บทที่ 133 - ชาวไซย่ามาเยือน
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 133 - ชาวไซย่ามาเยือน
“โลก? ฝ่าบาท ในที่สุดพระองค์ก็จะส่งกองกำลังออกไปจัดการพวกมันแล้วหรือ? ว่าแต่ทำไมเราไม่ไปดาวเคราะห์เบจิต้าล่ะ? โลกอยู่ห่างจากเราอย่างน้อยหนึ่งปีเลยนะขอรับ!”
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเรื่องดาวเคราะห์เบจิต้าหรอก ไปที่โลกกันก่อนเพื่อดูว่ามันมีอะไรถึงได้ดึงดูดชาวไซย่าพวกนั้นมาก ถ้าเราโชคดีพอ อาจได้พบกับเบจิต้าและเราจะได้สังหารมันก่อน! ชาวไซย่าพวกนั้นทำให้ข้าอับอายมาก ราชาผู้นี้จะค่อยๆ ทรมานพวกมันไปอย่างช้าๆ!”
“ข้าจะฆ่าพวกระดับสูงของชาวไซย่าทีละคนก่อน และในที่สุดเมื่อข้าต่อสู้กับลิงก์ตัดสินชี้ชะตา ใบหน้าของมันคงหวาดกลัวและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง”
คูลเลอร์กล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจังและคำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง ราวกับว่าเขาไม่ได้สนอีกฝ่ายที่สามารถกลายเป็นซูเปอร์ไซย่าได้เลย
เซาเซอร์เริ่มตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น "ในที่สุด! ฝ่าบาท แล้วทวารดวงดาวยักษ์ล่ะ? ท่านจะใช้มันเลยไหม?"
“ปล่อยมันไว้ก่อน เราจะใช้พลังของมันเมื่อเราโจมตีดาวเคราะห์เบจิต้า!”
"ขอรับ!"
กองกำลังคูลเลอร์ที่จัดระเบียบใหม่หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เอเลี่ยนนับหมื่นก็ได้รับการคัดเลือกเข้ามา เอเลี่ยนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีระดับพลังหลายพัน แต่ก็มีไม่น้อยที่มีระดับพลังมากกว่า 10,000 ในขณะที่ระดับพลังของสามยอดฝีมือของฝูงบินหุ้มเกราะคูลเลอร์นั้นเกิน 200,000 ไปแล้ว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กองกำลังคูลเลอร์ที่หยุดนิ่งไม่ได้อยู่เฉยๆ หลังจากสังเกตเห็นวิธีการฝึกของชาวไซย่าผ่านกองทัพลับ คูลเลอร์จึงได้แนะนำมันและแพร่กระจายไปทั่ว ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของกองกำลังคูลเลอร์ก้าวกระโดดสูงอย่างยิ่งยวด
ด้วยการนำทัพของคูลเลอร์ กองทัพนี้ได้เริ่มเดินทางในยานอวกาศและบินมุ่งหน้าตรงไปที่โลก
ยานอวกาศรูปแผ่นได้มารวมตัวกันและเมื่อพวกมันบินออกจากดาวเคราะห์ พวกมันก็รวมตัวกันไปยังตำแหน่งเดียวกัน
ซึ่งเมื่อยานอวกาศเหล่านี้ได้มารวมตัวกัน มันก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากอวกาศ
“ฝ่าบาท กองทัพคูลเลอร์ทั้งหมดเข้าสู่โหมดซ่อนตัวแล้ว”
“เช่นนั้นก็เดินทางได้แล้ว! เป้าหมายคือโลก!”
…
ไม่นานหลังจากนั้น ณ โลก
ภาพแห่งความสงบสุขมีให้เห็นอยู่ทั่ว
นับตั้งแต่การทำลายกองทัพโบว์แดงและการตายของราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่พิคโกโร่ โลกก็ได้ช่วงเวลาแห่งความสุขคืนกลับมา
นอกเหนือจากเหตุปล้นที่เกิดเป็นครั้งคราวแล้ว ก็แทบไม่มีอาชญากรรมอะไรเกิดขึ้นในโลกเลย
สิ่งนี้ทำให้โกคูและคนอื่นๆ ที่กลับมาจากดาวเคราะห์ของไคโอเหนือรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะใช้ความสามารถของพวกเขา
ดังนั้นทุกครั้งที่ทุกคนตกลงที่จะพบปะกันที่บ้านของผู้เฒ่าเต่า พวกเขาก็จะประลองกันด้วย
ในหุบเขาที่แห้งแล้ง คุริรินและหยำฉากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ทั้งคู่มีออร่าสีแดงเลือดแปลกๆ ราวกับเปลวเพลิงสีแดงสองลูกกำลังปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
การต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบของพวกเขาสั่นสะเทือน จนทำให้แมลงวันทรายและหินกระเด็นไปทั่วในอากาศ
ตู้ม!
ท่ามกลางเสียงอันดังสนั่น ร่างของทั้งสองเข้าปะทะกันแล้วตกลงบนพื้นจนสร้างรอยลึกบนหินแข็ง
“หุหุ! หยำฉา เจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมเลยนะ แต่ว่านี้ไม่น่าจะใช้วิชาหมัดเจ้าพิภพสูงสุดที่เจ้ารับไหวไม่ใช่เหรอ?” คุริรินถามหยำฉาที่อยู่ตรงข้ามเขาขณะเช็ดเหงื่อออก
หยำฉายกมือขึ้น คุกเข่าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ แต่เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ? ยามที่อยู่บนดาวเคราะห์ไคโอเหนือ ข้าคล้ายถูกทิ้งห่างไปไกลมาก หากข้าไม่พยายาม ข้าคงจะตามไม่ทันเลยจริงๆ”
"ฮ่าๆ! พวกเราทุกคนก็แข็งแกร่งขึ้น แต่ข้าสงสัยว่าโกคูกับคนอื่นจะเป็นยังไงกันบ้างนะ...เจ้านั้นมีพ่อคอยชี้ทางให้ เขาคงจะแข็งแกร่งมากเลยใช่ไหม? ตอนนั้นที่ดาวเคราะห์ของไคโอเหนือ เราตามหลังเขาอยู่มากแล้ว ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเรายังพอมีความหวังที่จะไล่ตามเขาทันหรือเปล่า ส่วนเทนชินฮังกับที่เหลือคงจะแข็งแกร่งมากขึ้นเหมือนกัน!”
“อย่าลืมพิคโกโร่ไปสิ! ชายผู้นั้นไม่ปรากฏตัวนับตั้งแต่เขากลับมาที่โลก เขาไม่ได้เข้าร่วมการพบปะของเราด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจจะฝึกทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้”
“ใช่…เราไม่สามารถผ่อนคลายได้เลยจริงๆ…” คุริรินถอนหายใจออกมา
ตั้งแต่ไปที่ดาวเคราะห์ไคโอเหนือ ความแข็งแกร่งของกลุ่มของพวกเขาก็ก้าวกระโดดอย่างสูง
มันแตกต่างจากงานต้นฉบับมาก เพราะคุริรินและคนอื่นในจักรวาลนี้ได้รับการฝึกฝนบนดาวเคราะห์ไคโอเหนือเป็นเวลาปีกว่า ซึ่งนานกว่าในงานเขียนต้นฉบับพอสมควร
ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงสูงกว่าในงานต้นฉบับ
ทุกคนได้ฝึกฝนวิชาหมัดเจ้าพิภพ ซึ่งเป็นวิชาพิเศษของไคโอเหนือ
ทว่าแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก แต่คุริรินและคนอื่นๆ ก็ยังไม่กล้าที่จะเฉื่อยชา
เพราะถึงจะไม่นับหลินเฉิน แต่ตัวตนที่อยู่ในวังพระเจ้ายังมีสัตว์ประหลาดที่พวกเขายังไม่อาจชนะได้อยู่
“นายท่านหยำฉา หมดเวลาแล้ว!”
ในยามนั้นเอง ปูอัลได้บินมาจากด้านข้างและเตือนพวกเขาทั้งสอง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยำฉาก็พูดว่า “ไปกันเถอะคุริริน ไปที่บ้านผู้เฒ่าเต่ากัน”
"ไปกันเลย!"
ณ ภูเขาเปาซู บ้านของโกคู
จีจี้ใส่เสื้อผ้าให้โกฮังอย่างระมัดระวังแล้วพูดกับโกคูว่า “รีบไปรีบกลับมาล่ะ ต้องรีบกลับมาทำการบ้านช่วยโกฮังนะ”
“จีจี้ เจ้าตกลงที่จะให้โกฮังไปฝึกไม่ใช่หรือ?” โกคูถามด้วยความประหลาดใจ
“การฝึกก็คือการฝึก แต่เขาต้องทำการบ้านด้วย สำหรับโกฮัง หากเขาต้องการที่จะเป็นผู้ฝึกวิชายุทธ์หรือนักเรียนมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา! ถูกต้องไหมจ๊ะโกฮัง?”
"ครับ" โกฮังที่อายุเพียงสี่ขวบพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เพราะบาร์ดัคได้กลับมาอยู่กับโกคูอีกครั้ง ทำให้จีจี้และโกคูมีชีวิตที่ดีขึ้นมาในจักรวลานี้
นอกโลก ทองคำและเพชรไม่ได้เป็นสิ่งที่หายากเลย
เมื่อโกคูแต่งงาน บาร์ดัคได้มอบทองคำและอัญมณีจำนวนมากให้เป็นของขวัญแต่งงาน เพราะคำแนะนำของไทต์
นอกจากนี้หลินเฉินยังให้เงินจำนวนมากเมื่อพวกเขาแต่งงานกัน ดังนั้นครอบครัวของโกคูจึงมีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินกันอีก ดังนั้นในจักรวาลนี้ จีจี้จึงไม่กดดันมากและโกฮังตัวน้อยก็ได้รับอนุญาตให้เรียนรู้ฝึกฝนวิชายุทธ์ได้ด้วย
“จีจี้ เจ้าจะไม่ไปบ้านผู้เฒ่าเต่ากับเราเหรอ?”
โกคูยกโกฮังน้อยนั่งบนเมฆสีทองและเอ่ยถาม
“ไม่ล่ะ วันนี้ข้าจะไปเมืองใกล้ๆ เพื่อเลือกโรงเรียนอนุบาลให้โกฮัง บ้านของเราอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ ข้าอยากให้โกฮังมีเพื่อนมากกว่านี้ในโรงเรียนอนุบาล”
“โอ้ โกฮัง เจ้าจะได้ไปโรงเรียนอนุบาลเร็วๆ นี้แล้วนะ! มีความสุขไหม?”
"หือ?" ซุนโกฮังไม่เข้าใจคำพูดพ่อของตนและได้แต่มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
โกคูหัวเราะ จากนั้นก็บินผ่านท้องฟ้าไปยังบ้านผู้เฒ่าเต่า
ในเวลาเดียวกันที่มุมหนึ่งของโลก ลูกไฟขนาดใหญ่สองลูกได้ตกลงมาจากฟากฟ้าและจากนั้นพวกมันก็บินผ่านฟาร์มแห่งหนึ่งไป
ชาวนาคนหนึ่งเห็นอุกกาบาตทั้งสองลอยผ่านเหนือศีรษะของเขา ก่อนที่จะตกลงมายังพื้นห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร เขาวางสิ่งที่ทำอยู่ในมือลงไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะขับรถไล่ตามอุกบาต
บนทุ่งหญ้าห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร หลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่สองหลุมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสิบเมตรได้ปรากฏขึ้นบนพื้นดิน
.
หลุมอุกกาบาตทั้งสองมีความลึกประมาณห้าหรือหกเมตร รอยอุกบาตนี้มันเกิดจากยานอวกาศสีขาวที่ถูกฝังด้วยทรายและหินอยู่ตรงจุดกึ่งกลาง
“แคร่ก!”
ยานอวกาศสองลำสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง และจากนั้นมันก็เปิดออกอย่างเชื่องช้า
เป็นเบจิต้าและราดิชเดินออกมาจากตัวยาน
“ที่นี่คือโลกหรือ?” เบจิต้าขมวดคิ้ว