บทที่ 609: กินมันให้หมด
“ท่านพ่อ! นี่มันตัวอะไร ทำไมมันถึงกัดท่าน!?” ใบหน้าเล็ก ๆ ของหลงเหยายับย่นด้วยความกังวล ในขณะที่เขาคว้าจับชายเสื้อของแม่จิ้งจอกเอาไว้แน่น
หน้าของท่านพ่อซีดมาก ท่านพ่อจะไม่ถูกเจ้านั่นกัดตายใช่ไหม!?
ขณะนี้หูเจียวเจียวที่ถูกตรึงข้อมือเอาไว้มองหลงโม่อย่างเป็นกังวล
“แต่...”
“ฟังข้านะ เจ้าพาเหยาเอ๋อกลับบ้านไปกับเจ้าก่อน” มังกรหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขณะมีเม็ดเหงื่อปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา
พร้อมกันนั้นเส้นเลือดบนขมับก็ปูดออกมา ท่าทางของชายหนุ่มมันบ่งบอกว่าเขาต้องทนกับความเจ็บปวดแสนสาหัสมากเพียงใด
ปากสีแดงขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามากัดนั้นเหมือนกับแมลงดูดเลือด มันคลานเข้าไปในไหล่ของหลงโม่ และในเวลาไม่กี่วินาที ตัวของมัน 1 ใน 3 ก็ทะลุเข้าไปภายในเนื้อหนังของเขาแล้ว
ทางด้านจิ้งจอกสาวกัดฟันแน่น ในเวลาแบบนี้เธอจะกล้าปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไร?
ส่วนเตี๋ยฉ่ายที่เพิ่งรู้สึกตัวก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
“อะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อกี้นางเห็นแสงสีแดงผ่านหางตาแวบหนึ่ง จากนั้นนางก็ไม่เห็นอะไรอีก
ทันทีที่หญิงสาวหันไปมองหลงโม่ นางก็เห็นเพียงว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่
ในขณะที่หูเจียวเจียวเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่ได้อย่างชัดเจน
“เตี๋ยฉ่าย เจ้าไม่เห็นหรือ?”
“ข้าต้องเห็นอะไรหรือ?”
เจ้าของนัยน์ตาสีชมพูมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสับสน
ทันใดนั้นหัวใจของจิ้งจอกสาวก็กระตุกวูบ เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ ทำไมมีเพียงพวกเธอเท่านั้นที่มองเห็นมัน หรือว่ากู่สือจะกลายเป็นจิงหลิงจริง ๆ?
แล้วอีกอย่างที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนรนนั่นเป็นเพราะในมิติของเธอไม่มีอะไรที่เอาไว้ขับไล่วิญญาณชั่วร้ายหรือผีได้เลย!
ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังกังวล จู่ ๆ ร่างสูงก็ค่อย ๆ ล้มลง
“หลงโม่!” หูเจียวเจียวร้องอุทานเสียงดังและรีบเข้าไปพยุงร่างที่กำลังจะล้มของคนรัก แต่เนื่องจากความแตกต่างของขนาดตัวทำให้ทั้งคู่เซจนเกือบจะล้มลงกับพื้นพร้อมกัน
ยามนี้มังกรหนุ่มหลับตาแน่น แล้วไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็หมดสติไป
“นี่มันอะไรกัน!? เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับเขา…” เตี๋ยฉ่ายที่สติแตกถามคำถามย้ำซ้ำ ๆ
เมื่อกี้เขายังดี ๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ แต่ทำไมจู่ ๆ เขาถึงหมดสติไปล่ะ?
เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้รับบาดเจ็บเพราะกู่สือ?
แต่กู่สือตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าเตี๋ยฉ่ายจะกลัวหลงโม่ แต่นางก็รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นผู้พิทักษ์ของหูเจียวเจียว แล้วจิ้งจอกสาวก็เป็นที่พึ่งของนาง ซึ่งหมายความว่าตอนนี้จะเกิดอันตรายกับเขาไม่ได้
ขณะเดียวกัน หูเจียวเจียวเม้มริมฝีปากแน่นเพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน
“เจียวเจียว เราควรทำยังไงดี…”
หลงโม่จะไม่ตายใช่ไหม?
เตี๋ยฉ่ายถามด้วยความหวาดกลัว
จิ้งจอกสาวขมวดคิ้วมุ่นพลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของผู้เป็นสามีพร้อมกับพยายามตั้งสติและคิดหาทางแก้ไขปัญหา
“เตี๋ยฉ่าย เจ้าพาเหยาเอ๋อกลับไปที่เผ่าก่อนแล้วไปเรียกให้หัวหน้าเผ่ามาช่วยเรา ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่” หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ พอพ่นลมออกมาเธอก็หันไปบอกอีกคน
หากทุกคนยังคงรั้งอยู่ที่นี่ มันอาจจะเกิดอันตรายได้ตลอดเวลา
อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ก็ยังรับประกันได้ว่าเตี๋ยฉ่ายและเหยาเอ๋อจะปลอดภัย
“แต่...” หญิงสาวผู้มีดวงตาสีชมพูยังคงลังเล นางอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่หูเจียวเจียวก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“นอกจากนี้เจ้ารีบไปหาหลิงเอ๋อด้วย บางทีนางอาจจะช่วยหลงโม่ได้”
ทันทีที่หลงเหยาได้ยินแม่จิ้งจอกพูด เขาก็จับมือเตี๋ยฉ่ายโดยไม่ลังเล แล้วเงยหน้าขึ้นพูดเร่งเร้าคนโตกว่าด้วยเสียงเล็กแหลม
“ป้าเตี๋ย เรารีบไปกันเถอะ! เราต้องรีบกลับไปขอให้ท่านตาหลินกับพี่สี่มาช่วยท่านพ่อให้เร็วที่สุด”
ขณะนี้แววตาของมังกรน้อยแน่วแน่มาก มันไม่มีร่องรอยความกลัวอยู่ในดวงตาสีทับทิมเลยแม้แต่นิดเดียว
จู่ ๆ เตี๋ยฉ่ายก็รู้สึกละอายใจ กลายเป็นว่าตัวนางสู้เด็กคนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“เอาล่ะ เรารีบกลับไปหาพวกเขากันเถอะ!” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นพร้อมกระชับมือเล็ก ๆ ของเด็กชาย ก่อนจะหันไปมองหูเจียวเจียวแล้วพูดว่า
“เจียวเจียว รออยู่ที่นี่ก่อนนะ แล้วก็ระวังตัวด้วย”
จิ้งจอกสาวผงกหัวเป็นการตอบรับ
จากนั้นเตี๋ยฉ่ายก็ไม่กล้าลังเลอีกต่อไป นางรีบพาหลงเหยามุ่งหน้ากลับเผ่าให้เร็วที่สุด
ทันทีที่ทั้ง 2 คนลับตาไป หูเจียวเจียวก็ก้มลงมองหลงโม่อีกครั้งแล้วเห็นว่าแสงสีแดงแปลก ๆ บนไหล่ของเขาจมหายเข้าไปมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้ใบหน้าของมังกรหนุ่มซีดลง เธอจึงรีบฉีกกระชากเสื้อผ้าที่อยู่บนไหล่ของเขาออก ก่อนจะพบว่าผิวหนังที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้านั้นถูกปกคลุมไปด้วยเส้นสีแดงเข้ม
ลวดลายนั้นถูกสลักเอาไว้คล้ายกับปีกผีเสื้อ โดยมีบางอย่างสีดำกำลังไหลไปตามเส้นเลือดของชายหนุ่ม มันเป็นเหมือนผีเสื้อที่พร้อมจะบินออกมาได้ทุกเมื่อ
ภาพตรงหน้าทำให้จิ้งจอกสาวขนหัวลุก
ตอนนี้เธอมั่นใจเลยว่าเจ้าสิ่งนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับกู่สือแน่นอน
เพราะลวดลายผีเสื้อบนตัวหลงโม่นั้นแทบจะเหมือนกับร่างสัตว์ของกู่สือทุกประการ
มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาถ้าเจ้าสิ่งแปลก ๆ นี่เข้าไปอยู่ในตัวของเขาทั้งหมด?
แล้วเธอจะหยุดยั้งไม่ให้มันเจาะลงไปในผิวหนังของมังกรหนุ่มต่อได้อย่างไร?
หูเจียวเจียวพยายามคิดหาหนทางช่วยเหลือผู้เป็นสามีพร้อมกับกำหมัดแน่น
ในระหว่างที่จิ้งจอกสาวรู้สึกไม่สบายใจ วงกลมสีทองเล็ก ๆ ก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของเธอ
มันเป็นก้อนหินกลม ๆ ที่เปล่งแสงสีทอง
หูเจียวเจียวสะดุ้งตกใจ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ เจ้าหินก้อนอ้วนก็ตกลงไปบนไหล่ของหลงโม่แล้ว
ทันใดนั้นก็มีกรงเล็บเล็ก ๆ 2 อันยื่นออกมาจากหินทรงกลม มันคว้าเข้าไปที่หางของแสงสีแดง
“ฮึบ ๆ” แล้วการยื้อยุดฉุดกระชากก็เริ่มต้นขึ้น ณ จุดนั้น
หูเจียวเจียวมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
ไอ้เจ้าตัวเล็กนั่นโผล่มาจากไหนอีก?
แต่ดูจากการกระทำของมันแล้ว มันคงไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับกู่สือใช่ไหม?
นี่มันกำลังช่วยเธออยู่อย่างนั้นหรือ?
เพียงแต่ว่าเจ้าก้อนหินอ้วนกลมตัวนี้ดูคุ้นตามาก
หูเจียวเจียวพยายามเค้นสมองของตัวเอง และทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหินที่เธอนำออกมาจากเผ่าหมาป่าไม่ใช่หรือ?
มันเป็นหินที่อูหลิวบอกว่าเป็นสมบัติล้ำค่า
ที่แท้มันก็ขยับได้นี่เอง!
ไม่เพียงแค่มันสามารถเคลื่อนที่ได้ แต่มันยังไปชักเย่อ…ไม่ใช่สิ มันยังดึง 'ผี' ออกมาจากตัวหลงโม่ได้ด้วย
หูเจียวเจียวจับตาดูหินที่เป็นเหมือนก้อนไขมันด้วยสีหน้าตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง
ในไม่ช้า หญิงสาวก็เห็นกรงเล็บบาง ๆ ที่เป็นเหมือนหนามแทงเข้าไปในแสงสีแดง และกำลังดึงแสงนั้นออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หลังจากพยายามอยู่สักพัก แสงสีแดงก็ขยับออกมาจากไหล่ของมังกรหนุ่มครึ่งหนึ่ง
พอจิ้งจอกสาวได้เห็นภาพนั้น เธอก็รู้สึกมีความสุขมาก
มันสามารถดึงแสงสีแดงออกมาได้จริง ๆ ด้วย!
หลงโม่จะไม่ตกอยู่ในอันตรายแล้วใช่ไหม?
“เร็วเข้า พยายามหน่อย ออกแรงอีกนิด ดึงมันออกมา…”
หูเจียวเจียวได้แต่สวดภาวนาในใจเงียบ ๆ ในขณะที่เธอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว แล้วจ้องไปที่ก้อนหินอ้วนอย่างใจจดใจจ่อเหมือนคนกำลังเชียร์กีฬาแมทช์สำคัญ
สาเหตุที่หญิงสาวไม่กล้าส่งเสียงดังมากนักเพราะกลัวว่าเสียงของตัวเองจะไปรบกวนสมาธิของเจ้าหินสีทอง
แต่บางทีคำอธิษฐานของจิ้งจอกสาวอาจจะได้ผล เพราะในไม่ช้าแสงสีแดงก็หลุดออกมาจากผิวหนังของหลงโม่
ขณะนั้นหูเจียวเจียวได้ยินเสียงเหมือนเปิดจุกไวน์
ยามนี้ก้อนหินกลมที่ออกแรงดึงหางของแสงสีแดงออกมาจากผิวหนังของหลงโม่เต็มกำลังตั้งตัวไม่ทันจึงทำให้มันลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้
มันกลิ้งไปในอากาศ 2-3 ตลบ ก่อนจะหยุดนิ่ง ๆ
หูเจียวเจียวไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า…
แต่ในขณะนี้เจ้าก้อนหินตัวอ้วนคว้าแสงสีแดงแล้วเขย่าไปมาคล้ายกับว่ามันกำลังตื่นเต้นมาก จากนั้นก็มีปากปรากฏขึ้นบนร่างเกลี้ยงเกลาของมัน
แล้วมันก็อ้าปากกัดแสงสีแดงด้วยท่าทางที่ดูน่าอร่อย
ต่อมา มันใช้กรงเล็บของตัวเองปั้นแสงสีแดงเป็นก้อน ก่อนจะส่งส่วนที่เหลือยัดเข้าไปในปาก
ทันใดนั้นส่วนร่างกายของก้อนหินอ้วนก็พองตัวขึ้น หลังจากเคี้ยวอยู่สักพักหนึ่ง มันก็กลืนสิ่งที่อยู่ในปากลงไปภายในอึกเดียว
พอกลืนแสงสีแดงลงท้องมันก็อ้าปากกว้างส่งเสียงเรออย่างพึงพอใจ
“อึก! เออะ~”
“นี่เจ้ากิน... กินเลยหรือ!” หูเจียวเจียวตกตะลึงจนพูดไม่เป็นคำ
จิ้งจอกสาวลอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะขยับเข้าไปตรวจสอบร่างกายของมังกรหนุ่ม
ปัจจุบันสิ่งแปลกปลอมบนไหล่ของหลงโม่หายไปจนสิ้น แม้แต่เส้นสีดำแปลก ๆ ก็หายไปเช่นกัน โดยเหลือทิ้งไว้เพียงรอยขนาดไม่ใหญ่นัก
บาดแผลที่ร้ายแรงที่สุดก็คือรอยกัดสีแดงเลือดบนไหล่ของเขา ซึ่งมันลึกมากจนเห็นกระดูกสีขาวข้างใน
แม้ว่าหินตัวอ้วนจะกินสิ่งนั้นไปแล้ว แต่มันก็ยังทิ้งบาดแผลฉกรรจ์ไว้บนร่างกายของชายหนุ่ม
ปัจจุบันเจ้าหินกลมลอยอยู่ในอากาศด้วยท่าทางสุขสบายเหมือนนั่งบนเก้าอี้โยก
เมื่อมันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของหูเจียวเจียว มันก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับหูเจียวเจียว โดยเท้ามือไว้ที่สะโพกแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
“บิดาคนนี้ได้กินจิตวิญญาณของผีเสื้อตัวนั้นแล้ว ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้ว”