ตอนที่ 574 กลับไปพบกับความวุ่นวาย
ตอนที่ 574 กลับไปพบกับความวุ่นวาย
“ยานลำนี้คือยานระดับ F ของเผ่ามารและถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กมาก แต่มันก็สามารถที่จะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วถึง 10,000 ปีแสงต่อวินาที” โอโร่กล่าวอธิบาย
คำอธิบายนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยตกใจมาก เพราะแม้แต่ยานรบรุ่นใหม่ที่เร็วที่สุดในพันธมิตรก็มีความเร็วเพียงแค่ 80,000 ปีแสงต่อชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่ยานรบระดับ F ของเผ่ามารกลับสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสูงมากถึง 600,000 ปีแสงต่อชั่วโมง
ดินแดนแห่งผู้ใช้กฎสมควรแล้วที่จะถูกเรียกว่าเป็นดินแดนที่รวบรวมจุดสูงสุดของอารยธรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพราะแม้แต่ยานรบภายในดินแดนแห่งนี้ก็ยังมีความก้าวหน้าชนิดที่พันธมิตรไม่มีทางเอื้อมถึง
เซี่ยเฟยไม่รู้จริง ๆ ว่ายานลำนี้ใช้เทคโนโลยีไหนในการผลิต และถ้าหากว่าเขาสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปช่วยพัฒนายานรบในพันธมิตร มันย่อมช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับกองทัพอย่างแน่นอน ซึ่งในเวลานั้นชีวิตของผู้คนในพันธมิตรก็จะสะดวกสบายขึ้นมากกว่าเดิมเช่นเดียวกัน
เซี่ยเฟยเริ่มเคลื่อนไหวตามคำแนะนำของโอโร่ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ มุดเข้าไปภายในตัวยาน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันจึงทำให้ระบบอัตโนมัติทุกอย่างของยานรบไม่สามารถใช้งานได้ และภายในห้องโดยสารก็เต็มไปด้วยน้ำจากทะเลสาบ ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องใช้มือของตัวเองในการเปิดวาล์วควบคุมแรงดันเพื่อระบายน้ำออกไปจากตัวยาน
ยานลำนี้มีขนาดเล็กมาก ซึ่งตอนแรกเซี่ยเฟยคิดว่าโลหะสีดำที่มีรูปร่างคล้ายครีบฉลามบริเวณก้นทะเลสาบเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของยานที่จมลงมาในอดีตเท่านั้น แต่เมื่อเขาได้ขึ้นมาบนยานลำนี้จริง ๆ เขาก็ได้รู้ว่าส่วนที่เขาเห็นคือตัวยานทั้งลำ ซึ่งมันเป็นยานที่มีพื้นที่ความจุเพียงแค่ 1,000 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
แม้ว่าน้ำภายในห้องโดยสารจะถูกระบายออกไปแล้วแต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงเปียกอยู่ เซี่ยเฟยจึงต้องค่อย ๆ ตรวจสอบระบบของตัวยานทีละระบบ และค่อย ๆ เปิดการทำงานแต่ละระบบขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“แปลกมาก ทำไมในตัวยานถึงไม่มีซากศพของใครอยู่เลย?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งตัวยานมีเพียงแต่ความว่างเปล่า
ในเวลาเดียวกันยานลำนี้ก็มีขนาดเล็กเกินไปจนเขาไม่สามารถที่จะเอาโลงศพของโอโร่ออกมาได้ ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องส่งกระแสจิตเข้าไปภายในแหวนหากว่าเขาต้องการจะคุยกับจอมมารคนนั้น
“ใครว่าไม่มี ลองมองไปทางขวามือให้ดี ๆ สิ” โอโร่กล่าวหลังจากได้รับคำถามจากเซี่ยเฟย
ชายหนุ่มมองไปทางขวาตามคำแนะนำก่อนที่เขาจะพบกับอุปกรณ์ขนาดเท่าฝ่ามือวางอยู่บนพื้น ซึ่งมันมีลักษณะคล้ายกับหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่ถูกห่อหุ้มด้วยโลหะ
แต่เมื่อชายหนุ่มได้เดินเข้าไปสำรวจใกล้ ๆ เขากลับพบว่าโลหะที่เขาเห็นคือชุดอวกาศที่มีโครงกระดูกชิ้นเล็ก ๆ บรรจุอยู่ภายในนั้น
“พวกเขาคือเผ่าพันธุ์บรูรอสซึ่งอยู่ในเผ่ามารของพวกเรา รูปร่างของบรูรอสมีขนาดเล็กกะทัดรัดมาก จนทำให้พวกเขาไม่สามารถเอื้อมมือไปจับอุปกรณ์บนแผงควบคุมได้ ตอนที่ยานของพวกเขาเสียการควบคุมพวกเขาจึงไม่สามารถเปลี่ยนระบบของยานให้กลายเป็นระบบควบคุมด้วยมือ พวกเขาจึงเสียชีวิตหลังจากที่ยานได้พุ่งตกลงมายังดาวดวงนี้” โอโร่กล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ซึ่งในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของพวกบรูรอสที่ร่างกายของพวกเขามีขนาดเล็ก เพียงแต่ความตายของพวกเขาเกิดจากการที่พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ตัวเล็กที่พยายามขับยานรบรุ่นมาตรฐานต่างหาก
“กระดูกหักเพราะแรงกระแทกหรือว่าพวกเขาใช้พลังกฎไม่ได้งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกเรียกว่าดินแดนของผู้ใช้กฎ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่พื้นที่ส่วนหนึ่งของจักรวาลเท่านั้น เพื่อที่จะให้เกิดความหลากหลายในสังคมบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งดินแดนของผู้ใช้กฎจึงไม่ได้รวบรวมมาแต่เผ่าพันธุ์ที่มีอำนาจในการใช้พลังกฎ แต่พวกเขาได้รวบรวมเผ่าพันธุ์ที่มีทักษะพิเศษเผ่าพันธุ์อื่น ๆ มาด้วย”
“ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่สามารถใช้พลังของกฏได้ แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนผู้ใช้กฎอยู่ดี อย่างเช่น เผ่าพันธุ์บรูรอสพวกนี้เป็นพ่อครัวที่เก่งกาจมาก และพวกเขาก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารภายในเผ่ามารของพวกเรา”
“นอกจากนี้แม้แต่ภายในเผ่าพันธุ์นักรบที่ทรงพลังอย่างเผ่าพันธุ์ไลอ้อนฮาร์ทของพวกเรา ก็ยังมีลูกหลานบางส่วนที่ไม่สามารถเรียนรู้พลังของกฏได้ แน่นอนว่าแม้แต่ภายในเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ก็ยังมีสมาชิกบางส่วนที่ไม่สามารถเรียนรู้พลังของกฏได้ด้วยเช่นเดียวกัน”
“เมื่อปราศจากพลังของกฏพวกเขาก็จะไม่สามารถใช้ทั้งเข็มทิศมิติและประตูมิติได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันจึงยังมียานรบถูกผลิตขึ้นมา เพราะมันยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเขา”
เซี่ยเฟยไม่เลือกที่จะถามต่อเพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนใจเผ่าพันธุ์บรูรอสเลยแม้แต่น้อย โดยสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดในเวลานี้คือการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ การควบคุมระบบต่าง ๆ ด้วยมือก็กลายเป็นเรื่องยากลำบากในทันที โชคดีที่เซี่ยเฟยได้เรียนรู้เรื่องยานอวกาศมาบ้าง เขาจึงสามารถจัดการกับระบบต่าง ๆ ได้โดยแทบที่จะไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากโอโร่
‘เซี่ยเฟยมีความรู้เรื่องยานอวกาศมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?’ โอโร่คิดกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ เพราะท้ายที่สุดยานลำนี้ก็ไม่ใช่ยานของทางฝั่งมนุษย์ แต่เซี่ยเฟยกลับจัดการกับระบบต่าง ๆ ได้ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับระบบของตัวยานเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
หลังจากทำการตรวจสอบตัวยานโดยละเอียด เซี่ยเฟยก็ได้พบว่ายานลำนี้แทบที่จะไม่ได้รับความเสียหายในระดับที่ร้ายแรงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ตัวยานไม่สามารถออกบินได้อีกครั้ง นั่นก็เป็นเพราะว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้รบกวนการทำงานระบบอัตโนมัติของยานลำนี้
เป็นที่รู้กันดีว่านักบินสมัยนี้มักที่จะพึ่งพาระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยภายในตัวยานเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เมื่อระบบควบคุมอัตโนมัติถูกทำลายนักบินส่วนใหญ่ก็แทบที่จะไม่สามารถจัดการกับปัญหาบนยานอวกาศได้
ในทางกลับกันเซี่ยเฟยได้เรียนรู้ทั้งวิธีการควบคุมยานอวกาศและได้ศึกษาโครงสร้างภายในของยานอวกาศมาเป็นอย่างดี เขาจึงสามารถซ่อมแซมยานลำนี้ให้กลับมาพร้อมบินได้อย่างรวดเร็ว
“ถ้าหากว่าผมคาดเดาไม่ผิด วิธีการเดียวที่จะออกจากดาวดวงนี้คือเราจะต้องบังคับยานให้ออกบินด้วยตัวเอง และเมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวยานเคลื่อนที่หนีออกไปจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้แล้ว เราค่อยใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อควบคุมการบินอีกครั้ง” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถูกต้อง ตราบใดก็ตามที่นายขับยานออกไปจากพื้นที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ทุกอย่างหลังจากนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอะไรอีกต่อไปแล้ว” โอโร่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เมื่อได้รับคำยืนยันเซี่ยเฟยก็ทำการตรวจสอบระบบทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะใช้มือกดจุดชนวนตัวระเบิดและเริ่มโยกคันควบคุมเพื่อเริ่มขับยานออกจากดาวดวงนี้
เปลวไฟสีน้ำเงินถูกจุดขึ้นมาได้สำเร็จ และเซี่ยเฟยก็เริ่มเร่งความเร็วไปที่ 3% ก่อนเพื่อให้เขาค่อย ๆ มีความคุ้นชินกับตัวยาน
การเคลื่อนไหวของยานทำให้ทะเลสาบเกิดอาการปั่นป่วนในทันที ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่กี่วินาทียานสีดำลำนี้ก็พุ่งทะลุธารน้ำแข็งขึ้นสู่ท้องฟ้า
“สำเร็จ!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยเฟยยังคงจับคันควบคุมเอาไว้แน่นและบินรอบ ๆ วงโคจรของดาวเป็นอันดับแรก เพื่อตรวจสอบขั้นสุดท้ายว่ายานลำนี้ยังคงมีชิ้นส่วนอะไหล่ที่ได้รับความผิดปกติหรือไม่
‘เอาล่ะไม่น่าจะมีความเสียหายอะไรอื่นแล้ว ถึงเวลาออกไปจากดาวบ้า ๆ นี้สักที’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจก่อนที่เขาจะขับยานสีดำทะลุท้องฟ้าขึ้นสู่อวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาว
—
ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทียานลำนี้ก็สามารถสลัดหลุดออกมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้สำเร็จ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางส่วนจึงกลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ระบบเรดาร์กับระบบนำทางกลับยังคงนิ่งสนิทอยู่เหมือนเดิม
เซี่ยเฟยเริ่มหยิบหุ่นยนต์ซ่อมแซมออกมาจากแหวนมิติ และปล่อยให้มันเข้าไปซ่อมแซมชิ้นส่วนที่ได้รับความเสียหายอย่างอิสระ ซึ่งตราบใดก็ตามที่ยานลำนี้ไม่ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง พวกมันก็จะสามารถซ่อมแซมทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับมาได้โดยไม่มีปัญหา
“นั่นมันหุ่นยนต์ซ่อมบำรุงอัจฉริยะของเผ่าเทพนี่! นายเองก็มีของดี ๆ ติดตัวอยู่บ้างเหมือนกันสินะ” โอโร่กล่าวด้วยความตื่นเต้น เพราะในที่สุดเขาก็สามารถหลุดรอดออกมาจากสุสานที่กักขังเอาไว้เป็นเวลาหลายแสนปีได้เสียที
ไม่กี่นาทีต่อมาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 80% ก็กลับมาทำงานเป็นปกติ และระบบเรดาร์ก็เริ่มฉายหน้าจอแสงขึ้นมาเพื่อแสดงแผนที่ดาวขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งดินแดนของผู้ใช้กฎ
“นี่น่ะเหรอแผนที่ดวงดาวของดินแดนผู้ใช้กฎ ที่แท้มันก็เป็นเขตแดนที่มีขนาดใหญ่มาก ผมคิดว่ามันน่าจะมีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่พันธมิตรเป็นสิบ ๆ เท่า” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่หรอก แผนที่ดาวที่นายเห็นเป็นเพียงแค่พื้นที่ส่วนหนึ่งของดินแดนผู้ใช้กฎเท่านั้น หรือถ้าจะพูดให้ถูกแผนที่นั่นก็เป็นแผนที่ในเขตแดนที่เผ่ามารของเราปกครองอยู่ ส่วนเขตแดนที่เผ่าเทพปกครองอยู่นั้นมีขนาดใหญ่กว่านี้มาก ทั่วทั้งแผนที่ที่นายเห็นอยู่จึงไม่น่าจะมีมนุษย์อาศัยอยู่เลยแม้แต่คนเดียว” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงในทันที และมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมภายในดินแดนของผู้ใช้กฎถึงต้องผลิตยานรบที่มีความเร็วมากกว่า 600,000 ปีแสงต่อชั่วโมง เพราะพื้นที่เขตแดนของดินแดนแห่งนี้มีขนาดใหญ่ชนิดที่พันธมิตรไม่สามารถจะนำมาเปรียบเทียบได้เลย
“ใส่รหัสผ่าน %#$’hyt เข้าไป เดี๋ยวมันจะมีแผนที่ในส่วนของเขตแดนเผ่าเทพปรากฏขึ้นมาเอง”
เซี่ยเฟยเริ่มทำตามคำแนะนำของโอโร่ ก่อนที่แผนที่ดาวทั่วทั้งเขตแดนของผู้ใช้กฎจะปรากฏตรงหน้าเขาโดยสมบูรณ์
“เอาล่ะ ถึงเวลากลับบ้านสักที” เซี่ยเฟยกล่าว
—
การพยายามขับยานรบของเผ่ามารกลับไปยังตระกูลหยูโดยตรงย่อมเป็นเรื่องที่บ้ามากอย่างไม่ต้องสงสัย เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องหาที่จอดยานบริเวณชายแดนเก็บยานรบเข้าไปในแหวนมิติ และใช้ประตูมิติเดินทางอีกหลายครั้งเพื่อพยายามกลับไปยังบ้านของเขาในตระกูลหยู
“อื้อหือ! ค่าใช้บริการประตูมิติตก 740 คริสตัลขาวเลยงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความปวดใจเมื่อเขาคำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการเดินทาง
“เอาน่า อย่างน้อยการเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้นายได้ทั้งโอโร่, ไข่ของราชาปีศาจกับยานอวกาศกลับไป แล้วนายยังจะบ่นอะไรอีก?” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยยักไหล่อย่างไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เพราะถึงแม้ว่าผลกำไรจากการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างมาก แต่เขาก็ยังไม่ต้องการจ่ายเงินออกไปเป็นจำนวนมากอยู่ดี
เมื่อทหารที่ดูแลประตูมิติเห็นเซี่ยเฟยพวกเขาก็เลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ท้ายที่สุดเนื่องจากเหตุการณ์ที่เซี่ยเฟยช่วยเหลือมู่ฟู่ผิงเอาไว้ในครั้งก่อน มันก็ทำให้เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งตระกูลหยูในทันที นอกจากนี้เรื่องที่เขารังแกคุณหนูหยูชิชิยังแพร่กระจายไปทั่วทั้งตระกูล
“เซี่ยเฟย! นี่คุณยังไม่ตายงั้นเหรอ?!” ทหารเฝ้าประตูหนวดสั้นเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงเหมือนกัน เพราะคนพวกนี้ทำเหมือนกับว่าเขาสมควรที่จะกลายเป็นคนตายไปแล้ว
“รีบรายงานไปหาท่านผู้นำเดี๋ยวนี้! ว่าเซี่ยเฟยกลับมาแล้ว!!” หัวหน้าทหารตะโกนสั่งการออกไปเสียงดัง
หลังจากนั้นไม่นานหยูฮัวก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่ประตูมิติด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ
“ดีแล้วที่นายกลับมา นี่ถ้าหากว่านายมาช้ากว่านี้มันคงจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาแล้ว”
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอครับ?”
“นายยังจำคุณหนูมู่ฟู่ผิงที่นายโยนเข้าไปในประตูมิติเหมือนลูกบอลได้ไหม?” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนั้นสถานการณ์คับขันมาก ผมเลยจำเป็นจะต้องทำ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เอาล่ะไม่ว่านายจะทำแบบนั้นเพราะอะไร แต่คุณหนูคนนั้นก็ได้รู้แล้วว่านายคือคนที่ช่วยชีวิตเธอ และเธอก็ต้องการที่จะตอบแทนหนี้บุญคุณที่เธอติดนายเอาไว้” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง ก่อนที่เขาจะเล่าต่อออกมาว่า
“นายรู้ไหมว่าเธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อตามนายกลับมา แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถตรวจสอบสถานที่ปลายทางที่นายถูกส่งไปได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าตระกูลวิทเทอร์จะมีอำนาจสูงมากแต่พวกเขาก็ทำอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี คุณหนูมู่ฟู่ผิงเลยเริ่มเข้าหาพ่อแม่ของเธอเพื่อให้พวกเขาเข้ามาจัดการกับเรื่องนี้โดยตรง”
“ก็แค่ไปบอกพวกเขาว่าผมกลับมาแล้วก็น่าจะจบเรื่องแล้วนี่” เซี่ยเฟยกล่าว
“เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นนะสิ เอาเป็นว่าตอนนี้นายรีบตามฉันมาก่อน สถานการณ์ภายในตระกูลตอนนี้กำลังวุ่นวายมาก ๆ เลย” หยูฮัวกล่าวก่อนที่จะเริ่มนำทางเซี่ยเฟยออกไป
***************
กลับมาก็มีงานรอเลยจ้าาาา หรือว่าพี่เฟยจะได้รับของดีๆแทนคำขอบคุณกันน๊า