บทที่ 64: วิธีหาเงินโดยไม่ทรยศต่ออาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่?
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 64: วิธีหาเงินโดยไม่ทรยศต่ออาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่?
คณะทูตจากดาร์โรถึงกับตกใจกับความโลภของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา พวกเขาไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่ไม่รู้จักพอเช่นนี้มาก่อนเลย มันช่างโลภมากจนอาจถึงขั้นทำให้เทวดาฟ้าดินกระทืบให้จมนรกด้วยซ้ำ
เจ้าชายแฮมจึงได้แต่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านหลิน ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากให้ท่านมากกว่านี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านทำพลาดเล่า? เงินของเราทั้งหมดก็จะสูญเปล่าไป”
หลินเป่ยฟานดื่มไวน์ด้วยท่าทางไม่กังวลเลย ทางด้านทูตของดาร์โรจึงยังคงได้แต่พูดต่อ
“ถ้าเช่นนั้นเราจะมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับท่านก่อนเพื่อเป็นการแสดงความเชื่อมั่นของเรา หลังจากงานเสร็จสิ้น เราจะให้ท่านเพิ่มตามความสามารถของท่าน มั่นใจได้เลยท่านหลิน เราจะไม่ใช้เล่ห์กับท่านแน่”
“ใช่แล้วท่านหลิน ได้โปรดรับเงินนี้ไปก่อนเถิด”
“หลังจากงานเสร็จสิ้นแล้ว เราจะให้ท่านมากขึ้นไปอีก”
“ดาร์โรจะไม่ปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่ยุติธรรม”
ทูตของทางดาร์โรกล่าวทีละคน
หลินเป่ยฟานพยักหน้าและกล่าวตอบไปว่า “ไม่เป็นไร แต่เราจำเป็นต้องตั้งกฎพื้นฐานบางประการ มิฉะนั้นท่านอาจจะให้ข้ามากเกินไปหรือน้อยเกินไป”
"ได้อยู่แล้ว" เจ้าชายแฮมกล่าว “จากสิ่งที่เรารู้มา ดาร์โรจำเป็นต้องจ่ายเงินส่วยให้อาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ 3 ล้านตำลึงในแต่ละปี เช่นนั้นก็ใช้สิ่งนี้เป็นเกณฑ์มาตรฐาน เราจะให้ท่านเท่าที่เราเป็นหนี้กับอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ นั่นยอมรับได้หรือไม่?”
หลินเป่ยฟานจึงได้ถามเรื่องหนึ่งออกมา “แล้วถ้าเกิดข้าสามารถทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินส่วยทั้งหมดได้ล่ะ?”
“เช่นนั้นข้าจะเพิ่มเงินให้อีก 500,000 ตำลึงเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความขอบคุณในความช่วยเหลือของท่าน” เจ้าชายแฮมกัดฟันแน่น
"ยอดเยี่ยม เช่นนั้นก็ตกลง!" หลินเป่ยฟานกล่าวเสียงดัง
ในที่สุดการเจรจาก็เสร็จสิ้น และทุกคนก็ได้สนุกสนานกันต่อไป
หลังจากดื่มเสร็จ หลินเป่ยฟานจึงได้ออกไปพร้อมเครื่องประดับมูลค่า 300,000 ตำลึง ทว่าทันทีที่เขาปิดประตู เขาก็เห็นร่างสีขาวอยู่เบื้องหน้า
เขาถึงกับสะดุ้ง “เป็นท่านนี้เอง! การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของท่านมันค่อนข้างน่ากลัวเกินไปแล้วนะ”
ผู้หญิงในชุดขาวผู้นี้คือ ไป๋ ฉิงเสวียน หรือที่รู้จักในชื่อ “ไป๋กวนอิม” สตรีที่มีพลังลึกลับและไม่อาจคาดเดาได้ นางถามออกมาอย่างใจเย็น “เจ้ากำลังวางแผนกับราชทูตของดาร์โรเพื่อทรยศต่อผลประโยชน์ของอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่งั้นหรือ?”
“ท่านรู้ได้เช่นไรกัน?” หลินเป่ยฟานถามด้วยความประหลาดใจ
“ยามที่ฉันเดินผ่านหอคอยดื่มบุปผาเมื่อครู่นี้ ข้าเห็นเจ้ากับทูตจากดาร์โรดื่มและสนุกสนานกัน ข้าอยากรู้อยากว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจนได้มาดูและพบสิ่งที่พวกเจ้าจะทำ!” ไป๋ ฉิงเสวียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม้ว่าเจ้าจะโลภเงินตราเพื่อประชาชน แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่อาจทำได้ ถ้าไม่มีประเทศชาติ จะมีบ้านเรือนได้เช่นไร?”
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เคยคิดที่จะทรยศต่ออาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่!” หลินเป่ยฟานยิ้ม “จักรพรรดินีปฏิบัติต่อข้าอย่างดี แม้ว่าข้าจะเป็นคนชั่วช้า ข้าก็ทำเช่นนั้นไม่ได้!”
“แล้วเจ้าแค่ล้อเล่นกับพวกเขาเหรอ?” ไป๋ ฉิงเสวียนเอ่ยถาม
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเขา ข้ายังต้องการเงินของพวกเขาอยู่!” หลินเป่ยฟานได้แต่ส่ายศีรษะของเขาตอบไป
"หือ?" ไป๋ ฉิงเสวียนไม่อาจเข้าใจได้เลย
เขาไม่ได้ทรยศต่ออาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ แต่เขายังคงต้องการเงินจากอาณาจักรดาร์โร มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
แม้ว่านางจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้จนฝึกฝนไปถึงแก่นลึกซึ้ง แต่นางก็ยังเป็นมือใหม่ในด้านการเมือง
“เช่นนั้นข้าจะบอกใบ้ท่านนิดหน่อยแล้วกัน อีกไม่นานท่านก็จะได้รู้แล้ว!” หลินเป่ยฟานยิ้มออกมาอย่างลึกลับ
จากนั้นไป๋ ฉิงเสวียนก็หยิบเครื่องประดับทองและเงินที่อยู่ในมือของหลินเป่ยฟานออกไป และบอกกับจักรพรรดินีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จักรพรรดินีรู้สึกสับสนมากหลังจากได้ยินเช่นนั้น “มันไม่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่และยังสามารถสร้างรายได้แก่อาณาจักรดาร์โรได้ด้วยหรือ? มันจะเป็นเช่นนั้นได้ยังไงกัน? หลินเป่ยฟานกำลังหลอกเราหรือเปล่า?”
เงินส่วยมีจำกัด อาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ต้องการเงินมากขึ้น ส่วนดาร์โรก็ต้องการจ่ายน้อยลง
มันคือการแข่งขันที่ไม่สามารถชนะได้ทั้งสองฝั่ง!
จักรพรรดินีมองไปทางไป๋ ฉิงเสวียน
ไป๋ ฉิงเสวียนได้แต่ส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เขาบอกข้ามา เขาบอกเพียงคำใบ้ให้ข้ารู้และไม่เปิดเผยกลวิธีของเขา ข้าไม่อาจบังคับเขาได้”
"เจ้าสารเลวนี้! ไต่บนเชือกสูง รังแต่ทำให้ผู้อื่นกังวล! เอาเถอะ ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้ากำลังตั้งใจจะทำอะไรอยู่!” จักรพรรดินีกัดฟันแน่น
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็ร่วมเดินทางไปกับคณะทูตจากดาร์โรอีกสองวัน และในที่สุดก็ถึงวันเจรจาแล้ว
ตัวแทนจากทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันอย่างดุเดือดถึงจำนวนเงินค่าชดเชย และปฏิเสธที่จะลดเงินลงแม้แต่นิดเดียว
หลังจากการโต้เถียงกันสามวัน พวกเขาก็ยังไม่บรรลุผลข้อตกลง
ในทางกลับกัน หลินเป่ยฟานกลับเฝ้าดูเรื่องทั้งหมดอย่างไม่สนใจอะไรนัก ไม่ได้พูดเพื่อดาร์โรหรืออาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่เลย
สิ่งนี้ทำให้เจ้าชายแฮมวิตกกังวล เขาจึงส่งของขวัญอีกชิ้นมาให้
“องค์ชาย ได้โปรดวางใจเถิด ข้ากำลังคิดหาวิธีอยู่และกำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะสม! โปรดอดใจรอ ข้าจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ท่านอย่างแน่นอน!”
“ขอบคุณคุณมากท่านหลิน!”
ในที่สุด เมื่อถึงวันที่ห้า พวกเขาก็ตัดสินใจได้
ดาร์โรจะต้องชดเชยอาณาจักรอู๋ด้วยเงินหรือสินค้าจำนวน 3.2 ล้านตำลึงในแต่ละปี
เป็นข้อตกลงที่มากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ในพระราชวังทอง จักรพรรดินีมองดูเงื่อนไขของการชดเชยและเอ่ยถามเสียงดังว่า “ทุกท่าน มีสิ่งใดขัดข้องกับข้อตกลงนี้หรือไม่?”
“เราไม่มีข้อโต้แย้ง!” เหล่าขุนนางทุกคนกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน
ยามนั้นเอง ในที่สุดหลินเป่ยฟานก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป!”