทั้งปราสาทถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังงานต้นกำเนิดหนาแน่นมาก!” อันธกล่าวหลังจากสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ปกคลุมทั่วทั้งปราสาทเอาไว้
สาเหตุที่ตระกูลหยูใช้เมืองอีกาดำเป็นสถานที่สำหรับการฝึกนักรบ นั่นก็เพราะว่าอิฐทุกก้อนที่ใช้สร้างปราสาทหลังนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีคริสตัลต้นกำเนิดถูกฝังอยู่เอาไว้ด้านในทุกก้อน ยกตัวอย่างเช่น เสาของปราสาทก็จำเป็นจะต้องใช้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ไม่น้อยกว่า 1 ล้านตันในการสร้างมันขึ้นมา ฉันคงไม่จำเป็นจะต้องบอกหรอกนะว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างปราสาทรวม ๆ แล้วจะมีมูลค่ามากขนาดไหน”
“ยิ่งไปกว่านั้นโครงสร้างของเมืองอีกาดำยังมีลักษณะพิเศษที่จะทำให้พลังงานต้นกำเนิดถูกปล่อยออกมาจากตัวปราสาทโดยอัตโนมัติ ดังนั้นถ้าหากว่าใครได้มีโอกาสฝึกฝนภายในปราสาทแห่งนี้ พวกเขาก็จะสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วชนิดที่ไม่มีสภาพแวดล้อมที่ไหนเหมาะสมสำหรับการฝึกไปมากกว่าที่นี่อีกแล้ว” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปรอบ ๆ
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากว่าอิฐทุกก้อนต่างก็ถูกฝังไว้ด้วยคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 มันก็คงจำเป็นจะต้องใช้คริสตัลม่วงหลายล้านตันถึงจะสามารถสร้างปราสาทแห่งนี้ได้แล้วเสร็จ
ทันใดนั้นเองเสียงกรีดร้องของปีศาจก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อเขาได้เข้ามาอยู่ในปราสาทเขาจึงสามารถได้ยินเสียงกรีดร้องได้อย่างชัดเจนกว่าตอนที่เขาอยู่ด้านนอก อย่างไรก็ตามในคราวนี้สีหน้าของเซี่ยเฟยก็ยังคงเป็นปกติ คล้ายกับว่าเสียงกรีดร้องพวกนั้นไม่ได้สร้างผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของเขาเลย
ต่อมามันก็ได้มีชายชราวัย 50 กว่า ๆ เดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยกับหยูเจียงพร้อมกับปรบมือขึ้นมาเบา ๆ
“นายคือเซี่ยเฟยที่พึ่งโด่งดังไปทั่วทั้งตระกูลเมื่อไม่นานมานี้ใช่ไหม? สมแล้วที่นายได้รับการยกย่องขนาดนั้น ท้ายที่สุดห้องโถงแห่งนี้ก็คือสถานที่ที่เสียงกรีดร้องของปีศาจฟังดูน่ากลัวมากที่สุด แต่นายกลับสามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงกรีดร้องของปีศาจเลยแม้แต่น้อย”
หลังจากกล่าวจบชายชราคนนั้นก็แสดงความเคารพต่อหยูเจียงและเริ่มกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ผมหยูเผิง ผู้จัดการเมืองอีกาดำ ขอต้อนรับท่านผู้นำและน้องเซี่ยเฟยสู่เมืองของเรา”
ชายหนุ่มพยายามพิจารณาชายชราผู้มาใหม่อย่างใกล้ชิด และเขาก็ได้พบว่าหยูเผิงมีลักษณะคล้ายกับหยูจินมากคล้ายกับว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน เพียงแต่หยูเผิงคนนี้ให้ความรู้สึกสบาย ๆ ขณะที่หยูจินให้ความรู้สึกถึงความอาฆาต
“หยูเผิงดูแลเมืองอีกาดำมานานกว่า 30 ปีแล้ว ดังนั้นถ้าหากว่านายต้องการอะไรนายสามารถบอกกับเขาโดยตรงได้เลย” หยูเจียงกล่าวกับเซี่ยเฟย
“ครั้งนี้ท่านผู้นำลงทุนกับนายมากเลยนะ ถึงขนาดได้เตรียมคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 เอาไว้ให้กับนาย 100 ชิ้น และยังเตรียมห้องฝึกที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอีกาดำเอาไว้ให้กับนายอีกด้วย ไม่ว่ายังไงนายก็จะต้องไปเข้าร่วมงานชุมนุมมังกรฟ้าให้ได้ล่ะ” หยูเผิงกล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
เซี่ยเฟยรีบขอบคุณหยูเจียงในทันที ท้ายที่สุดคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 จำนวน 100 ชิ้นก็มีมูลค่าที่สูงมาก
ดูเหมือนว่างานชุมนุมมังกรฟ้าจะเป็นงานที่ตระกูลหยูให้ความสำคัญมากกว่าที่เซี่ยเฟยได้คิดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นทางตระกูลก็คงจะไม่ได้ตระเตรียมทรัพยากรเป็นจำนวนมากเอาไว้ให้กับเขาทำการฝึกฝนแบบนี้
“ท่านผู้นำ น้องชายเซี่ยเฟยมีสมาธิที่ดีมาก ทำไมเราถึงไม่ลองพาเขาเข้าไปเดินเล่นในกรงดูล่ะ? ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมามีคนที่สามารถทนต่อเสียงกรีดร้องของปีศาจในกรงได้เพียงแค่ 3 คนเท่านั้น แน่นอนว่าคนแรกก็คือตัวอาวุโส, คนที่ 2 คือหยูฮัว, คนที่ 3 คือหยูเสี่ยวเป่ย ไม่แน่บางทีน้องชายเซี่ยเฟยอาจจะเป็นคนที่ 4 ก็ได้” หยูเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นั่นสินะ เรามาลองดูกันดีกว่า” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับลูบเคราอย่างสบายใจ
“ทนได้ก็ทนแต่ถ้าทนไม่ได้ก็อย่าฝืน ถึงแม้ว่าฉันจะสามารถทนเสียงกรีดร้องภายในกรงปีศาจได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันเริ่มเคยชินกับเสียงกรีดร้องในเมืองอีกาดำมาสักพักแล้ว ไม่ใช่เหมือนนายที่เพิ่งจะเดินทางมายังเมืองอีกาดำเพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น” หยูเจียงหันไปกล่าวเตือนเซี่ยเฟยอย่างจริงจัง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับแต่เขาก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่เล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดชีวิตของเขาก็มักที่จะเข้าไปพัวพันกับคุกอยู่เสมอ และเขาก็ไม่คิดเลยว่าถึงแม้เขาจะได้เดินทางมายังดินแดนผู้ใช้กฎแห่งนี้ แต่เขาก็ยังต้องเข้าไปพัวพันกับสิ่งที่เรียกว่ากรงปีศาจด้วย
เมื่อทุกฝ่ายตกลงหยูเผิงก็เดินเข้าไปในเส้นทางอันมืดมิด ก่อนที่เขาจะกดมือลงในอิฐก้อนหนึ่งเผยให้เห็นเส้นทางลับที่ซ่อนอยู่
“เส้นทางลับนี้จะนำไปสู่คุกใต้ดินของปราสาทซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้กับเสียงกรีดร้องของปีศาจมากที่สุด พวกเราเลยเรียกสถานที่แห่งนั้นว่ากรงปีศาจ” หยูเผิงกล่าวแนะนำขณะที่พวกเขาเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน จากนั้นเขาก็เริ่มอธิบายต่อไปว่า
“มันเป็นเวลาเนิ่นนานหลายหมื่นหลายแสนปีแล้วที่บรรพบุรุษของเราพยายามค้นหาที่มาของเสียงกรีดร้องอันแปลกประหลาดนี้ แต่มันก็ยังไม่มีใครสามารถหาต้นตอของเสียงได้พบเลยแม้แต่คนเดียว”
ระหว่างทางเดินเซี่ยเฟยก็ขมวดคิ้วขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเสียงกรีดร้องเริ่มส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของเขาอย่างรุนแรง และเขาก็จำเป็นจะต้องใช้สมาธิทั้งหมดเพื่อต้านทานคลื่นพลังงานที่เข้ามารบกวนสภาวะจิตใจ
เสียงกรีดร้องอันลึกลับนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อเซี่ยเฟยเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะแม้แต่หงส์ครามและขนอุยก็ยังได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มจึงต้องพยายามปลอบโยนพวกมันให้อยู่อย่างสงบเอาไว้
ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาจนถึงประตูที่ถูกประดับด้วยรูปปั้นหัวปีศาจดวงตาสีแดงเลือด คล้ายกับดวงตาของอีกาที่เขาได้พบในหนองน้ำ
“พร้อมแล้วหรือยัง? ที่นี่คือสถานที่ที่อันตรายมากที่สุด ดังนั้นนายจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดี ๆ” หยูเผิงกล่าวอย่างจริงจัง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นเป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมแล้ว
หยูเผิงเริ่มดันประตูที่ถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาออกไปในทันที และทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลันจนถึงกับทำให้เซี่ยเฟยเวียนหัวไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว
***************
กลับบ้านเก่า เข้ากรงได้!! 5555