บทที่ 65: สินทดแทนจำเป็นจะต้องถูกยกเลิก ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งย่อมดำเนินต่อไป!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 65: สินทดแทนจำเป็นจะต้องถูกยกเลิก ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งย่อมดำเนินต่อไป!
“ท่านหลิน ท่านมีความคิดเห็นเช่นไร?” จักรพรรดินีเอ่ยถามขึ้นมา
หลินเป่ยฟานโค้งคำนับให้และพูดบางอย่างที่น่าตกตะลึง “ฝ่าบาท ข้าเชื่อว่าสินทดแทนนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและควรจะถูกยกเลิกไปเสีย!”
ทันทีที่เขากล่าวจบ ทั่วทั้งราชสำนักก็ตกอยู่ในความโกลาหล
“ยกเลิกสินทดแทนงั้นเหรอ? เราพยายามเจรจาเรื่องสินทดแทนกันอย่างหนัก แต่เจ้ากลับต้องการให้เรายกเลิกมันเนี่ยนะ?”
“เจ้าอยากจะให้เราสละเงิน 3 ล้านตำลึงต่อปี? มันสมเหตุสมผลตรงไหนกัน?”
“ท่านหลิน ท่านได้รับสินบนจากราชทูตดาร์โรหรือไม่ ทำไมท่านต้องเข้าข้างพวกเขาด้วย?”
“ท่านหลิน ท่านรู้ไหมว่านี่หมายความว่าอะไร? ท่านกำลังทรยศต่อองค์จักรพรรดิและทรยศต่ออาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ของเรา! ท่านสามารถพิสูจน์ความภักดีต่อองค์จักรพรรดินีได้หรือไม่?”
“ฝ่าบาท กระหม่อมต้องการทูลฟ้องขุนนางระดับสูงคนใหม่ ผู้อำนวยการสถาบันจักรพรรดิ หลินเป่ยฟาน!”
หลินเป่ยฟานยังคงสงบเงียบ เขาหันหน้าไปทางเหล่าขุนนางด้วยสายตาที่เย็นชา
จักรพรรดินีเองก็สงบเงียบเช่นเดียวกัน "จงเงียบ! เรามาฟังสิ่งที่ท่านหลินพูดก่อนเถอะ”
“ฝ่าบาทและเหล่าเสนาบดีทุกท่าน ก่อนที่เราจะหารือเรื่องค่าทดแทนนี้ โปรดมาดูสถานการณ์ในดาร์โรก่อน” หลินกล่าว
“เดิมทีอาณาจักรดาร์โรเป็นดินแดนชายแดนเล็กๆ ของอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ของเรา โดยมีประชากรเพียงสิบล้านกว่าคนและมีทรัพยากรที่จำกัด ผู้คนที่นั่นยากจนมาก เทียบไม่ได้กับอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ของเราเลย!”
“มีรายงานว่ารายรับจากคลังต่อปีของพวกเขาแทบจะไม่ถึง 8 ล้านด้วยซ้ำ! หากเกิดภัยแล้งหรือภัยพิบัติทางทหาร รายได้จากคลังนี้คงจะลดลงอย่างมาก!”
“ในอดีตพวกเขาได้มีความขัดแย้งกับอาณาจักรอู๋อันยิ่งใหญ่ของเราและพวกเขาพ่ายแพ้ ซึ่งทำให้สถานการณ์ของพวกเขาแย่ลงไปอีก!”
“ด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ การต้องจ่ายเงิน 3.2 ล้านตำลึงต่อปีนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจรับไหวแน่!”
“ข้าคิดว่าฝ่าบาทและท่านเสนบาดีทุกท่านคงน่าจะทราบเรื่องนี้กันแล้ว!”
บรรยากาศในพระราชวังทองคำพลันเริ่มเงียบลงไปขณะที่พวกเขาฟังการวิเคราะห์ของหลินเป่ยฟาน
“ดังนั้นเงินทดแทนนี้จะเป็นการคร่าชีวิตของประชาชนชาวดาร์โร! ผู้คนที่นั่นมีชีวิตที่ยากลำบากอยู่แล้ว และยามนี้พวกเขาต้องแบกรับภาระพิเศษนี้ไว้ ซึ่งจะทำให้ชีวิตของพวกเขายากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“การอดทนหนึ่งปีอาจเป็นไปได้ แต่หากสองหรือสามปีล่ะ?”
“ผู้ใดจะยอมแบกรับภาระหนักเช่นนี้ตลอดไป?”
“ในระยะยาว มันจะต้องสร้างความโกรธแก่ประชาชนอย่างแน่นอน! ซึ่งเมื่อถูกถูกความโกรธเข้าครอบงำ เป้าหมายของพวกเขาจะเป็นสิ่งใดได้? มันจะมีอะไรอีกนอกจากอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ของเรา?”
ราชสำนักเกิดความโกลาหลอีกครั้ง!
หลินเป่ยฟานกล่าวต่อออกมาอย่างเร่งรีบ “เพราะพวกเราเป็นคนที่สร้างภาระอันหนักหน่วงนี้ให้กับพวกเขา พวกเขาย่อมเกลียดเราและหาทางแก้แค้นพวกเราเป็นธรรมดา!”
“ข้าขอสรุปได้เลยว่าความขัดแย้งภายในจะปะทุขึ้นอีกครั้งภายในสามปี!”
ทั้งราชสำนักตกอยู่ในความโกลาหลมากยิ่งกว่าเดิม
เหล่าขุนนางทุกคนต่างเข้าใจในคำพูดของหลินเป่ยฟานเป็นอย่างดี!
แม้แต่ใบหน้าของจักรพรรดินีก็เปลี่ยนไป
“สินทดแทนนี้เปรียบเสมือนกับการประกาศสงครามอย่างแท้จริง! หากเราเพิกเฉยต่อมา อีกสามปีต่อจากนี้เราจะต้องทำสงครามกับดาร์โร!” เสียงของหลินเป่ยฟานหนักแน่น
“ถ้าหากพวกเขาคิดสู้ เราจะต้องกลัวพวกเขาด้วยเหรอ?” เสนาบดีชรากล่าวท่าท้าย
หลินเป่ยฟานหัวเราะเยาะออกมา “ท่านหวัง พูดง่ายกว่าทำ! ท่านรู้หรือไม่ว่าต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพียงใดในการเริ่มสงคราม? ต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรมากแค่ไหน?”
“ข้าขอตอบให้ท่านรู้ กองทหาร 100,000 นายกินข้าวสาร 400,000 ชั่งต่อวัน! จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในปัจจุบัน มันจำเป็นต้องใช้เงิน 2.5 ตำลึงต่อเมล็ดพืช 100 ชั่ง ดังนั้นเมล็ดพืช 400,000 ชั่งย่อมต้องใช้เงิน 10,000 ตำลึง!”
“นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนกองกำลังรบหลัก เราจำเป็นต้องมีบุคลากรขนส่งเกือบสองเท่า สรุปแล้วคือ 200,000 คน บริโภคข้าวสาร 800,000 ชั่งต่อวันและเป็นเงิน 20,000 ตำลึง!”
“ซึ่งเรายังต้องจัดการกับกองทัพของดาร์โร! จากบันทึกสงครามที่ผ่านมา เราต้องส่งกองกำลังรบหลัก 300,000 นายออกไปเพื่อจัดตั้งกองประชันหน้า! ดังนั้นเพียงวันเดียว เราก็ต้องบริโภคข้าวสารถึง 60,000 ตำลึงต่อชั่ง!”
“หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี สงครามคงจะสิ้นสุดภายในสามเดือน! ทว่าการบริโภคธัญพืชและข้าวสารเพียงอย่างเดียวในสามเดือนนั้นกลับต้องทำให้เราเสียเงินถึง 5.4 ล้านตำลึง! หากการรบไม่เป็นไปด้วยดี อัตราการบริโภคก็จะยิ่งสูงขึ้นอีก!”
“นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรวัตถุอื่นๆ ด้วยเช่น เกราะ ม้า คันธนูและลูกธนู ซึ่งก็มีค่าอัตราการบำรุงรักษาเช่นเดียวกันกับข้าวสาร นี่เป็นตัวเลขที่คาดการณ์คร่าวๆ โดยที่ยังไม่ได้คำนวณ!”
“เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่า กระสุนปืนใหญ่ทุกลูกมีราคาหนึ่งพันทอง!”
หลินเป่ยฟานมองไปที่เสนาบดีพร้อมกับถามเขาว่า “ท่านหวัง ท่านยังคิดว่าการรบเป็นเรื่องง่ายอีกไหม? นี่คือเงินทั้งหมดที่ต้องเสียไป แม้ว่าคลังสมบัติของเราจะมีเพียงพอ แต่การใช้จ่ายกับสงครามมากมายเช่นนี้ถือเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง! มันคุ้มค่าไหมกับสงครามที่ต้องเสียหลายล้านตำลึงเพียงเพื่อเงินทดแทนไม่กี่ล้านตำลึง?”
“ยิ่งกว่านั้น ศัตรูที่เราต้องเผชิญไม่ใช่แค่ดาร์โรเท่านั้น! มีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อยู่มากมาย ความทะเยอทะยานและสายตาของพวกเขาล้วนจับจ้องมาที่เรา พวกเขาสามารถบุกโจมตีที่ราบตอนกลางได้ตลอดเวลา! อีกทั้งยังมีผู้ปกครองดินแดนส่วนรอบนอกที่เราต้องระวังอีก!”
อีกฝ่ายเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงเริ่มไม่มั่นใจนักในการตัดสินใจของตน
หลินเป่ยฟานโค้งคำนับและกล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียด “ด้วยเหตุนี้ การตัดสินจึงไม่ควรทำโดยประมาท! ฝ่าบาทโปรดตระหนักด้วย!”
จักรพรรดินีพยักหน้า “คำพูดของท่านหลินฟังดูสมเหตุสมผล!”
“เช่นนั้นเราควรทิ้งสินทดแทนนี้ไปดีไหม? ถ้าเราไม่เอามา ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้อาณาจักรดาร์โรแข็งกร้าวขึ้นหรือ? หากเราไม่รับมา เราจะตอบแทนเหล่าทหารที่เสียสละเพื่อพวกเราได้ยังไงกัน?” เสนาบดีกล่าว
“เราต้องไม่ทิ้งมันไปอยู่แล้ว! ทว่าเราสามารถใช้วิธีอื่นเพื่อเอามันมาได้!” หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา