ตอนที่แล้วตอนที่ 1329 ก็แค่.. ล่องูออกจากถ้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1331 มันชัดเจนอยู่.. อย่างที่เห็น

ตอนที่ 1330 พวกเขาตายแล้ว!


แท้จริงแล้ว ในเวลานี้ทุกคนบนเครื่องบินเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม(จิตใจพะว้าพะวงไม่เป็นสุข) ไม่มีใครสามารถยิ้มอย่างมีความสุขออกมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องออกมาจากห้องรับรอง พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นข้างใน บางคนถึงกับร้องไห้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะต้องตาย..

หลินฟาน และเฉินหลง ได้เดินออกมาจากห้องรับรอง และรวบรวมทุกคน ยกเว้นกัปตัน นักบิน ในห้องนักบิน และตํารวจอากาศคนนั้น ที่เหลือทุกคนต่างได้มารวมตัวกันอยู่ในชั้นประหยัด รวมถึงแอร์โฮสเตสทุกคนด้วย

สถานการณ์มันเป็นอย่างไรกันแน่?

คนทั้งปวงได้พากันมองหน้ากัน ทำไม หลินฟาน จึงได้รวบรวมพวกเขามา ..เพื่ออะไร แล้วเสียงที่เกิดขึ้นในห้องรับรองเมื่อกี้ ทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมขอแนะนําให้ทุกคนได้รู้จัก คนนี้คือ เจ้าหน้าที่เฉิน เขาเป็นตํารวจสากล ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่เฉิน ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งได้บนเครื่องบิน หลังจากการสอบสวนแล้ว จึงได้รู้ว่าเขาก็เป็นคนร้ายเช่นกัน ซึ่งหมายความว่ามีคนร้ายทั้งหมดสามคน”

“อ่า?”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนตกใจไม่เบา

“โอ้.. พระเจ้า ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย!”

“บนเครื่องบินลํานี้มีคนร้ายกี่คนแล้ว แล้วมันจะมีเพิ่มอีกไหม?”

“รีบๆ หาที่ลงจอดเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่วินาทีเดียวแล้ว!”

“รีบลงจอดเถอะ!”

ความตื่นตระหนกของทุกคน ได้แพร่กระจายออกไปอีกครั้ง

หลินฟาน กล่าวว่า : “ทุกคน อย่าได้ตกใจไป หลังจากการสอบสวนของเรา คนร้ายมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น ทั้งหมดถูกควบคุมโดยพวกเราแล้ว เพียงแต่…”

หลินฟาน ได้จงใจหยุดชั่วคราว

“เพียงแต่อะไร?” ชายหนุ่มผิวขาวจากชั้นเฟิร์สคลาส ได้ถามออกมา

หลินฟาน กล่าวว่า : “ภายใต้การสอบสวนอย่างมืออาชีพของเจ้าหน้าที่เฉิน เราได้พบปัญหาที่ว่า คือคนร้ายสองคนที่เพิ่งจี้เที่ยวบิน และดูเหมือนจะแตกต่างจากคนร้ายที่ถูกจับไปได้ในก่อนหน้านี้ ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นไปที่การสอบปากคําคนร้ายสองคนนี้ และพยายามที่จะได้รับรู้ถึงตัวตนของพวกเขา เมื่อกี้ทุกคนเองคงน่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกเขาแล้ว ถูกต้อง ผมได้มอบความทุกข์ทรมานให้แก่พวกเขาไปเล็กน้อย..”

“แล้วทางพวกคุณได้ถามอะไรพวกเขาหรือยัง?” ชายหนุ่มผิวขาว ถาม

หลินฟาน กล่าวว่า : “ยังครับ เห็นได้ชัดว่าคนร้ายสองคนนี้ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะยอมสารภาพ แต่ขอให้ทุกคนมั่นใจ ในตอนนี้พวกเขาได้หมดสติไปแล้ว ผมเลยได้หยุดมือชั่วคราว แต่ผมมั่นใจมากว่าพวกเขาจะพูดมันออกมาในอีกไม่ช้านี้”

เฉินหลง กล่าวว่า : “ทางผมได้ขอให้ทางกัปตันติดต่อกับเพื่อนร่วมงานผ่านทางโทรศัพท์ดาวเทียมแล้ว เมื่อเรารู้ถึงตัวตนของคนร้ายสองคนนี้ เพื่อนร่วมงานของผมจะเริ่มทำการตรวจสอบ และอีกไม่ช้าก็เร็วเราก็จะรู้ถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลัง!”

ชายหนุ่มผิวขาว พูดว่า : “งั้นตอนนี้เรายังตกอยู่ในอันตรายอีกไหม? ผมยังไม่อยากตายบนเครื่องบินลํานี้ ผมยังมีทรัพย์สินหลายร้อยล้านที่รอให้ผมไปสืบทอดอยู่! และทางพวกคุณสองคนต้องรับรองกับผมด้วยว่า เครื่องบินลำนี้จะสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย ถ้ามันสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย ผมเองจะมอบรางวัลให้กับพวกคุณอย่างมากมายแน่นอน!”

หนุ่มผิวขาวคนนี้ไม่ปิดบังเลยจริงๆ ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าครอบครัวของเขาร่ำรวยมาก และจริงๆ แล้วแค่มองไปที่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี และก็รู้ได้ว่าเขาได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด

หลินฟาน กล่าวว่า : “นี่คือเหตุผลที่ผมได้เรียกทุกคนให้มารวมตัวกันที่นี่ เราสงสัยว่าบนเครื่องบินลำนี้อาจจะมีวัตถุอันตรายบางอย่างที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ดังนั้นผมจึงขอให้ทุกคนกลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง เพื่อค้นหาว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ หากมีสถานการณ์ใดๆ ก็ให้รีบมารายงานให้กับเราทราบทันที และแอร์โฮสเตสสาวสวยทุกคน ผมก็ต้องขอรบกวนพวกคุณช่วยเจ้าหน้าที่เฉิน และผม ในการตรวจสอบทุกๆ ส่วนของเครื่องบินด้วย!”

“ผมรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองมาก ตอนนี้ถึงเวลาตรวจสอบอันตรายของตนเองแล้ว และหวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ.. ท้ายที่สุดนี้ ทุกคนเองก็อยากใช้เวลาสองสามชั่วโมงข้างหน้าไปอย่างปลอดภัยใช่ไหมครับ?” เจ้าหน้าที่เฉิน ได้กล่าวออกมา

ทุกคนได้พยักหน้า

ปรากฏว่า หลินฟาน และเฉินหลง ได้พาทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อระดมทุกคนให้ทำการตรวจสอบครั้งใหญ่ จริงอยู่ที่เครื่องบินลำนี้จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก ทั้งในหลากหลายที่ก็อาจจะมีวัตถุอันตรายถูกซุกซ่อนอยู่

เนื่องจากคนร้ายสามารถนําปืนขึ้นมาบนเครื่องบินได้ มันจึงมีความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะนําวัตถุอันตรายอื่นๆ มาด้วย

เมื่อได้ยินคําแนะนําของ หลินฟาน และเฉินหลง ทุกคนก็ได้ให้ความร่วมมือกันอย่างแข็งขัน ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้มันฝังใจพวกเขาจริงๆ ทั้งมันยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชีวิตของตนเอง และแน่นอนว่า ..ไม่มีใครที่จะไม่กระตือรือร้น

ดังนั้นทุกคนจึงกลับมาที่ที่นั่งของตัวเอง และเริ่มตรวจสอบกันทันที

หลินฟาน และเฉินหลง ก็แยกออกจากกัน และเข้าตรวจสอบ เช็คทุกส่วนของเครื่องบิน ด้วยความร่วมมือของแอร์โฮสเตส

หลินฟาน ได้ขอให้แอร์โฮสเตส เสี่ยวอี๋ นําทาง และมาที่ห้องเก็บสินค้าของเครื่องบิน เพื่อทำการตรวจสอบ ที่นี่จะเก็บกระเป๋าเดินทางของแขก สิ่งเหล่านี้ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนที่จะนำขึ้นเครื่องบิน และโดยทั่วไปจะไม่พบปัญหาใดๆ แต่เนื่องจากคนร้ายสามารถนําปืนขึ้นมาได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่กระเป๋าเดินทางเหล่านี้อาจจะมีวัตถุอันตรายซ่อนอยู่

หลินฟาน จึงต้องการใช้โอกาสนี้ในการระดมกําลังของทุกคน เพื่อดําเนินการตรวจสอบเครื่องบินครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตามแม้ว่า หลินฟาน จะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่การค้นหาเครื่องบินทั้งลําด้วยตัวคนเดียวมันก็ดูออกจะไม่สมจริงมากนัก

“คุณหลิน คุณทํางานอะไรเหรอคะ?” เสี่ยวอี๋ ที่ได้ช่วย หลินฟาน ตรวจสอบกระเป๋าเดินทางอยู่ เธอเองก็ได้ถามเขาไปพลาง จากความสงสัยเล็กน้อย

หลินฟาน กล่าวถามกลับไปว่า : “แล้ว.. คุณคิดว่าผมทํางานอะไรครับ?”

เสี่ยวอี๋ กล่าวว่า : “คุณเก่งออกขนาดนี้ ทั้งยังสามารถจัดการแก้ไขคดี ทั้งจำตัวคนร้ายได้ คุณก็ต้องน่าจะเป็นตํารวจเหมือนกันใช่ไหมค่ะ และถ้าหากฉันเดาไม่ผิด ตัวคุณเองอาจจะเป็นหัวกะทิของกองกําลังตํารวจด้วย”

พอได้พูดมาถึงเรื่องนี้ เสี่ยวอี๋ ก็อดอายจนหน้าแดงไม่ได้ : “ก่อนหน้านี้ที่ประตูห้องน้ำ ฉันคิดว่าฉันได้ช่วย คุณหลิน แต่เอาจริงๆ แล้ว คุณหลิน คงไม่ต้องการให้ฉันช่วยเลยก็ได้มั้ง และการที่ฉันเข้าช่วย กลับดูเป็นการช่วยชายร่างใหญ่คนนั้นมากกว่า ไม่งั้น ผู้ชายคนนั้นคงจะต้องพบเจอกับความโชคร้ายแน่ๆ”

หลินฟาน เขาเป็นคนยอดเยี่ยมมากขนาดนี้ เสี่ยวอี๋ เองก็ต้องชื่นชม หลินฟาน อยู่แล้ว, แต่เมื่อพอมองไปที่แววตา หลินฟาน เธอก็รู้สึกชมชอบเขา ..ขึ้นมานิดหน่อยแล้วจริงๆ

หลินฟาน ได้หัวเราะแล้วพูดไปว่า : “ผมไม่ใช่ตํารวจครับ ผมเป็นแค่ผู้โดยสารที่กระตือรือร้นเท่านั้น ยังไงผมก็อยู่บนเครื่องบินลำนี้เช่นกัน แล้วเช่นนี้ผมจะปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองไปได้ยังไง ถูกต้องไหม?”

เสี่ยวอี๋ ได้ยิ้มหัวเราะพร้อมกับพูดไปว่า : “คุณผู้โดยสารที่กระตือรือร้น คุณเป็นคนที่ช่วยเครื่องบินลํานี้ของเราไว้ งั้นคุณก็คือฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ของเรา!”

ทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างสบายๆ ไปพราง และตรวจสอบกระเป๋าเดินทางไปพราง ทันใดนั้นสายตาของ หลินฟาน ก็ตกลงไปบนกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ ใบหนึ่งที่อยู่ข้างๆ พวกเขา

หลินฟาน กําลังคิดจะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบนี้ขึ้นมาตรวจสอบ

ในเวลานี้เอง เฉินหลง ก็ได้รีบวิ่งเข้ามา : “ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องแล้ว!”

หลินฟาน จึงต้องตาม เฉินหลง ออกไป และสั่ง เสี่ยวอี๋ ว่า : “คุณมาเฝ้าอยู่นอกห้องเก็บสินค้าก่อน แล้วห้ามให้ใครเข้าใกล้ และอย่าเข้าไปค้นหาด้วยตัวเอง นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย”

เสี่ยวอี๋ ได้ตอบตกลงอย่างสุดใจ

หลินฟาน และเฉินหลง ก็ได้มาที่ห้องรับรอง

เห็นแต่ในห้องรับรองเวลานี้ แอร์โฮสเตสคนหนึ่งที่ได้ทำสีหน้าตื่นตกใจ ตัวสั่น แอร์โฮสเตสคนนี้ หลินฟาน จําได้ว่าก่อนหน้านี้เธอได้ตาม เฉินหลง และตํารวจอากาศ ไปตรวจสอบอย่างลับๆ ทั้งเธอยังเป็นหัวหน้าทีมแอร์โฮสเตส

น่าแปลกใจที่ตอนนี้เห็นแต่คนร้ายทั้งสามคนที่ถูกมัดไว้ในห้องรับรอง ที่คาดไม่ถึงคือพวกเขาทั้งหมดมีเลือดไหลออกมา และศีรษะของพวกเขาได้ห้อยลง สถานการณ์โดยภาพรวมตอนนี้ ดู ..น่ากลัวมาก

หลินฟาน รีบก้าวขึ้นไปตรวจสอบ และพบว่าคนร้ายทั้งสามได้เสียชีวิตไปแล้ว และกลายเป็น ‘คนตาย’ อย่างแท้จริง

“เกิดอะไรขึ้น?” หลินฟาน ได้เงยหน้าขึ้นถามแอร์โฮสเตสคนนั้น

แอร์โฮสเตสได้มีสีหน้าซีด แล้วพูดว่า : “พวกเรากําลังตรวจครั้งใหญ่อยู่ไม่ใช่เหรอ? ฉันเองก็คิดว่าจะเข้ามาตรวจห้องรับรองด้วย สุดท้ายก็พบว่าพวกเขาตายแล้ว!”

หลินฟาน และเฉินหลง มองหน้ากัน เมื่อนั้นทั้งสองก็ได้เข้าใจกันโดยปริยาย ..มันเป็นไปตามคาด มีคนไม่อยากให้คนร้ายสารภาพออกไป ดังนั้นจึงหยิบฉวยโอกาสนี้สังหารพวกเขา หลินฟาน และเฉินหลง ที่ได้ริเริ่มการตรวจสอบครั้งใหญ่นี้ ประการแรกก็เพื่อต้องตรวจสอบจริงๆ และประการที่สอง ก็เพื่อสร้างโอกาสนี้ให้กับ ..บุคคลนี้

ทั้งบุคคลนี้ก็ติดเบ็ดพวกเขา เข้าให้แล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด