1108 - อนาคตที่เต็มไปด้วยความมืดมน
1108 - อนาคตที่เต็มไปด้วยความมืดมน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ต้วนเต๋อก็กระโดดไปที่สระน้ำอีกครั้ง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและอาเจียนออกมาทันที
“มันกลับมาแล้ว ดังนั้นมันต้องไม่ตาย แต่มันหายไปไหน?” เย่ฟ่านสับสน
พวกเขายังคงเดินหน้าต่อไปโดยปราศจากการขัดขวางจากสิ่งมีชีวิตโบราณ อันตรายในใจกลางภูเขาลดลงอย่างมาก และสามารถเข้าถึงสถานที่หลายแห่งได้โดยสะดวกเสรี
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็มาถึงมุมหนึ่งของสถานที่โดยมีก้อนหินขนาดใหญ่วางอยู่ เย่ฟ่านตกใจและกล่าวว่า
“สถานที่แห่งนี้ …”
เขาเห็นลายมือที่ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ทิ้งไว้ ในไม่ช้าเขาก็พบต้นกำเนิดดวงตาแห่งการสร้างสรรค์!
“มีต้นกำเนิดของการสร้างสรรค์ในโลกนี้จริงๆ?” เย่ฟ่านตกตะลึง ยืนนิ่งอยู่นานโดยไม่สามารถกล่าวอะไรได้
มีหลุมดำกระจายอยู่ตามโขดหินขนาดเท่าศีรษะมนุษย์อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา พวกมันที่ลักษณะคล้ายกับดวงตามนุษย์ แต่หลุมดำเหล่านั้นทอดยาวลงไปเบื้องล่าง บางครั้งก็มีหมอกหลากสีลอยขึ้นมาทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ดวงตาแห่งการสร้างสรรค์คืออะไร?” ต้วนเต๋อถามด้วยสายตากระตือรือร้น
“ข้าก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก มีเพียงบันทึกที่คลุมเครือในคัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์ ว่ากันว่ามันเป็นสถานที่ที่เทพโบราณถือกำเนิดขึ้น” เย่ฟ่านดูเคร่งขรึม
“ไม่ มันแปลกมาก เห็นได้ชัดว่าหลุมที่อยู่รอบๆ ดวงตาแห่งการสร้างสรรค์นั้นล้วนสร้างขึ้นมาจากต้นกำเนิดสวรรค์ทั้งสิ้น” ต้วนเต๋อหัวเราะอย่างดุเดือด
“แม้ว่าพวกมันจะเป็นต้นกำเนิดสวรรค์จริงๆ แต่แก่นแท้ของพวกมันถูกดึงดูดออกไปหมดแล้ว มันไม่แตกต่างอะไรจากก้อนหินธรรมดา” เย่ฟ่านกล่าว
“ใครเป็นคนทำแบบนั้น สุนัขตัวนั้นหรือ?” เจ้าอ้วนต้วนหน้าซีดลงทันที
เย่ฟ่านสังเกตอย่างระมัดระวัง มองไปที่ต้นกำเนิดแห่งการสร้างสรรค์ ในที่สุดใบหน้าของเขาก็มืดลง และกล่าวว่า
“ทายาทของจักรพรรดิอมตะ!”
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ชายชราตาบอดไม่สามารถรักษาจิตใจให้สงบนิ่งได้อีกต่อไป ตามที่เขาได้ยินมาชายคนนั้นเพิ่งออกจากต้นกำเนิดสวรรค์ได้เพียงสิบปีแต่พรสวรรค์ของเขากลับทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ในตอนนี้ฐานการบ่มเพาะของเขาสูงกว่าผู้คนที่ฝึกฝนมานับพันปีไปแล้ว!
เมื่อเทียบกับทายาทของราชาโบราณคนอื่นๆ พรสวรรค์ของเขายิ่งใหญ่อย่างน่าอัศจรรย์ แม้แต่ชายชราตาบอดก็ยังอดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้
“ในตอนนั้น ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ได้ทิ้งต้นกำเนิดสวรรค์แปลกๆ ไว้ในทะเลสาบหยก ข้าเป็นคนเปิดหินก้อนนั้นออกและมีไข่ศักดิ์สิทธิ์ใบหนึ่งอยู่ข้างใน ว่ากันว่าภายในไข่ใบนั้นก็คือทายาทของจักรพรรดิอมตะนั่นเอง”
ในช่วงหลายปีที่ไม่มีที่สิ้นสุดก่อนยุคโบราณ ชื่อของจักรพรรดิอมตะดังก้องไปทั่วสวรรค์พิภพ ทุกเผ่าพันธุ์ในโลกบูชาเขาเราก็เป็นเทพเจ้าองค์เดียว
แน่นอนว่าเมื่อทายาทของเขาถือกำเนิดขึ้นคนผู้นั้นก็จะได้รับการบูชาเช่นเดียวกัน!
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือทายาทของราชาอมตะผู้นั้นแม้จะมีร่างกายเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน แต่เขากลับเลือกที่จะอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์โบราณและเป็นศัตรูกับมนุษย์ในโลกอำพรางสวรรค์
“ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิโบราณ ทายาทของจักรพรรดิที่แท้จริงทุกคนล้วนมีความโดดเด่นอย่างถึงที่สุด สายเลือดที่ได้รับการถ่ายทอดมานั้นทำให้พวกเขาอยู่ห่างจากการบรรลุความเป็นอมตะเพียงก้าวเดียว!” ชายชราตาบอดกล่าว
หลังจากกล่าวอย่างนั้น เขาก็มองไปที่เย่ฟ่าน ความหมายนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง แม้ว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจะสมบูรณ์แบบ แต่ก็มีศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ในโลกมากมาย
ทายาทของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนล้วนถูกปิดผนึกไว้ในต้นกำเนิดสวรรค์ พวกเขาเหล่านั้นทยอยปรากฏตัวขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“สายเลือดจักรพรรดิโบราณอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหวงซูเต๋าและฮั่วฉีจื่อล้วนมีพรสวรรค์ที่ไม่อาจจินตนาการได้ ในขณะเดียวกันบิดาของพวกเขาก็ทิ้งสมบัติที่มีลักษณะคล้ายกับต้นกำเนิดสวรรค์ไว้ให้พวกเขาพัฒนาตัวเองอย่างมากมาย” ชายชราตาบอดกล่าว
จากนั้นเขาก็ตบไหล่เย่ฟ่านแล้วกล่าวว่า “ในฐานะร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ แม้ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทายาทของจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ลูกแกะที่จะให้เจ้าเชือดเฉือนได้ พวกเขาล้วนเป็นราชสีห์ที่พร้อมจะตื่นขึ้นได้ตลอดเวลา”
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าในยุคหนึ่งนั้นไม่มีทางที่จักรพรรดิจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แล้วเหตุใดพวกเขาจึงผนึกทายาทของตัวเองไว้เพื่อให้ตื่นขึ้นมาในยุคเดียวกัน
หากเป็นเช่นนั้นทายาทของพวกเขาจะต้องแข่งขันกับทายาทจักรพรรดิคนอื่นๆ แล้วพวกเขาอาศัยอะไรถึงคิดว่าทายาทของตัวเองจะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้?” เย่ฟ่านกล่าวด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้ค่อนข้างพูดยาก!” ชายชราตาบอดส่ายหน้า
“ข้ารู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่คือยุคที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนคือสิ่งมีชีวิตอมตะแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกเขาต้องการให้ทายาทของตัวเองตื่นขึ้นมาในยุคนี้เพื่อปราบปรามความวุ่นวายที่เกิดขึ้น หากพวกเขาทำสำเร็จคนเหล่านั้นก็จะมีโอกาสกลายเป็นจักรพรรดิอมตะคนใหม่”
จู่ๆ ต้วนเต๋อก็อธิบายสิ่งที่เขาได้ยินมาให้ทุกคนฟัง
“หากเป็นเช่นนั้นก็สมเหตุสมผลอยู่บ้าง...” เย่ฟ่านถอนหายใจ
ชายชราตาบอดเริ่มเขย่ากระดองเต่าอีกครั้ง ต้วนเต๋อและเย่ฟ่านก็เริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบเช่นกัน
ทันใดนั้น หม้ออสูรกลืนสวรรค์ก็เริ่มส่งเสียงพึมพำและสั่นสะเทือนด้วยตัวเอง จากนั้นโดยไม่มีการกระตุ้นใดๆ ฝาของหม้อวิเศษก็บินออกมาจากมือของต้วนเต๋อและครอบขึ้นไปเหนือศีรษะของทุกคนเพื่อป้องกันอันตราย
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายชราตาบอดประหลาดใจ
หม้ออสูรกลืนสวรรค์นี้แตกต่างจากอาวุธเต๋าสุดขั้วชิ้นอื่น นั่นก็เพราะมันมีจิตวิญญาณที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ หากมันรวมกันกับฝาหม้ออาจเรียกได้ว่าเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วที่ทรงพลังมากที่สุดของโลกใบนี้เลยก็ได้
“หากมีอาวุธใดที่สามารถต้านทานจักรพรรดิอู่ซือได้ ก็ต้องเป็นอาวุธชิ้นนี้” ต้วนเต๋อกล่าวโดยสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวังเพื่อค้นหาความผิดปกติที่เกิดขึ้น
“ที่นี่…” เย่ฟ่านพบว่าพวกเขาได้เดินมาถึงห้องที่เขาเคยซ่อนตัวมาก่อน
นี่คือพื้นที่โล่ง และมีวิหารที่ถูกสร้างขึ้นจากหินดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง หากมองใกล้ๆ เจ้าจะประหลาดใจเมื่อพบว่ากำแพงหินโดยรอบ แท้จริงแล้วมันคือระฆังโบราณที่เก่าคร่ำคร่าจนโลหะเปลี่ยนไปคล้ายกับก้อนหิน
“ระฆังอู่ซือ!”
“มันมีขนาดใหญ่โตถึงเพียงนี้!”
ต้วนเต๋อและชายชราตาบอดตกใจกลัว หากพวกเขาเดินเข้าไปในห้องนี้โดยไม่ตั้งใจและระฆังสั่นสะเทือนขึ้นมาร่างกายของพวกเขาอาจแหลกสลายได้เลย!
“ระมัดระวัง อย่าให้ระฆังดัง” ต้วนเต๋อกล่าว
ชายชราตาบอดก็พยักหน้าเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็ถอยกลับออกไปด้านนอกด้วยความหวาดกลัว มีเพียงเย่ฟ่านเท่านั้นที่ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม ระฆังอู่ซือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องการที่นี่
ห้องโถงหินกว้างใหญ่และระฆังก็ตั้งตระหง่านราวกับภูเขา ระฆังนี้มีขนาดใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ระดับพลังของพวกเขาก็มองเห็นเพียงชายขอบของมันเท่านั้น
และที่ด้านข้างของห้องที่ถูกสร้างขึ้นจากผนังของระฆังนั้นเป็นห้องโถงหินขนาดใหญ่ ในเวลานี้หยกที่แตกหักหลายชิ้นบนร่างกายของเย่ฟ่านเริ่มร้อนขึ้นเล็กน้อย
“คัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้น!”
เจ้าอ้วนต้วนตะโกนเสียงดังและรีบวิ่งเข้าไปข้างใน ชายชราตาบอดก็เช่นกัน
เย่ฟ่านเคยมาที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้โดยธรรมชาติว่ามีคัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้นอยู่ในห้องโถงหิน คราวนี้เขามีหยกจักรพรรดิสี่ชิ้นติดตัวมาด้วย
แต่เห็นได้ชัดว่าจำนวนหยกยังไม่เพียงพอ ไม่รู้ว่าหยกเพียงเท่านี้จะเปิดคัมภีร์ขึ้นได้หรือไม่?
พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วดุจสายฟ้า และในกระบวนการนี้ร่างกายของทั้งสามคนได้รับความกดดันอย่างหนักจากพลังแห่งเต๋าที่แผ่ออกมาจากคัมภีร์
คัมภีร์หินวางอยู่บนพื้น และด้านหลังมีกองหินปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์และต้นไม้โบราณ พลังอันน่าสะพรึงกลัวเล็ดลอดออกมาจากคัมภีร์อย่างไม่สิ้นสุด
ในอดีตเย่ฟ่านเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นฐานการบ่มเพาะของเขายังคงต่ำต้อยยากที่จะสัมผัสได้ถึงเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อกลับมาอีกครั้งเขากลายเป็นผู้สูงสุดซึ่งหมายความว่าเป็นขอบเขตสุดท้ายแห่งการเป็นมนุษย์ เมื่อเขาทะลวงเข้าสู่ระดับผู้อมตะชีวิตของเขาจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋าผู้ยิ่งใหญ่
“มันเป็นคัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้นจริงๆ!”
ชายชราตาบอดเหยียดมือออกไปอย่างสั่นเทา แม้ว่าตัวอักษรบนคัมภีร์จะเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นคัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้น แต่เขาก็ยังยากที่จะทำใจเชื่อได้
เมื่อเข้าใกล้คัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้น หยกโบราณสี่ชิ้นบนร่างของเย่ฟ่านก็ส่องประกายเจิดจ้า พวกมันตอบสนองต่อคัมภีร์โบราณและปลดปล่อยความอบอุ่นที่อธิบายไม่ได้ออกมา
……….