1105 - จักรพรรดิอู่ซือ
1105 - จักรพรรดิอู่ซือ
“ในตอนนี้พวกมันทำตัวราวกับเป็นเทพของโลกอำพรางสวรรค์ แต่ในความเป็นจริงครั้งหนึ่งพวกมันเป็นเพียงข้าทาสเท่านั้น” ชายตาบอดเฒ่ากล่าว
ครั้งล่าสุดที่ระฆังดังขึ้นเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดก็ถูกขับไล่ออกไปด้วยความกลัว นั่นทำให้ภูเขาสีม่วงตอนนี้แทบจะว่างเปล่าไปแล้ว
“เช่นนั้นก็รีบเข้าไปข้างในสิ ว่ากันว่ามียาเซียนหงส์เพลิงอยู่ข้างใน คราวนี้พวกเราจะได้ต้นไม้อมตะมาเป็นของตัวเองแล้ว” ต้วนเต๋อดาวแทบรอไม่ไหว
“เจ้าโจรสุสานตัวน้อยนั่งรออยู่ที่นี่มาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว ถ้าสิ่งมีชีวิตโบราณเหล่านั้นหลบหนีไปจริงๆ มีหรือที่เจ้าจะปล่อยสมบัติที่อยู่ตรงหน้าให้หลุดรอดไป” ชายตาบอดเฒ่ากล่าว
“ให้ตายเถอะ ข้าไม่ได้เป็นคนโลภอย่างที่พวกเจ้าคิด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องมีการแบ่งปันต่อผู้อื่นจิตใจของข้าจึงจะสงบได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน”
“แม้แต่มารดาของเจ้ายังไม่เชื่อคำพูดนี้!” ชายตาบอดเฒ่ากล่าว
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระดีกว่า เราจะแอบเข้าไปหรือจะบุกเข้าไปข้างในตรงๆเลย?” เย่ฟ่านถาม
ต้วนเต๋อกล่าวว่า “สุสานใหญ่ทุกแห่งล้วนเป็นศิลปะอันงดงาม การบุกเข้าไปด้วยกำลังถือเป็นการก่อกรรมทำเข็ญและเป็นการเหยียบย่ำหัวใจของนักโบราณคดีอย่างเรา หากต้องการเข้าไปข้างในเราจำเป็นต้องเดินเข้าไปด้วยความสุภาพ”
“ไสหัวไปข้างๆ!”
ชายชราตาบอดตบหลังศีรษะต้วนเต๋อแล้วโยนกระดองเต่ากองหนึ่งลงที่พื้น
ในที่สุดเขาก็ชี้ไปที่เส้นเลือดมังกรแล้วกล่าวว่า นั่นคือประตูแห่งชีวิตเราจะเข้าไปทางนี้
เย่ฟ่านหัวเราะเบาๆ ทันทีที่เห็น มันเป็นเส้นทางที่เขาเคยใช้เดินเข้าไปในภูเขาจักรพรรดิเมื่อหลายปีก่อน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เดินเข้าไปในเส้นทางเดิมอีกครั้งสีหน้าของเย่ฟ่านก็เริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกสิ่งที่นี่ดูเหมือนจะเกิดความสับสนวุ่นวายแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
“ในอดีตนี่คือเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด แต่หลังจากที่เสี่ยวเย่จื่อเดินผ่านมันไปครั้งหนึ่ง เส้นทางนี้ก็เปลี่ยนเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดแทน”
เมื่อตระหนักได้ดังนั้นทั้งสามคนก็ถอยกลับและเริ่มมองหาเส้นทางอื่นแทน
ชายชราตาบอดเขย่ากระดองเต่าและโยนลงไปบนพื้นอีกครั้ง
ด้วยท่าทางเคร่งขรึมบนใบหน้า เขาปฏิเสธเส้นเลือดมังกรห้าเส้นติดต่อกัน โดยตรวจสอบทีละเส้นว่าพวกมันล้วนเป็นทางตันที่สืบทอดมาจากรุ่นก่อนๆ
ต่อให้ไม่มีอันตรายใดๆ พวกเขาก็ไม่สามารถใช้เส้นทางเหล่านี้ทะลุไปถึงแกนกลางของภูเขาสีม่วงได้
เหลือเพียงสามเส้นทางสุดท้ายเท่านั้น หลังจากคัดเลือกอย่างจริงจังพวกเขาพบว่าเส้นทางเหล่านี้ทอดยาวเข้าสู่ส่วนลึกของภูเขาสีม่วงได้ทั้งหมด สุดท้ายพวกเขาเลือกเส้นทางที่มีเลขหกและเริ่มก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
“นี่เป็นเส้นทางที่ทอดยาวสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวหรือไม่?” ต้วนเต๋อพึมพำ
เส้นเลือดมังกรนี้ยาวไกลอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกเขาใช้เวลาเดินกว่าครึ่งวันก็ยังไปไม่ถึงจุดสิ้นสุด มิหนำซ้ำบรรยากาศโดยรอบยังไม่ใช่ถ้ำโบราณแบบที่เย่ฟ่านเคยเข้าไป มันมีลักษณะคล้ายกับจักรวาลอันมืดมิดที่มีดวงดาวกระจายอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
“มันเป็นทุ่งดวงดาวจริงๆ” แม้แต่เย่ฟ่านก็ยังสับสนกับภาพที่เห็น
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงประวัติศาสตร์ลับของการออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกของเหล่าจื๊อ โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่ด่านหานกู่และปลายทางคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เป็นไปได้ไหมว่าเส้นเลือดมังกรนี้ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน จุดสิ้นสุดของเส้นทางนี้คือทุ่งดวงดาวแห่งใดแห่งหนึ่ง?
“นี่ไม่ใช่เส้นทางที่นำไปสู่ทุ่งดวงดาว แต่มีลักษณะคล้ายกัน เจ้าจะเรียกมันว่าทุ่งดวงดาวขนาดย่อที่จักรพรรดิอู่ซือสร้างขึ้นมาตามความทรงจำก็ได้” ชายตาบอดเฒ่ากล่าว
เย่ฟ่านตกตะลึง เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร เขาต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะบินผ่านทุ่งดวงดาวที่ไม่สิ้นสุดนี้ได้? เกรงว่าด้วยความเร็วของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้ใช้เวลาหลายหมื่นปีก็ไม่มีทางทำได้สำเร็จ
“มันไม่ใช่ทุ่งดวงดาวที่แท้จริง จักรพรรดิอู่ซือได้ทิ้งข้อความไว้ในเส้นเลือดมังกรสองสามเส้นแรก เขาชี้ให้เห็นถึงวิธีการที่จะใช้ผ่านเส้นทางนี้ไว้แล้ว” ชายชราตาบอดกล่าว
ต้วนเต๋อกล่าวว่า “นี่ไม่จำเป็นต้องมาจากจักรพรรดิอู่ซือ บางทีมันอาจจะได้รับการขัดเกลาโดยจักรพรรดิอมตะ ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือหลุมฝังศพของเขาตั้งแต่แรก”
“มันเป็นไปไม่ได้ ด้วยพลังของจักรพรรดิอมตะสถานที่แห่งนี้จะไม่ใช่แค่ทุ่งดวงดาวจำลองเท่านั้น แต่มันจะกลายเป็นทุ่งดวงดาวที่แท้จริงแทน” ชายชราตาบอดเริ่มอนุมานด้วยกระดองเต่าอีกครั้ง
ภายใต้คำแนะนำของจักรพรรดิอู่ซือ บวกกับการยืนยันจากกระดองเต่า พวกเขาได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
หลังจากที่ใช้เวลาค้นหาทางออกอยู่หลายวัน และในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบชายขอบของทุ่งดวงดาวเล็กๆ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะใช้พลังมากเพียงใดพวกเขาก็ไม่สามารถทำลายขอบเขตเพื่อก้าวออกไปข้างนอกได้
หลายวันต่อมาพวกเขาก็หลงทางในทุ่งดาวที่น่าสะพรึงกลัวนี้อีกครั้ง มันคล้ายกับมีพลังลึกลับบางอย่างที่ทำให้จิตใจของพวกเขาเกิดความสับสนจนหาทางออกไม่ได้
ทันใดนั้น หลุมดำที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของเย่ฟ่าน
“บูม”
ค้อนทองคำม่วงของเย่ฟ่านเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาใช้อาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วฟาดเข้าไปที่หลุมดำนั้นด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
“นั่นคือประตูทางออก!” ชายตาบอดเฒ่าตะโกนอย่างสิ้นหวัง
“เช่นนั้นท่านจะรออะไร รีบใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์ทำลายประตูทางออกเร็ว” ต้วนเต๋อกล่าว
“ไม่ ถ้าเราใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วตอนนี้ มันอาจทำให้ระฆังปราศจากจุดเริ่มต้นสั่นสะเทือน เมื่อมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอาวุธเต๋าสุดขั้ว พวกเราทุกคนจะถูกสังหารอยู่ที่นี่ทันที”
ชายชราตาบอดส่ายหน้าแล้วและจ้องมองไปที่เย่ฟ่านอย่างจริงจัง
“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะทดลองเอง” เย่ฟ่านกล่าว
หลุมดำในทุ่งดาวคืออะไร? มันสามารถดูดกลืนทุกอย่างและทำลายทุกสิ่ง มีเพียงร่างของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณในระดับผู้อมตะเท่านั้นที่จะหยุดยั้งมันได้
เมื่อตระหนักได้ถึงความคิดนั้นเย่ฟ่านก็ใช้หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดบรรจุทั้งสองคนไว้ข้างใน จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจอย่างลึกล้ำและกระโดดเข้าไปในหลุมดำโดยไม่มีความลังเล
“บูม”
ร่างของเขาจมเข้าไปในหลุมดำ แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวบีบรัดร่างกายของเย่ฟ่านอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งเค่อ (15 นาที) ร่างของเย่ฟ่านก็หลุดออกมาจากความว่างเปล่าและยืนอยู่ภายในห้องโถงโบราณแห่งหนึ่ง
พวกเขาเข้าไปในด้านในของภูเขาสีม่วงได้สำเร็จ ต้วนเต๋อและชายชราตาบอดถูกปล่อยออกมาจากหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดอีกครั้ง
“ไม่คิดเลยว่าตัวข้าจะมีโอกาสพิชิตสุสานจักรพรรดิ์อู่ซือ ข้าคือนักโบราณคดีที่เก่งที่สุดในโลก” ต้วนเต๋ออุทานด้วยความตื่นเต้น
“เราจะไปสักการะจักรพรรดิอู่ซือหรือไม่?”
ชายชราตาบอดรู้สึกไม่สบายใจและจ้องมองไปยังทิศทางหนึ่ง
เมื่อเย่ฟ่านและต้วนเต๋อได้ยินสิ่งนี้ ทั้งคู่ก็มองไปในทิศทางนั้นและเส้นผมของพวกเขาก็ตั้งตรงด้วยความกลัว
ที่นั่นมีแท่นเต๋าสูงตระหง่านหลายพันวา มีหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่รอบๆ ทำให้แท่นเต๋านั้นดูลึกลับและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
และที่ด้านบนสุดของแท่นเต๋ามีร่างของชายหนุ่มผู้สูงสง่ากำลังนั่งสมาธิอย่างเงียบๆ กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขานั้นทำให้ทั้งสามคนหวาดกลัวจับใจ!
เขาคือจักรพรรดิอู่ซือหรือไม่? ทันทีที่ทั้งสามมองเห็นร่างของชายหนุ่มคนนั้น แผ่นหลังของพวกเขาก็เย็นยะเยือกราวกับตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง
ในทันใดนั้นชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนแท่นเต๋าก็ลืมตาตื่นขึ้น
“เขายังมีชีวิตอยู่!”
ต้วนเต๋อเย็นวาบไปทั้งหนังศีรษะ เสียงฟันที่กระทบกันของเขาดังก้องอยู่ในห้องโถงโบราณอย่างชัดเจน
แน่นอนเหตุการณ์นี้น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง แม้ว่าทั้งสามคนจะค่อนข้างมั่นใจว่าจักรพรรดิอู่ซือยังไม่ตาย แต่การที่มองเห็นเขาลืมตาตื่นขึ้นเช่นนี้ทั้งสามคนก็อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้!
“ไม่ถูกต้อง!”
แม้ว่าฉายาของชายชราตาบอดจะมีคำว่า “ตาบอด” อยู่ด้วย แต่ในความเป็นจริงสายตาของเขาดีกว่าใครๆ และสามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ต้วนเต๋อก็กระตุ้นดวงตาหยินหยางของเขาและจ้องมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง
“ให้ตายเถอะนั่นมันราชาโบราณผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งมีชีวิตอมตะที่แท้จริง!’”
…….