บทที่ 68: การยั่วยุ
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 68: การยั่วยุ
" 'เกี๊ยวนึ่งอัตราส่วนทองคำ' ที่หนึ่ง"
ณ นิวยอร์ก หน้าอาคารสตาร์กอินดัสตรีส์ มีผู้คนจำนวนมากเดินผ่านไปมาใกล้กับรถขายอาหารสีแดงมากมาย
ฟิลเข้าแถวอยู่ในคิว แต่งตัวเหมือนคนทั่วไป แต่ดวงตาของเขายังคงจ้องมองไปที่อาคารสตาร์คตรงหน้าเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
ดูเหมือนว่าวันนี้โทนี่ สตาร์คจะไม่อยู่ในออฟฟิศ
เขาเห็นว่าวันนี้ เปปเปอร์ พอต เลขาส่วนตัวของโทนี่มาที่บริษัทสตาร์กอินดัสตรีส์คนเดียว
ฟิลจึงได้ตัดสินใจในใจ ถอนสายตาและมองกลับไปยังรถขายอาหารตรงหน้า
กลิ่นของเกี๊ยวนึ่งลอยมาที่เขา ทำให้เจ้าหน้าที่องค์กรชีลด์ถึงกับกลืนน้ำลายลงไป
ตามทฤษฎีแล้ว ในฐานะที่เขาได้รับการฝึกฝนอย่าเป็นงมืออาชีพ เขาไม่ควรถูกครอบงำด้วยอาหารได้เลย...เว้นแต่ว่ามันจะอร่อยมาก
เห็นได้ชัดว่าอาหารที่ขายโดยรถขายอาหารคันนี้เป็นอาหารที่แม้แต่ผู้ที่ฝึกฝนมามากมายอย่างฟิลก็ไม่อาจต้านทานมันได้
หลังจากได้รับเกี๊ยวนึ่งแล้ว ฟิลก็มองไปที่เจ้าของรถขายอาหาร ซึ่งดูเหมือนเขา 'มีเรื่องราว' อยู่ตรงหน้า ด้วยนิสัยที่มักทำเป็นประจำ เขาจึงเผลอถามออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร "ดูเหมือนว่าคุณจะเพิ่งมานิวยอร์คไม่นานนี้สินะคัรบ"
ไม้นวดแป้งในมือของ [เชลล์] หยุดชั่วคราว เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของฟิล เขาก็แสดงสีหน้าไม่แยแสและถามกลับว่า "แล้ว?"
คำตอบของ [เชลล์] ได้กระตุ้นความสนใจของฟิล เขาจึงได้แต่ตอบไปว่า "ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่คิดว่าด้วยทักษะการทำอาหารของคุณ รถขายอาหารดูไม่น่าจะเป็นตัวเลือกแรกของคุณเลย"
"โลกแห่งการทำอาหารไม่ง่ายอย่างที่นายคิดหรอกนะ"
ดูเหมือน [เชลล์] จะไม่ค่อยอยากตอบเขาสักเท่าไร เขาก้มศีรษะลงและกระซิบถามด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม
"ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะครับ?"
ฟิลกระพริบตาปริบๆ พร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัย
"เฮ้ พวก..." ทว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่องค์กรชีลด์จะทำการสอบสวนเพิ่มเติมได้ ชายอ้วนหัวโล้นที่อยู่ข้างหลังเขาก็ได้บ่นขึ้นมาว่า "นายไม่เห็นคิวข้างหลังนายเหรอ? รีบไปสักทีเถอะ คนอื่นรออยู่"
เมื่อหันศีรษะและมองไปยังฝูงชนที่ไม่พอใจที่อยู่ข้างหลังเขา เจ้าหน้าที่โคลสันก็ได้แต่ต้องยอมแพ้ที่จะถามต่อ
นอกจากนี้เขายังมีภารกิจต้องทำด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสร้างปัญหาที่นี่ได้
“ขอโทษด้วยครับ”
เมื่อเดินออกจากรถขายอาหาร ฟิลก็หันศีรษะไปมองชายร่างกำยำในรถบรรทุก
ด้วยประสบการณ์ของเขาในฐานะเจ้าหน้าที่องค์กรลับ เขามีลางสังหรณ์ว่าอีกฝ่ายกำลังซ่อนความลับบางอย่างที่ไม่มีใครรู้อยู่
[คะแนนชื่อเสียงจากฟิล โคลสัน +40]
'แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้วสิ แต่ถึงมันจะไม่มี ฉันก็จะแสร้งทำเหมือนมี'
ในร้านขายของเก่า เมื่อดูจากคะแนนชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแผงข้อมูล ไรอันก็ในใจขึ้นมา
...
"นี่คุณเคยมีสติบ้างไหมเนี่ย?"
หลังจากศึกในท่าเรือคราวก่อน นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่ไรอันได้เห็นเจสซิก้าอีกครั้ง ส่วนทางด้านเจสซิก้า เธอไม่คิดหรอกว่าไรอันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาซิง
เธอเมาจนไม่อาจสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของไรอันได้เลย
"ฉันก็แค่อยากจะเมาตลอดเวลาเท่านั้นแหละ"
เจสซิก้ากลืนไวน์ในมือของเธออย่างหมดอารมณ์ "ด้วยวิธีนี้ ฉันก็ได้จะไม่จำเป็นต้องจำเรื่องที่น่ารำคาญพวกนั้น"
“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
ในฐานะสมาชิกของทีมและเป็นตัวเอกของการต่อสู้ที่ท่าเรือ ไรอันย่อมรู้ว่าเจสซิก้ากำลังพูดถึงอะไร ทว่าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกเปิดเผย เขาจึงยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้และถามว่า "มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?"
ด้วยอิทธิพลของแอลกอฮอล์ เจสซิก้าไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับการต่อสู้ท่าเรือ เธอเปิดเผยอย่างตรงไปว่า "เราตกหลุมพรางของเดอะแฮนและมีคนเสียชีวิตเพราะเรื่องนี้
เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดูเขาตายลงไป และทั้งหมดเป็นเพราะฉัน เวรเอ้ย! ถ้าฉันไม่โง่จนติดกับดักนั้น บางที...เขาคงไม่ต้องช่วยฉัน เรื่องทั้งหมดนี้คงไม่เกิดขึ้น..."
เมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น เจสซิก้าจึงไปหาชายที่บอกข้อมูลนี้ให้เธอฟัง และทุบตีเขาอย่างรุนแรงจนเขาต้องใช้เวลาฟื้นฟู 3 ถึง 5 ปีจึงจะสามารถเดินได้อีกครั้ง
แต่แล้วยังไงล่ะ? ถึงจะทำมันลงไป อาซิงก็ไม่กลับมามีชีวิตอยู่ดี
[คะแนนชื่อเสียงจากเจสซิก้า โจนส์ +110]
เมื่อมองไปที่คะแนนบนระบบ ไรอันก็ได้แต่เลิกคิ้วขึ้น เขาไม่คิดเลยว่าการกระทำของเขาจะทำให้เจสซิก้ารู้สึกเศร้าขนาดนี้
เมื่อมองดูร่างเล็กนี้กลืนไวน์ลงไปอีก ไรอันก็รู้สึกผิดในใจพอสมควร
ทว่ามันก็แค่ความรู้สึกผิด เรื่องที่สำคัญตอนนี้คือคะแนนต่างหาก ไรอันจะไม่คิดเปิดเผยตัวเองเพราะรู้สึกผิดเด็ดขาด จะให้เขาบอกความจริงว่าตัวเขาเป็นอาซิงเนี่ยนะ
หลังจากควบคุมอารมณ์ได้แล้ว ไรอันก็ยังคงแสดงบทบาทของเขาในฐานะบุคคลที่สามที่เป็นหนึ่งในจุดติดต่อของกลุ่มภาคีต่อไป
"ผมรู้สึกเสียใจแทนคุณด้วยเจสซิก้า แต่ผมคงต้องบออะไรคุณบางอย่าง ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทุกสิ่ง ในสายตาของกลุ่มภาคี ความตายคือจุดเริ่มต้น มันเป็นตัวแทนของความหวังและความเชื่อมั่นในชีวิต ผมคิดว่าคนที่ช่วยคุณก็มีความเชื่อเหมือนกันกับกลุ่มภาคีของเรา นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต่อสู้เคียงข้างคุณ"
"ความเชื่อเหรอ?"
เจสซิก้าวางขวดไวน์ในมือลง พึมพำและพูดซ้ำคำนั้น
ในร้านขายของเก่า ขณะที่คำพูดดังขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าที่เคยสับสนของเจสซิก้าก็กลับมามีสติมากขึ้นกว่าเดิม เธอจับผมยุ่งๆ ของเธอแล้วเงยหน้าขึ้นมองไรอัน "ภาคีสามารถช่วยเราเอาชนะเดอะแฮนได้ไหม?"
ไรอันเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำถามของเธอ
ข้อเสนอของเจสซิก้าค่อนข้างจะคาดไม่ถึงเลย แต่สำหรับไรอัน มันก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้มากจริงๆ
ก่อนหน้านั้นไรอันกำลังคิดว่าเขาควรจะปรากฏตัวต่อหน้าดีเฟนเดอร์สอีกครั้งอย่างไรดีหลังจากที่อาซิงตายไป
แม้ว่าเขาจะรู้สึกตื่นเต้น แต่ภายนอกแล้ว ไรอันก็ยังคงรักษาใบหน้าอันสงบนิ่งของผู้ติดต่อกับภาคีไว้เช่นเดิม
"ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้ว กลุ่มภาคีจะไม่เปิดฉากโจมตีเดอะแฮนอีกครั้งโดยปราศจากแผนการที่แน่นอน"
"ภาคีเป็นกลุ่มผู้ผดุงความยุติธรรมไม่ใช่หรือไง? ฆ่าหนึ่งเพื่อช่วยคนจำนวนมากไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมพวกนายไม่มาช่วยกันล่ะ? นั่นมันข้อแก้ตัวชัดๆ! สิ่งที่เรียกว่าภาคีมันก็แค่กลุ่มคนที่หลบหนีซ่อนตัวเพราะหวาดกลัวพวกเดอะแฮนก็เท่านั้น"
น้ำเสียงของเจสซิก้าดูก้าวร้าวมาก เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจจะทำให้ไรอันหงุดหงิด
ดังนั้นไรอันจึงได้แต่ทำเป็นครุ่นคิดและพยักหน้าอย่างเงียบๆ
"ผมเข้าใจ ผมจะถ่ายทอดคำพูดของคุณไปยังภาคี
แต่ผมไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ได้"
"แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ขอบคุณ"
เจสสิก้าขอบคุณเขาเบาๆ ขณะที่มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย