บทที่ 610: มันเป็นหลุมดำ
หูเจียวเจียวนิ่งค้างไปชั่วครู่แล้วเงยหน้าขึ้นมองก้อนหินสีทองด้วยความประหลาดใจ
“นะ-นี่เจ้าพูดได้ด้วยหรือ?”
“แน่นอน บิดาพูดได้ บิดาทั้งฉลาดและทรงพลัง บิดาเป็นคนที่มีความสามารถทุกอย่าง ทั่วทั้งสวรรค์และโลกนี้ไม่มีใครสู้บิดาได้…” เจ้าหินอ้วนพูดด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
“เดี๋ยวนะ ช้าก่อน ในเมื่อเจ้ามีความสามารถทำได้ทุกอย่าง งั้นเจ้าบอกข้ามาก่อนได้ไหมว่าเจ้าเป็นใคร แล้วเมื่อกี้เจ้ากินอะไรเข้าไป?” จิ้งจอกสาวขมวดคิ้วพูดขัดจังหวะก้อนหินที่เรืองแสงได้
สัญชาตญาณบอกเธอว่าถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายพูดต่อไป เธอคงไม่รู้ว่าวันนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่
ทันทีที่เจ้าก้อนหินตัวกลมถูกขัดจังหวะ มันก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
แต่พอมันเห็นว่าหญิงสาวกำลังทำหน้ายุ่ง มันก็ยู่ริมฝีปากตัวเองแล้วกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า
“เอาล่ะ เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้ามอบอาหารให้บิดากินมากมาย บิดาจะบอกตัวตนของตัวเองให้เจ้าได้รู้ก็ได้ บิดาคือเหยียนหุน สมบัติที่ล้ำค่าและหายากที่สุดในโลก!”
เจ้าก้อนหินอ้วนเลิกคิ้วที่ไม่มีอยู่จริงพลางมองไปที่จิ้งจอกสาวอย่างภาคภูมิใจ
“ว่าไง เจ้าเริ่มกลัวบิดาขึ้นมาแล้วงั้นหรือ?”
“...” คำพูดและท่าทางของหินสีทองทำให้หูเจียวเจียวพูดไม่ออกไปชั่วครู่
ทำไมไอ้ก้อนหินนี้ถึงได้หลงตัวเองขนาดนี้?
“เหยียนหุนคืออะไร? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”
“นี่เจ้าไม่รู้จักเหยียนหุนงั้นรึ เจ้านี่มันช่างเป็นผู้หญิงที่โง่เขลาเสียจริง!” หินทรงกลมรู้สึกโมโหมากจนมีดวงตาเล็ก ๆ 2 ลูกโผล่ออกมาจากปากของมัน แล้วมันก็ใช้ดวงตาที่เหมือนเมล็ดถั่วเขียวนั้นจ้องมองจิ้งจอกสาวด้วยความโกรธ
ในเวลาเดียวกัน กรงเล็บอันเล็กก็ชี้หน้าคู่สนทนาไปด้วย
ทว่าหูเจียวเจียวเชิดคางขึ้นเพื่อรอคำอธิบายแบบไม่เกรงกลัว
“ข้าไม่รู้จัก สรุปว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?”
“เหยียนหุนก็คือ... คือ...” เจ้าก้อนหินตกตะลึง มันไม่เคยพบเจอผู้หญิงหน้าด้านเช่นนี้มาก่อน
เหยียนหุนพูดติดอ่างในระหว่างที่มันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นมันก็เห็นศพของกู่สือ มันจึงยื่นกรงเล็บออกมาแล้วชี้ไปที่ศพ
“เมื่อกี้เจ้าเห็นวิญญาณของเจ้าลูกครึ่งจิงหลิงนั่นไหม ทั้งจิงหลิงและจิงผั่วต่างก็เป็นอาหารของเหยียนหุนแบบเรา!”
ก้อนหินตัวกลมพูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นราวกับว่าคำอธิบายนี้น่าภาคภูมิใจสำหรับสถานะอันสูงส่งของมันมาก
หูเจียวเจียวผงะไปทันที “เขาเป็นจิงหลิงจริง ๆ หรือ?”
แล้วจิงผั่วที่เจ้าก้อนหินว่ามันหมายถึงวิญญาณหรือเปล่า?
ต่อมา เหยียนหุนเหยียดกรงเล็บออกแล้วแกว่งไปซ้ายทีขวาที “ไม่ ๆ เขาถือได้ว่าเป็นแค่ลูกครึ่งจิงหลิงเท่านั้น และเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทที่น่าขยะแขยงที่สุด บิดากินเจ้าสิ่งนี้ไปก็ยังไม่ได้ครึ่งท้องของบิดาเลย”
“แล้วเหตุใดเมื่อกี้เจ้าถึงใช้เวลาเยอะมากกว่าจะดึงมันออกมาได้?” จิ้งจอกสาวยังคงยิงคำถามต่อไป
“!!!”
ผู้หญิงคนนี้น่ารำคาญเสียจริง!
จากนั้นมันก็หันหลังให้กับหญิงสาวด้วยท่าทางแง่งอน
ฮึ! ข้าโมโหแล้วนะ ข้าไม่อยากคุยกับนางอีกต่อไปแล้ว!
ทว่าหูเจียวเจียวไม่มีเวลามาใส่ใจกับอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ของมัน เธอมองดูศพของกู่สืออีกครั้ง พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้เธอก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา
ใครจะไปคาดคิดว่าเธอเพิ่งเห็นผีในโลกภูต
เธอคงปล่อยศพนี้ทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อจิ้งจอกสาวคิดได้ดังนั้น เธอก็หยิบน้ำมันเบนซินออกมาจากในมิติพร้อมกับไม้ขีดไฟ ก่อนจะจุดไฟเผาศพกู่สือโดยไม่ลังเล
เจ้าสิ่งนี้มันทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัว เธอจึงต้องรีบจัดการมันให้เร็วที่สุด
ทางด้านเหยียนหุนที่รอให้หูเจียวเจียวมาง้อตัวเองอยู่นานก็รีบหันหลังกลับไปดู แล้วมันก็พบว่านางกำลังเผาศพของกู่สืออยู่
เจ้าหินอ้วนกลมเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดเตือนเสียงดัง “วิญญาณของเขาหายไปแล้ว เขาไม่มีทางทำร้ายเจ้าได้อีกต่อไป”
“กันไว้ก่อนเป็นการดีที่สุด” จิ้งจอกสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเหยียนหุน
จากนั้นหูเจียวเจียวก็เดินกลับไปหาหลงโม่อีกครั้ง
บาดแผลบนร่างกายของมังกรหนุ่มค่อนข้างร้ายแรง และเธอไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร เธอจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามช่วยเขาทำแผลเพราะกลัวว่าหากเธอจัดการได้ไม่เหมาะสม อาการบาดเจ็บของเขาก็จะรุนแรงขึ้น ดังนั้นหญิงสาวจึงทำได้เพียงสวดภาวนาขอให้เตี๋ยฉ่ายรีบพาหูหลินกับหลงหลิงเอ๋อมาที่นี่
ถ้ามีหมอผีตัวน้อยอยู่ใกล้ ๆ หลงโม่ อย่างน้อยมันก็รับประกันได้ว่าเขาจะไม่มีทางเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
“ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่อีก?” หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก หูเจียวเจียวก็หันหน้าไปมองเหยียนหุนที่อยู่ข้าง ๆ
“เจ้ามันเป็นผู้หญิงอกตัญญู บิดาเพิ่งช่วยชีวิตพวกเจ้าเอาไว้ ทำไมเจ้าถึงขับไล่บิดาออกไปแบบนี้ บิดารู้สึกปวดใจจริง ๆ...”
หินสีทองจ้องมองจิ้งจอกสาวในขณะที่ใช้กรงเล็บข้างหนึ่งกุมหน้าอกตัวเองไว้
แม้ว่าหูเจียวเจียวจะไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของมันได้ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงทักษะการแสดงที่เกินจริงของมันได้อย่างชัดเจน
“ข้าเก็บเจ้าไว้ในมิติตลอดเวลาไม่ใช่หรือ ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงโผล่ออกมาได้? แล้วเจ้ากลับเข้าไปเองไม่ได้หรือ?” หูเจียวเจียวหรี่ตามองก้อนหินอ้วน
เหยียนหุนตัวแข็งทื่อไปทันที
“ใคร-ใครพูดแบบนั้น ที่บิดาออกมาเป็นเพราะได้กลิ่นของอร่อย ๆ หรอกน่า บิดาอยู่ในมิติของเจ้ามานานมากแล้ว บิดาอยากจะออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้างไม่ได้หรือ!”
เจ้าก้อนหินน้อยหันไปตอบเสียงตะกุกตะกัก ท่าทางของเขาดูแตกต่างจากเมื่อกี้มาก
มันจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าตัวมันนั้นไม่อยากแยกจากมิติของนางที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรสทุกชนิดไม่ได้
แม้ว่าอาหารอร่อยที่มันกินเข้าไปจะไม่ได้บำรุงจิตวิญญาณของมันได้เท่ากับจิงผั่วหรือจิงหลิง แต่อย่างน้อยรสชาติมันก็อร่อยถูกปากมาก!
ใครจะกล้าปฏิเสธอาหารอันโอชะมากมายแบบนั้นได้ล่ะ!
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นท่าทางของเหยียนหุน เธอก็ได้รับคำตอบที่ตัวเองสันนิษฐานไว้ในใจ
ก้อนหินก้อนนี้คงออกมาเองได้แต่ไม่สามารถกลับเข้าไปได้ ไม่เช่นนั้นหากพิจารณาจากนิสัยของมันแล้ว มันคงไม่รั้งรออยู่ที่นี่นานเกินไปแน่นอน
ถัดมา จิ้งจอกสาวหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว เจ้าก็อยู่ข้างนอกเถอะ ข้าไม่ได้คิดที่จะขังเจ้าไว้ข้างในนั้นอีก”
“???”
“ไม่ ไม่ได้นะ!” เหยียนหุนตะโกนคัดค้าน
ทันทีที่มันพูดจบ มันก็เห็นผู้หญิงตรงหน้าเลิกคิ้วมองตนอย่างอารมณ์ดี ขณะนั้นมันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกล้อเลียน
ก้อนหินสีทองกลืนน้ำลายและรีบคิดหาคำมาอธิบาย
“บิดาเป็นคนที่ช่วยชีวิตเจ้าและคู่ของเจ้านะ เจ้าจะปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณแบบนี้ไม่ได้!”
“อีกอย่าง... นอกจากนี้ บิดาเป็นถึงเหยียนหุน เจ้ารู้ไหมว่ามีภูตกี่คนในโลกนี้ต้องการตัวบิดา พวกเขาสวดอ้อนวอนขอกับเทพอสูรอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วเจ้า…”
เจ้าจะปล่อยให้บิดาหลุดมือไปจริง ๆ หรือ?
ผู้หญิงคนนี้ต้องไม่รู้แน่ว่าตัวมันทั้งทรงพลังและล้ำค่ามากแค่ไหน
ใช่! นางคงโง่เกินไปสินะถึงไม่เห็นค่าของเหยียนหุนเช่นบิดา!
ยามนี้เจ้าหินอ้วนกลมน้ำตาแทบจะไหลเพราะความไม่รู้ของหูเจียวเจียว
ถ้าเป็นภูตคนอื่น คนพวกนั้นคงจะผูกมัดเหยียนหุนเอาไว้ข้างกายไม่ยอมปล่อยไปไหนแน่ คงมีแต่หญิงสาวแปลกประหลาดคนนี้ที่ขับไล่มันออกไปแบบไม่ไยดี
ทางด้านหูเจียวเจียวกอดอกยืนเฝ้าดูก้อนหินสีทองดิ้นรนอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ
หลังจากที่มันพูดจบ มันก็พบว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่สนใจข้ออ้างของมันเลยสักนิด และนั่นก็ทำให้มันยิ่งรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น
ผู้หญิงคนนี้น่ารำคาญชะมัด!
ก้อนหินอ้วนส่ายหัว ก้มหน้าลง แล้วในที่สุดมันก็กลั้นใจพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า
“บิดาอยากจะอยู่กับเจ้า ตกลงไหม!?”
หูเจียวเจียวหัวเราะในลำคอ ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “เจ้าทรงพลังขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงอยากอยู่กับผู้หญิงอกตัญญูอย่างข้าล่ะ?”
เหยียนหุนกัดฟันพูดไม่เต็มเสียง “เพราะในมิติของเจ้ามีของกิน”
ผู้หญิงคนนี้จะทำเกินไปแล้ว มันไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่น่ารำคาญเท่านางมาก่อน
“อ๋อ~” จิ้งจอกสาวลากเสียงยาว “เป็นเจ้านั่นเองที่ขโมยเหยื่อในมิติของข้าไป”
มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นเธอพบว่าเหยื่อในมิติเหลือน้อยลง
เมื่อกี้นี้หญิงสาวเพิ่งเข้าไปในมิติเพื่อหยิบน้ำมันเบนซินออกมา ด้วยความเร่งรีบเธอจึงไม่ทันได้สังเกตรอบ ๆ มากนัก
พอหูเจียวเจียวได้ยินที่เหยียนหุนสารภาพออกมา เธอก็เพ่งสมาธิมองเข้าไปในมิติอย่างละเอียดอีกครั้ง
เมื่อเธอเห็นภาพข้างใน ใบหน้าของเธอก็ขุ่นมัว
“นี่เจ้ากินเหยื่อในมิติของข้าไปหมดเลยหรือ!?”
ก้อนหินก้อนเล็ก ๆ แบบนั้นจะเขมือบเหยื่อกองเท่าภูเขาไปจนหมดได้อย่างไรกัน?
แม้แต่ภูตโตเต็มวัยก็ยังต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะกินเหยื่อพวกนั้นหมด นี่มันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดาแล้ว แต่เป็นหลุมดำต่างหาก!
นอกจากนี้จิ้งจอกสาวยังเห็นเศษบางอย่างอยู่บนพื้นในมิติบางส่วน
เจ้าก้อนหินนี่ไม่ได้กินแค่เหยื่อเท่านั้น แต่มันยังกินสิ่งที่ไม่ใช่อาหารเข้าไปด้วยงั้นหรือ?
ขณะเดียวกัน เหยียนหุนจิ้มกรงเล็บของตัวเองเข้าด้วยกันอย่างอับอาย ทันใดนั้นเสียงของมันที่เคยห้าวหาญก็ถูกบีบให้เล็กแหลมเหมือนเด็กผู้หญิง
“บิดาอยู่ในวัยกำลังโตน่ะ...”