ตอนที่ 572 พลังที่คาดไม่ถึง
ตอนที่ 572 พลังที่คาดไม่ถึง
“ฉันขอตั้งชื่อมันว่าฝ่ามือใบไม้ร่วงก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยตอบกลับเบา ๆ
“ฝ่ามือใบไม้ร่วง! ชื่อดีนี่” อันธกล่าวอย่างตื่นเต้น
“แต่ฉันคิดว่านี่มันไม่ใช่วิชาการต่อสู้หรอกนะ แต่มันเป็นฝ่ามือที่มีเอาไว้สำหรับการสังหารมากกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ฟุบ!
ทันทีที่พูดจบร่างของชายหนุ่มก็หายไปจากตำแหน่งเดิมในพริบตา และเมื่อเขาได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าสัตว์ประหลาดแมงมุม เขาก็เริ่มปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างช้า ๆ เหมือนกับใบไม้ที่ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงบนพื้น
ตูม!
ท่วงท่าของฝ่ามือใบไม้ร่วงดูเชื่องช้าอย่างน่าใจหาย แต่ทันทีที่มันได้สัมผัสกับเป้าหมาย มันกลับก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกับบาดแผลฉกรรจ์ที่ถูกพลังฉีกออกจากกันเป็นชิ้น ๆ
แต่นี่มันยังไม่ใช่จุดจบ!
กฎแห่งความโกลาหลถูกแผ่ออกไปจากฝ่ามือไหลเข้าไปภายในร่างของสัตว์ประหลาดอย่างรวดเร็ว โดยพวกมันให้ความดุร้ายราวกับสว่านที่กำลังเจาะทะลวงเข้าไปในร่างกาย จนทำให้อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง
“การเคลื่อนไหวของฝ่ามือดูคล้ายกับใบไม้ที่ร่วงหล่น แต่พลังของมันกลับให้ความรู้สึกถึงความเหี่ยวเฉาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฝ่ามือนี้เหมาะสมแล้วที่นายจะเรียกมันว่าฝ่ามือสังหาร” อันธอุทานด้วยแววตาอันเป็นประกาย
ท้ายที่สุดนี่ก็คือวิชาของกฎแห่งความโกลาหลที่เซี่ยเฟยได้บัญญัติขึ้นมาด้วยตัวเอง อันธที่สังเกตการเติบโตของชายหนุ่มมาตั้งแต่แรกจึงรู้สึกภาคภูมิใจเป็นธรรมดา
กี๊ด!
จู่ ๆ ดวงตาของมู่ฉิวโป๋ก็เปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีม่วง ซึ่งมันเป็นดวงตาที่แสดงถึงความโกรธชนิดที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ในเวลาเดียวกันหนอกอันแปลกประหลาดบริเวณด้านหลังของสัตว์ประหลาดแมงมุมก็เริ่มสั่นขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ามือของชายหนุ่มไม่เคยก่อให้เกิดพลังแห่งความโกลาหลที่รั่วไหลเข้าไปภายในร่างของศัตรูมาก่อน หนอกชิ้นนี้จึงยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่เมื่อหนอกถูกสัมผัสมู่ฉิวโป๋กลับส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความดุร้ายคล้ายกับว่าหนอกบริเวณด้านหลังคือสิ่งสำคัญสำหรับมันมาก
“หือ?” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว
มู่ฉิวโป๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนใกล้จะตายเต็มที แต่การจู่โจมของเขาเมื่อสักครู่นี้กลับทำให้มันบ้าคลั่งขึ้นอย่างฉับพลัน
“หนอกด้านหลังของมันไม่ใช่หนอกธรรมดางั้นเหรอ?”
นักรบมากประสบการณ์จะรู้ดีว่าการตัดสินผลลัพธ์ของการต่อสู้ไม่ได้วัดกันด้วยทักษะและพละกำลังเท่านั้น แต่หนึ่งในสิ่งที่สำคัญคือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่พร้อมจะลากศัตรูตายไปพร้อมกับมันด้วย
ในหลาย ๆ เหตุการณ์แม้ว่าร่างกายจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว แต่นักรบก็ยังสามารถระเบิดพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาออกมาได้โดยอาศัยแรงใจในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ในตอนนี้สัตว์ประหลาดด้านหน้ากำลังแสดงปฏิกิริยาที่จะใช้แรงใจในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตออกมาเช่นเดียวกัน และชายหนุ่มก็ไม่สามารถประเมินได้จริง ๆ ว่าพลังที่มันจะระเบิดออกมาจะมีความรุนแรงมากแค่ไหน
ทันใดนั้นมันก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง โดยกล้ามเนื้อทุกตารางนิ้วของแมงมุมตรงหน้ากำลังสั่นไหวด้วยความเร็วสูง ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นหมอกสีชมพูก็เริ่มแพร่ออกไปปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ป่าในทันที
แกร็ก!
หมอกสีชมพูพวกนี้มีอุณหภูมิที่ต่ำมาก มันจึงทำให้ทุกสิ่งที่สัมผัสกับตัวหมอกต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว
เซี่ยเฟยรีบเรียกเสื้อเกราะโลหะเหลวขึ้นมาปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งชุดเกราะนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตลอดเวลาเท่านั้น แต่มันยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้นักรบสามารถทนอยู่ในสภาวะแวดล้อมอันรุนแรงได้อีกด้วย
ชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวภายในหมอกอย่างช้า ๆ แต่เนื่องจากมันมีชั้นน้ำแข็งเกาะอยู่บนชุดเกราะเป็นชั้น ๆ มันจึงทำให้เขาไม่สามารถที่จะเร่งความเร็วภายใต้สภาพแวดล้อมปัจจุบันได้
คลื่น!
สัตว์ประหลาดแมงมุมเริ่มขุดลงไปยังชั้นใต้ดิน ซึ่งชายหนุ่มก็เดินตามเส้นทางหลบหนีของมู่ฉิวโป๋ไปตามอุโมงค์โดยไม่ลังเล
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้เดินทางไปจนถึงลานโล่งที่อยู่ลึกลงมาจากใต้ผิวดินไม่น้อยกว่า 10,000 กิโลเมตร ซึ่งอุณหภูมิในพื้นที่บริเวณนี้ต่ำมากจนทุกอย่างถูกเกาะกุมด้วยน้ำแข็ง
ทั่วทั้งพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยใยแมงมุมเยอะแยะมากมาย ซึ่งสถานที่แห่งนี้มันก็น่าจะเป็นรังขนาดใหญ่ของพวกแมงมุม
ทันทีที่ลงมาถึงรังแห่งนี้สัตว์ประหลาดแมงมุมก็หมอบตัวลงกับพื้น พร้อมกับปล่อยให้หนอกประหลาดบนหลังของมันค่อย ๆ ลอกออกอย่างช้า ๆ โดยไม่คำนึงเลยว่าเซี่ยเฟยได้ติดตามมันมาที่รังแห่งนี้หรือไม่
ในเวลาเดียวกันชายหนุ่มก็ยังไม่รีบร้อนที่จะทำการโจมตี เพราะเขากำลังรู้สึกสนใจพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของสัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่ ชายหนุ่มจึงหามุมมืดซ่อนตัวสังเกตการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดแมงมุมอย่างระมัดระวัง และในเวลานั้นเขาก็ได้พบว่าหนอกด้านหลังของมันกำลังแตกออกอย่างสมบูรณ์
ในที่สุดมันก็ได้มีไข่สีขาวขนาดใหญ่ปรากฏออกมา ซึ่งสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็รีบใช้มือทั้งสองข้างประคองไข่ลงไปวางบนพื้นอย่างระมัดระวัง
พื้นที่ที่สัตว์ประหลาดนำไข่ไปวางเอาไว้นั้นถูกปูรองด้วยเกล็ดหิมะอ่อน ๆ คล้ายกับผ้าปูที่นอนสำหรับเด็ก ซึ่งไข่ฟองนี้เป็นไข่วงรีขนาดไม่ใหญ่มากนัก โดยรวมแล้วมันก็มีขนาดใหญ่กว่าไข่นกกระจอกเทศเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนางพญาแมงมุมถึงออกไปสู้กับเราก่อน ที่แท้มันให้แมงมุมตัวผู้คอยฟักไข่อยู่ในรังนี่เอง แต่นิสัยของสัตว์ประหลาดพวกนี้ค่อนข้างแปลกมาก ฉันไม่คิดเลยว่าแมงมุมตัวผู้จะมีหน้าที่ในการวางไข่แบบนี้” อันธกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ
‘เดี๋ยวก่อนนะ! ทั้งนางพญาแมงมุมแล้วก็ราชาแมงมุมต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นราชาของสัตว์ประหลาดใช่ไหม? แบบนี้ไข่ของพวกมันก็ควรจะเป็นไข่ของราชาสัตว์ประหลาดด้วย ไข่ฟองนั้นน่าจะต้องมีราคาสูงมากแน่ ๆ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
เมื่อสัตว์ประหลาดแมงมุมวางไข่ลงไปบนพื้น มันก็ยืนหยัดส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างสิ้นหวังราวกับว่ามันกำลังตะโกนเรียกเซี่ยเฟยให้ออกมาต่อสู้กับมันจนตาย
ชายหนุ่มเดินออกมาจากมุมมืดอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะมองไปยังแมงมุมตรงหน้าด้วยแววตาอันเย็นชา จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปตรงหน้าและกระดกนิ้วเรียกสัตว์ประหลาดเข้ามาหาเขาเบา ๆ
“ในเมื่อแกไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ฉันจะส่งแกไปลงนรกเดี๋ยวนี้เลย!”
ฝ่ามือใบไม้ร่วง!
หลังจากได้ปลดปล่อยพลังผ่านทางฝ่ามือไปหลายครั้ง เซี่ยเฟยก็เริ่มคุ้นเคยกับวิชาใหม่ของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ได้เรียนรู้หลักการมาแล้วว่าหากเขาต้องการที่จะแสดงพลังของกฎแห่งความโกลาหลออกมาให้ได้ถึงขีดสุด เขาก็จำเป็นจะต้องละทิ้งทุกสิ่งในระหว่างการจู่โจมออกไปด้วยเช่นกัน
การจู่โจมด้วยฝ่ามือของชายหนุ่มค่อนข้างที่จะเชื่องช้า แต่พลังทำลายที่แฝงอยู่ในฝ่ามือนี้คือพลังมหาศาลอย่างที่ไม่อาจจะเปรียบเทียบได้
ในเวลาเดียวกันสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ยังไม่ยอมที่จะตายแต่โดยดี มันจึงยังคงทำการจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยอย่างบ้าคลั่งต่อไป
แต่ในคราวนี้เซี่ยเฟยไม่เลือกที่จะหลบการโจมตี แต่เขาต้องการที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูตรง ๆ
ตูม!
เมื่อแท่งน้ำแข็งปะทะเข้ากับฝ่ามือใบไม้ร่วง แท่งน้ำแข็งเหล่านั้นก็ถูกทำลายลงไปอย่างฉับพลันพร้อมกับมีเศษน้ำแข็งแตกกระจายว่อนไปทั่วทั้งพื้นที่
เห็นได้ชัดเลยว่าเซี่ยเฟยสามารถสำแดงพลังของกฎแห่งความโกลาหลออกมาได้อย่างรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่เสี้ยววินาที ในที่สุดฝ่ามือนี้ก็ปะทะเข้ากับร่างของสัตว์ประหลาดแมงมุม
ตูม!
ถ้ำอันใหญ่โตสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมกับร่างของสัตว์ประหลาดที่แตกออกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ จากนั้นมันก็มีร่าง 3 ร่างกระเด็นออกไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าร่างพวกนี้ก็เกิดจากร่างทั้งสามที่ได้หลอมรวมจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดแมงมุมที่ทรงพลังนั่นเอง
ก่อนหน้านี้ร่างของพวกเขาได้รวมเข้าด้วยกันจากกฎแห่งการหลอมรวมแล้ว แต่การจู่โจมด้วยกฎแห่งความโกลาหลของชายหนุ่มกลับแยกร่างของพวกเขาออกจากกันอีกครั้ง
ใช้กฎแห่งความโกลาหลเพื่อทำลายพันธะของกฎอื่นงั้นเหรอ!?
หรือว่าพลังนี่คือพลังที่แท้จริงของกฎแห่งความโกลาหล!!
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งเซี่ยเฟยและอันธต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะตัวของเซี่ยเฟยเองที่แทบไม่อยากจะเชื่อว่ากฎแห่งความโกลาหลที่เขาได้ปล่อยออกไป สามารถที่จะทำลายพันธะของกฎแห่งการหลอมรวมได้ด้วย
ชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์อันปั่นป่วนที่เกิดขึ้นภายในใจ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เดินเข้าไปหามู่ฉิวโป๋อย่างช้า ๆ
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?!” ชายชราทำได้เพียงแต่ส่งเสียงพึมพำออกมาเบา ๆ ภายใต้ลมหายใจที่รวยรินใกล้จะเสียชีวิตเต็มที
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปให้กับแมงมุมน้ำแข็งทั้งสองตัว แต่เขาก็ยังคงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นผ่านดวงตาของร่างสัตว์ประหลาดได้อย่างชัดเจน
ฉึก!
ชายหนุ่มเสือกแทงมีดภายในมือออกไปเบา ๆ มอบจุดจบของชีวิตที่แท้จริงให้กับชายชรา
“ฉันว่าพลังของกฎแห่งความโกลาหลมันโดดเด่นมากจนเกินไป ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าพยายามใช้พลังนี้ต่อหน้าของคนอื่นก็แล้วกัน” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว หลังจากที่ได้เห็นผลลัพธ์ของกฎแห่งความโกลาหล
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เทพขาวดำเป็นตัวตนแบบไหนในเผ่าเทพกันแน่นะ ทำไมเขาถึงได้ครอบครองกฎที่รุนแรงแบบนี้? บางทีพวกเขาก็อาจจะเป็นชนชั้นสูงของเผ่าเทพเลยก็ได้มั้ง”
—
หลังจากกลับเข้ามาในสุสานของโอโร่ เซี่ยเฟยก็ได้นำคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ออกมาเพื่อฟื้นฟูพลังงานให้กับตัวเอง
การจู่โจมเมื่อสักครู่นี้ทรงพลังมาก แต่มันก็ใช้พลังงานปริมาณมหาศาลเช่นเดียวกัน จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าพลังงานภายในร่างทั้งหมดถูกสูบออกไปในคราวเดียว
“นายรู้ตัวไหมว่าเมื่อกี้นายทำอะไรลงไป?” โอโร่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
เซี่ยเฟยนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม เพราะเขายังคงคิดเกี่ยวกับวิชาการต่อสู้ที่เขาเพิ่งใช้ออกไปเมื่อสักครู่นี้
“นายทำลายกฎของคนอื่น!! ถึงแม้ว่าฉันจะใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน แต่ฉันก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน สรุปแล้วนายเป็นใครกันแน่? นายได้สืบทอดพลังนั้นมาจากไหน?”
“ผมชื่อเซี่ยเฟย ปัจจุบันอาศัยอยู่ในเขตแดนของตระกูลหยู ไม่ใช่ว่าผมเล่าเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างรำคาญใจ
“เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่เชื่อ!! ถ้านายเป็นเพียงแค่คนธรรมดาแล้วนายจะใช้กฎที่ทรงพลังแบบนั้นออกมาได้ยังไง ฉันถามตรง ๆ นะว่าเมื่อกี้นายได้ใช้กฎอะไรออกไปกันแน่?” โอโร่กล่าวออกไปเสียงดัง
“กฎแห่งมิติไง”
“นายคิดว่าฉันอยู่ในเผ่ามารแล้วจะไม่เคยเห็นกฎของฝั่งเทพมาก่อนงั้นเหรอ?! ฉันขอบอกเลยว่าพวกเทพที่ตายภายใต้เงื้อมมือของฉันมีจำนวนมากกว่าพวกเทพที่นายเคยเห็นมาตลอดชีวิตของนายซะอีก ถึงแม้ว่าการโจมตีของนายจะมีพลังฉีกกระชากของกฎแห่งมิติ แต่มันก็ยังมีพลังอื่นที่ซ่อนอยู่ซึ่งเป็นพลังที่ฉันไม่รู้จัก และพลังนั้นมันก็ถึงกับสามารถลบล้างพันธะของกฎแห่งการหลอมรวมได้อีกด้วย” โอโร่กล่าว
“มันไม่ได้ลึกลับอะไรเหมือนกับที่คุณพูดหรอก ผมก็แค่ตีความกฎแห่งมิติแตกต่างจากคนอื่น” เซี่ยเฟยกล่าว
ไม่ว่าโอโร่จะถามอะไรแต่เซี่ยเฟยก็ยังคงยืนยันอยู่เหมือนเดิมว่าพลังที่เขาใช้คือกฎแห่งมิติ จอมมารเกราะดำจึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจอย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
“มันคือการตีความที่แตกออกไปของกฎแห่งมิติจริง ๆ งั้นเหรอ?” โอโร่พึมพำกับตัวเองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“พวกเรามาคุยกันเรื่องเงื่อนไขของการปล่อยตัวคุณออกไปจากที่นี่กันดีกว่า” จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาอย่างกะทันหัน
คำพูดนี้ทำให้โอโร่ตกตะลึงในทันที เพราะหลังจากที่เขาได้ถูกกักขังมาเป็นเวลาเนิ่นนานหลายแสนปี ในที่สุดเขาก็จะมีโอกาสได้รับอิสระอีกครั้ง
***************
มารอดูความโลภของพี่เฟยได้เลย 555555