บทที่ 71 วิกฤตการณ์ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 71 วิกฤตการณ์ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
(ขอเปลี่ยนสรรพนามของเชลล์เป็นผมนะครับ)
แม้ว่าพวกเขาจะกวาดล้างฐานทัพของเดอะแฮนอีกแห่งได้สำเร็จ และขัดขวางการก่ออาชญากรรมของพวกเขาได้...
แต่ดีเฟนเดอร์สใช่ว่าจะไม่ได้รับความเสียหาย
โดยเฉพาะกับร่างกายของแมตต์ ถึงประสาทสัมผัสอันสุดยอดของเขาจะทำให้เขาสามารถหลบการโจมตีของนินจาส่วนใหญ่ได้สำเร็จ แต่ก็ยังมีการโจมตีอีกจำนวนหนึ่งที่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนร่างกายของเขา
“บางทีนายต้องพักบ้างนะแมตต์”
หลังจากรักษาบาดแผลของแดร์เดวิลแล้ว แคลร์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
ด้วยการสร้างขึ้นของทีมดีเฟนเดอร์ส พยาบาลอย่างเธอจึงได้แต่ต้องช่วยเหลือในแบบของเธอเอง
“ช่วงนี้นายได้รับบาดเจ็บบ่อยเกินไป ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ฉันกังวลว่าร่างกายของนายจะไม่สามารถรับได้อีกต่อไปแล้ว”
แม้ว่าจะสวมชุดซูเปอร์ฮีโร่ แต่โดยพื้นฐานแล้ว แมตต์ก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่มีประสาทสัมผัสที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น เขาไม่ได้มีความคงกระพันเหมือนลุค ความสามารถในการบินของเจสซิก้าหรือความสามารถกระสุนโค้งของเวสลีย์
สิ่งที่เขามีคือทักษะการต่อสู้ที่ฝึกฝนมาอย่างยากลำบากและความตั้งใจแน่วแน่ในการเผชิญหน้ากับอาชญากร
"เธอพูดถูกแล้ว" เจสซิก้าพยักหน้าขณะที่เธอเอาผ้าพันแผลมาปิดแขนไว้
ถึงเธอเองก็จะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าแมตต์คือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด
“นายต้องพักผ่อนมากกว่านี้นะแมตต์”
“แต่เดอะแฮนกับคิงพินไม่มีเวลาให้เราหยุดพักหรอก” แมตต์ปฏิเสธคำแนะนำของแคลร์และเจสซิก้า
“ผมรู้สึกว่าถ้าเรายอมแพ้แม้เพียงเล็กน้อย ก็จะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแน่”
“แต่ถ้านายยังฝืนทำแบบนี้ต่อไป ในการต่อสู้กับเดอะแฮนครั้งต่อไป นายอาจเป็นคนที่พลาดท่านะ” ลุคกล่าวขณะที่เขามองตรงไปที่แมตต์ “เราสูญเสียอาซิงไปแล้ว ฉันไม่อยากเห็นอะไรเกิดขึ้นกับนาย ดีเฟนเดอร์สไม่สามารถจะสูญเสียสมาชิกไปได้อีกแล้ว”
"..."
คำพูดของลุคทำให้แมตต์ตกอยู่ในความเงียบ
แมตต์ขยับแขนของเขาไปมา เขารู้ดีถึงสภาพของเขาในตอนนี้ เหมือนกับที่ลุคและคนอื่นๆ พูดไป ไม่มีทางเลยที่ร่างกายในตอนนี้ของเขาจะทนต่อการต่อสู้อันดุเดือดได้อีก
“พูดตามตรง มันไม่ใช่แค่นายเท่านั้นหรอก เราเองก็ต้องพักเหมือนกันแมตต์”
ลุคยังคงจ้องเขม็งไปทางแมตต์ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายผ่อนคลายขึ้น เขาจึงกล่าวต่อ "เราได้ต่อสู้กับเดอะแฮนและคนของคิงพินมาระยะหนึ่งแล้ว สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ด้วยการต่อสู้ที่ต่อเนื่องแบบนี้ ทุกคนได้มาถึงขีดจำกัดกันหมดแล้ว คราวที่แล้ว เจสสิก้าก็เกือบได้รับบาดเจ็บจากบูลส์อายเพราะเธอหมดแรง”
"ฉันแค่ฟุ้งซ่านไปเองน่า!"
เจสซิก้าทำหน้าบูดบึ้งและพูดแย้งขึ้นมา
เวสลีย์ “ทว่ามันอาจเป็นข้อผิดพลาดที่ถึงชีวิตได้”
เจสซิก้า “หุบปากกันให้หมด พวกนายนี้พูดมากเกินไปแล้วนะ!”
ในขณะที่เจสซิก้ากำลังโต้เถียง แมตต์ก็คล้อยตามคำพูดของลุค เขาลุกขึ้นยืน พยุงตัวเองขึ้นด้วยการใช้ไม้เท้าแล้วพูดกับดีเฟนเดอร์สว่า "ลุคพูดถูก ผมรีบเกินไปเอง เราได้ทำลายฐานของเดอะแฮนไปจำนวนหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องรับการโจมตีมากมาย การต่อสู้ครั้งต่อไปจะยิ่งอันตรายมากขึ้น เราต้องใช้เวลาพักฟื้นและเตรียมพร้อม”
...
"ฟิ้ว..."
เมื่อออกมาจากอพาร์ตเมนต์ของแคลร์ ลุคก็หันศีรษะและสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวัง
ดีเฟนเดอร์สได้หยุดพักชั่วคราวเนื่องจากอาการบาดเจ็บของแมตต์ ดังนั้นเขาจึงต้องการกลับไปที่ฮาร์เลมและตรวจสอบสถานการณ์ของย่านที่เขาเคยอยู่เสียหน่อย
“ดูเหมือนพวกนายจะมีช่วงเวลาที่ได้สนุกกับเจสซิก้าเยอะเลยนะ”
ทันใดนั้น เสียงแหบแห้งก็ได้ดังมาจากด้านหลังลุค
ลุคหันศีรษะไป เห็นชายคนหนึ่งผูกเน็คไทสีม่วงเดินมาหาเขา
...
[คะแนนชื่อเสียงจากโทนี่ สตาร์ค +55]
ในร้านขายของเก่า ไรอันมองไปที่คะแนนชื่อเสียงที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในหน้าจอข้อมูลของระบบ เขารู้สึกยินดีกับการที่ตนตัดสินใจให้ [เชลล์] ไปที่หน้าบริษัทสตาร์กอินดัสตรีส์เพื่อขายติ่มซำเหลือเกิน
ไม่ใช่ทุกคนที่จะให้คะแนนเขาจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างง่ายดายเหมือนกับโทนี่เลย
คะแนนที่เขาได้รับจากฝั่งเวสลีย์ที่ได้รื้อฐานของเดอะแฮนไปทีละฐาน ยังคงน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการพูดคุยกับโทนี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือ การเก็บคะแนนจากโทนี่ไม่ค่อยมีอันตรายนัก อย่างน้อยก่อนที่เขาจะกลายเป็นไอรอนแมน การเก็บคะแนนจากเขาก็เป็นสิ่งที่ปลอดภัยมากที่สุด
“แล้วนายว่ายังไงล่ะ?”
โทนี่กินติ่มซำในมือขณะที่มันยังร้อนอยู่ จากนั้นก็มองไปที่ [เชลล์] ในรถขายอาหารพร้อมกับเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “ตราบใดที่นายตกลง เริ่มตั้งแต่วันนี้ นายก็จะเป็นหนึ่งในพ่อครัวส่วนตัวของฉันเลยนะ เชื่อฉันเถอะ มันดีกว่าทำงานในรถขายอาหารจะตายไป”
"ไม่สนใจ" ขณะที่นวดแป้ง [เชลล์] ส่ายศีรษะและปฏิเสธคำเชิญของโทนี่
ทำไมเขาถึงทำแบบนี้น่ะเหรอ? แม้ว่าไรอันต้องการสะสมคะแนนจากโทนี่ แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการจะเป็นเชฟส่วนตัวของโทนี่หรอก ถึงมันจะทำให้เขาได้ใกล้ชิดมากขึ้นก็เถอะ
ทว่าเหตุผลที่แท้จริงส่วนหนึ่งคือ [เชลล์] ที่เป็นร่างแยกผสมการ์ดของระบบไม่สามารถคงร่างได้เกิน 20 ชั่วโมงต่อวัน
“ฉันเข้าใจแล้ว” ถึงโทนี่จะพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ "นายคงกังวลเรื่องเงินเดือนใช่หรือเปล่า? 100,000? 200,000? บอกราคามาได้เลย ตราบใดที่มันสมเหตุสมผล ฉันก็ยินดีจ่าย”
'ดูหน้าไอ้นายทุนขี้เหร่นี้สิ...'
ในร้านขายของเก่า เมื่อไรอันได้ยินคำพูดของโทนี่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
การที่เขาจะสามารถรู้สึกชอบผู้ชายที่นิสัยอย่างโทนี่ สตาร์คได้นี้มันดูจะเป็นเรื่องยากมากจริงๆ
มือของ [เชลล์] ได้หยุดลงชั่วครู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองโทนี่และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณสตาร์ก คุณอาจจะเป็นมหาเศรษฐี แต่มีบางสิ่งในโลกที่เงินไม่สามารถซื้อได้ ผมไม่ได้ทำอาหารเพื่อเงิน การทำอาหารน่ะเป็นสิ่งที่นำความสุขมาสู่ผู้คน"
“เพราะอย่างนั้นได้โปรดถอยออกไปก่อน มีคนกำลังรออยู่ข้างหลังคุณ”
"การทำอาหารน่ะเป็นสิ่งที่นำความสุขมาสู่ผู้คนงั้นเหรอ?"
[คะแนนชื่อเสียงจากโทนี่ สตาร์ค +70]
เมื่อมองไปที่โทนี่ซึ่งกำลังจมอยู่ในห้วงภวังค์ ร่างแยกในรถขายอาหารก็ยังคงมีใบหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม
ในร้านขายของเก่า ไรอันอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เพียงพูดคำเหมือนปรัชญาเล็กน้อย ก็ทำให้เขาได้คะแนนมาเป็นกอบเป็นกำแล้ว เมื่อได้พบกับโทนี่ ต่อจากนี้เขาคงไม่ต้องกลัวเลยว่าคะแนนชื่อเสียงจะหาได้ยาก