ตอนที่แล้วตอนที่ 575 งานชุมนุมมังกรฟ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 577 แววตาอาฆาต

ตอนที่ 576 เส้นทางที่ดื้อรั้น


ตอนที่ 576 เส้นทางที่ดื้อรั้น

ชื่อเสียงของเซี่ยเฟยที่สามารถฝึกฝนพลังกฎได้อย่างรวดเร็วได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งตระกูลหยูแล้ว และแม้แต่มู่หนานเฉินก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาด้วยเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามการที่เซี่ยเฟยได้บอกว่าตัวเองกลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 9 แล้วมันก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าตกใจมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นการที่ชายหนุ่มบอกว่าเขาได้กลายเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงาน มันยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิม

เป็นที่รู้กันดีว่ารากฐานสำคัญสำหรับดินแดนของผู้ใช้กฎนั่นก็คือพลังงานต้นกำเนิด เหล่าบรรดาปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานจึงต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในดินแดนแห่งนี้มาก แต่เซี่ยเฟยกลับบอกว่าในช่วงเวลาที่หายไปเขาได้กลายเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานแล้ว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ยากที่จะทำใจเชื่อในเรื่องนี้ได้

นี่มันจะน่าตกใจมากจนเกินไปแล้ว!

อย่าลืมนะว่าเซี่ยเฟยได้เรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงานโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์คนไหนเลย

เป็นที่รู้กันดีว่ากฎแห่งการกลั่นพลังงานเป็นหนึ่งในกฎที่เรียนรู้ได้ยากที่สุดในจักรวาล แล้วมันก็ไม่มีใครเคยฝึกฝนกฎ ๆ นี้โดยปราศจากคำแนะนำของอาจารย์มาก่อนเลย ความสำเร็จของเซี่ยเฟยจึงทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง

ทันใดนั้นดวงตาของทุกคนในห้องโถงก็เริ่มจับจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยความอิจฉาริษยา แต่เขากลับยังคงนั่งอยู่เฉย ๆ โดยไม่ได้แสดงท่าทีโอ้อวดในความสำเร็จของเขา

ท่าทางนิ่งเฉยของเซี่ยเฟยยิ่งทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างหนักมากขึ้นกว่าเดิม เพราะชายหนุ่มทำเหมือนกับความสำเร็จในเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่สถานะของเขาในตอนนี้ถูกยกระดับขึ้นชนิดที่ตัวตนของเขาเมื่อ 10 กว่าวันที่แล้วไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้

ในเวลาเดียวกันมู่ฟู่ผิงก็มองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาแปลก ๆ เพราะเธอกำลังจะโต้เถียงกับพ่อของเธอเพื่อช่วยเหลือชายหนุ่ม อย่างไรก็ตามในตอนนี้เซี่ยเฟยก็แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากใคร เพราะคำพูดจากปากของเขาเพียงแค่ประโยคเดียวกลับลบคำสบประมาทของมู่หนานเฉินไปได้ทั้งหมดเลย

ตัวตนของปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานยังคงถือว่าเป็นตัวตนที่มีความสำคัญมาก แม้กระทั่งภายใน 9 ตระกูลชั้นยอดก็ตาม ใบหน้าของมู่หนานเฉินจึงค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นสีเขียว เนื่องจากว่าเขาไม่สามารถที่จะทนรับความอับอายไหว

“เยี่ยม! ตบหน้าพวกมันกลับไปให้หมดเลย!!” อันธส่งเสียงตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและท่าทางของเขาก็ดูจะมีความสุขมากกว่าเซี่ยเฟยเสียอีก

“นี่นายกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานแล้วจริง ๆ เหรอ?” มู่หนานเฉินกล่าวถามอย่างไม่แน่ใจ

“ถ้าในทางทฤษฎีก็ใช่ แต่ผมยังไม่เคยใช้พลังนี้ในการกลั่นพลังงานมาก่อนเลย แต่ผมก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเอามาโอ้อวดอะไร ท้ายที่สุดผมก็ยังคงเป็นนักรบเป็นหลักอยู่ดี”

“ในเมื่องานชุมนุมมังกรฟ้ามีการกำหนดคุณสมบัติขั้นต่ำของผู้ร่วมงานเอาไว้ ผมก็อยากจะท้าทายตัวเองดูเหมือนกัน อย่างน้อยผมก็ยังเหลือเวลาอีก 15 วันก่อนที่งานชุมนุมจะเริ่มต้นขึ้น ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสหยูเจียงพอจะสนับสนุนเด็กตัวน้อย ๆ คนนี้ได้หรือไม่?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างผ่อนคลาย

ภายในตระกูลใหญ่อย่างตระกูลวิทเทอร์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักรบระดับต่ำมากเท่าไหร่นัก เพราะถึงแม้ว่ามู่ฉิวโป๋จะมีระดับพลังอยู่ที่ราชากฎแต่เขาก็ยังถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลได้อย่างง่ายดาย ทั้ง ๆ ที่ถ้าหากว่ามู่ฉิวโป๋ได้มาอยู่ในตระกูลขนาดเล็กอย่างตระกูลหยู ตัวตนของเขาก็จะถูกบูชาไม่ต่างไปจากการเป็นเทพเจ้าด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้เองความสำเร็จที่น่ายกย่องมากที่สุดของเซี่ยเฟยจึงสมควรจะเป็นเรื่องที่เขาได้กลายเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงาน แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มกลับพูดว่าเขาให้ความสำคัญกับการเป็นนักสู้มากกว่า และทำเหมือนกับการเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานเป็นเพียงแค่งานอดิเรกเท่านั้น

ในดินแดนของผู้ใช้กฎไม่มีนักสู้คนไหนที่ไม่อยากเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงาน เพราะเมื่อพวกเขากลายเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานแล้ว พวกเขาก็จะได้รับทั้งสถานะและการเงินชนิดที่ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับตอนที่พวกเขายังคงเป็นนักสู้ได้

แม้แต่เด็ก 3 ขวบในดินแดนผู้ใช้กฎก็ยังคงตอบคุณครูในโรงเรียนว่า ความฝันของพวกเขาคือการเติบโตขึ้นกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงาน แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็ยังยอมทิ้งสถานะอันสูงส่งหนีไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญสำหรับเขาเลย

“ฮ่า ๆ ๆ เอาสิ! ฉันจะส่งนายไปที่เมืองอีกาดำตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าเลย หลังจากนี้ตระกูลหยูจะคอยสนับสนุนนายอย่างสุดกำลัง และถ้าหากว่านายต้องการฉันก็จะลงไปช่วยนายฝึกด้วยตัวเอง” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

ท่าทางของชายชราดูภาคภูมิใจกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องทนรับคำดูถูกจากตระกูลวิทเทอร์อีกต่อไป

“ผมจะกล้ารบกวนผู้อาวุโสได้ยังไง แต่ผมก็ยังต้องการคนมาคอยแนะนำผมอยู่ดี ความจริงแล้วผมอยากให้ครูคอปเปอร์มาช่วยแนะนำผมในระหว่างนี้ ถ้าจำไม่ผิดปัจจุบันเขาน่าจะถูกส่งไปประจำงานที่เกาะอสรพิษพิทักษ์” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทันทีที่เขาพูดจบชายหนุ่มก็เหลือบสายตามองไปทางดูบาร์โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคนที่ส่งคอปเปอร์ไปยังเกาะอสรพิษพิทักษ์ก็คือชายอ้วนคนนี้นี่เอง

เหตุการณ์นี้ทำให้ดูบาร์รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะมันเห็นได้ชัดว่าเซี่ยเฟยกำลังต้องการที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือไปให้คอปเปอร์ แล้วมันก็หมายถึงการตบหน้าเขากลางที่สาธารณะด้วย

คนส่วนใหญ่ในตระกูลต่างก็รู้ว่าคอปเปอร์ทำให้ดูบาร์ไม่พอใจและถูกส่งไปประจำการในเกาะอสรพิษพิทักษ์ ดังนั้นถ้าหากว่าคอปเปอร์ถูกย้ายกลับมา มันก็หมายความว่าหยูเจียงให้ความสำคัญกับเซี่ยเฟยมากกว่าดูบาร์แล้ว

ดูบาร์ได้จ้องมองไปที่หยูเจียงเช่นเดียวกันเพื่อรอดูว่าชายชราคนนี้จะตัดสินใจยังไง

แน่นอนว่าหยูเจียงย่อมรู้ดีว่าเรื่องนี้กลายเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงศักดิ์ศรีของคนทั้งสองคนแล้ว อย่างไรก็ตามดูบาร์ก็ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญของตระกูลหยูในปัจจุบัน ส่วนเซี่ยเฟยก็เป็นรากฐานสำคัญของตระกูลในอนาคต ดังนั้นถ้าหากว่าเป็นไปได้จริง ๆ หยูเจียงก็ไม่อยากที่จะขัดใจใครสักคนหนึ่งเลย

แต่สถานการณ์นี้เป็นการประกาศสงครามของเซี่ยเฟยอย่างชัดเจน และไม่ว่าจะมองยังไงรากฐานสำคัญทั้งสองคนของตระกูลก็คงจะไม่สามารถกลับมาคืนดีกันอีกครั้งได้อย่างแท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้นคอปเปอร์ก็เป็นเพียงแค่นักรบกฎขั้นที่ 4 ที่ไม่มีความก้าวหน้ามาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ประเด็นคือเซี่ยเฟยจะเอาคนไร้พรสวรรค์แบบนั้นมาเป็นผู้ให้คำแนะนำเขาไปทำไม ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าฟ้าจะถล่มหรือดินจะทลายมันก็ไม่มีใครเชื่อถือคำพูดของชายหนุ่มอย่างแน่นอน

“เอาล่ะ พรุ่งนี้เช้านายจะได้พบคอบเปอร์ที่นอกเมืองอีกาดำอย่างแน่นอน” หยูเจียงกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

นับตั้งแต่ที่มู่หนานเฉินเดินทางมาที่ตระกูลหยู ดูบาร์ก็หาข้ออ้างเดินทางมาที่คฤหาสน์แห่งนี้เพื่อต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลวิทเทอร์ แต่สถานการณ์ในปัจจุบันกลับกลายเป็นเขาถูกเซี่ยเฟยฉีกหน้าต่อหน้าของทุกคนโดยไม่เหลือชิ้นดี

บางคนที่รู้ว่าดูบาร์พ่ายแพ้ให้กับเซี่ยเฟยแล้วก็อดที่จะส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ขึ้นมาไม่ได้ มันจึงทำให้ดูบาร์รู้สึกโกรธแค้นจนทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว

ทันใดนั้นขนอุยก็กระโดดออกมาจากเสื้อของชายหนุ่ม ก่อนที่มันจะกระโดดปีนขึ้นไปอยู่บนไหล่และเลียหน้าเอาอกเอาใจเซี่ยเฟยโดยไม่สนใจคนอื่น

ชายหนุ่มรู้จักเจ้าตัวเล็กเป็นอย่างดี ซึ่งปฏิกิริยาแบบนี้ก็คือการที่มันกำลังออกมาขออาหาร เขาจึงหยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ออกมาป้อนอาหารให้ขนอุยต่อหน้าทุกคน

การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่ได้ดูมีอะไรเป็นพิเศษมากนัก แต่มันกลับทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่หนานเฉินชะงักค้างไปอย่างฉับพลัน เพราะเขาจำได้ว่าขนอุยคืออสูรศักดิ์สิทธิ์มารขาว

ชายคนนี้คือชายวัยกลางคนไว้หนวดเครายาว มีดวงตาอันเจ้าเล่ห์ ซึ่งเขามีชื่อว่า ‘มู่ไห่หลิง’ ผู้ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของมู่หนานเฉินและมีอำนาจในการจัดการการเงินทุกอย่างของตระกูล

“นายท่าน! สัตว์อสูรตัวนั้นคือสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์มารขาว” มู่ไห่หลิงกระซิบข้างหูมู่หนานเฉิน

“อือ ฉันรู้แล้ว”

“ดูเหมือนว่ามันจะทำพันธสัญญากับเซี่ยเฟยแล้วนะครับ”

“นายกำลังหมายความว่ายังไง?”

“เขามีความสามารถในการพัฒนาจากนักรบกฎชั้นที่ 6 กลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 9 ได้ในเวลาเพียงแค่ 10 กว่าวัน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้เรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงานด้วยตัวเอง ที่สำคัญเขายังมีอสูรมารขาวเป็นอสูรในพันธสัญญา ผมคิดว่าแม้แต่ภายในตระกูลวิทเทอร์ของเราก็มีคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้อยู่ไม่มากนัก” มู่ไห่หลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

มู่ไห่หลิงเป็นที่ปรึกษาที่ดีของมู่หนานเฉินมาโดยตลอด และทุกครั้งที่มู่ไห่หลิงแนะนำอะไรขึ้นมา มู่หนานเฉินก็จำเป็นจะต้องเก็บข้อเสนอไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

อย่างไรก็ตามคำแนะนำนี้ก็ทำให้มู่หนานเฉินขมวดคิ้วและหันหน้าไปมองมู่ฟู่ผิงโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเขาก็ได้รับรู้ได้เลยว่าลูกสาวสุดที่รักของเขากำลังจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่มีความสุข

ผู้เป็นพ่อทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มเคลื่อนไหวตามคำแนะนำของมู่ไห่หลิง

“เซี่ยเฟย นายพอจะมีแผนพัฒนากฎแห่งการกลั่นพลังงานอีกหรือเปล่า?” มู่หนานเฉินกล่าวถาม

หยูเจียงเริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคำพูดของมู่หนานเฉินเริ่มแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตระกูลวิทเทอร์เริ่มให้ความสนใจในตัวตนของเซี่ยเฟยแล้ว

“กฎแห่งการกลั่นพลังงานคือรากฐานสำคัญของนักรบทุกคน ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานเพิ่มเหมือนกันครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“ในตระกูลวิทเทอร์ของเรามีหลักสูตรพิเศษสำหรับปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานโดยเฉพาะ ซึ่งแต่เดิมมีเพียงแต่ทายาทของตระกูลเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้หลักสูตรเหล่านี้ได้ แต่ฉันเห็นว่านายคือคนที่ช่วยชีวิตมู่ฟู่ผิงเอาไว้ ดังนั้นถ้าหากว่านายสนใจฉันจะไปคุยกับหัวหน้าตระกูลเพื่อขอให้นายเข้าเรียนหลักสูตรในตระกูลของเราให้นายเอง”

“ผู้ดูแลหลักสูตรปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานในตระกูลของเราคนปัจจุบันคือมู่หรัน ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานขั้นที่ 6 แล้ว เขาเป็นคนที่ชอบฝึกฝนเด็กรุ่นใหม่ ๆ และเขาก็ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง ดังนั้นฉันคิดว่าฉันน่าจะขอร้องให้นายเข้าเรียนหลักสูตรนี้ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร”

ฉลาด! แม่นยำ! จู่โจมอย่างรุนแรง!

คำพูดของมู่หนานเฉินสามารถตีความได้อย่างชัดเจนว่าตราบใดก็ตามที่เซี่ยเฟยเดินทางไปยังตระกูลวิทเทอร์ เขาจะสามารถพัฒนากลายเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากว่าเขายังคงอุดอู้อยู่ในตระกูลหยูต่อไป เขาก็อาจจะไม่มีโอกาสพัฒนากฎแห่งการกลั่นพลังงานด้วยซ้ำ

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าในตระกูลหยูมีปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานคือดูบาร์เพียงคนเดียว แต่เซี่ยเฟยกับชายอ้วนคนนี้ก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่นัก ซึ่งมันก็หมายความว่าชายหนุ่มจำเป็นจะต้องคลำหาเส้นทางในการฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานเพียงลำพัง

ข้อเสนอของมู่หนานเฉินทำให้หยูเจียงกำหมัดแน่น เพราะมันคงจะมีเพียงแต่คนโง่ที่กล้าจะปฏิเสธข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจแบบนี้ ที่สำคัญคือตระกูลหยูยังไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ ที่จะนำไปเทียบกับตระกูลวิทเทอร์ได้

“ใช่แล้วเซี่ยเฟย คุณอามู่หรันเป็นคนที่ใจดีมากจริง ๆ ถ้าหากว่านายได้ไปเรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงานจากเขา นายจะต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วแน่นอน บางทีนายก็อาจจะได้เป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานระดับสูงในอนาคต” มู่ฟู่ผิงกล่าวด้วยดวงตาอันเป็นประกาย

เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มเป็นไปตามแผน มู่หนานเฉินก็ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างมั่นใจ

“เรียนคุณหนูมู่ฟู่ผิง, ผู้อาวุโสมู่ ช่วงเวลานี้ผมขอใช้สมาธิไปกับการฝึกกฎแห่งมิติให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่ผมจะได้มีคุณสมบัติมากพอจะเดินทางไปร่วมงานชุมนุม ส่วนเรื่องการเรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงาน เรื่องนั้นผมขอผ่านก่อนก็แล้วกันครับ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“นายรู้หรือเปล่าว่าปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานคืออาชีพอันดับ 1 ที่มีสถานะสูงมากภายในดินแดนของผู้ใช้กฎ และสถานะของพวกเขาก็สูงมากจนถึงขนาดที่นักรบไม่สามารถจะเอาไปเปรียบเทียบได้?” มู่หนานเฉินกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะคำตอบของเซี่ยเฟยเกือบทำให้เขาสำลักน้ำชาที่พึ่งจิบลงไป

“ผมเข้าใจครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“ถึงจะเข้าใจแต่นายก็ยังเลือกที่จะเป็นนักสู้มากกว่าปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานงั้นเหรอ?!” มู่หนานเฉินเริ่มถามด้วยความหงุดหงิด

****************

อย่าคิดว่าพี่เฟยจะยอมตามทางที่ทุกคนคิด เพราะพี่แกไม่เคยเป็นแบบนั้น 5555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด