ตอนที่แล้วบทที่ 602: เสี่ยวเหยาทนไม่ไหวอีกต่อไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 604: ท่านช่วยย่างเนื้อให้ก่อนไปจับตัวพวกเขาได้ไหม?

บทที่ 603: เขากินอะไรไม่ลงแล้ว


ระหว่างที่หลงเหยากำลังพูดก็มีเสียง ‘แปร้ด’ ดังขึ้นหลายครั้งในความมืด

เสียงชื้นแฉะนั้นมันดังมาพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่พุ่งเข้าใส่จมูกของกู่สือโดยตรง

มันทำให้ชายหนุ่มที่ได้รับกลิ่นสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“เสียงอะไรน่ะ นี่เจ้ากำลังทำอะไร!!?”

ยามนี้เจ้ามังกรน้อยรู้สึกเสียใจมาก “เสี่ยวเหยาบอกแล้วว่าเสี่ยวเหยาทนไม่ไหว เป็นเพราะท่านนั่นแหละ ท่านต้องช่วยเสี่ยวเหยาจัดการกับเรื่องนี้เลยนะ”

ขณะเดียวกัน กู่สือรีบยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูกของตัวเองเพราะเขาคาดเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พอดี ก่อนที่เขาจะถอยหลังหนีไปด้วยท่าทางรังเกียจ

จากนั้นเขาก็ถามพร้อมทำหน้าเหลือเชื่อว่า “ทำไมมันเหม็นขนาดนี้!”

หลงเหยาจิ้มนิ้วชี้ทั้ง 2 ข้างเข้าหากันเป็นจังหวะพลางอธิบายเสียงอ่อย “เมื่อเช้านี้เสี่ยวเหยาขโมยน้ำแข็งมากินก็เลยมีอาการปวดท้อง...”

มังกรน้อยพูดจบแล้วก็แอบเหลือบตามองกู่สือ ซึ่งท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น

ทั้งที่เมื่อกี้นี้เสี่ยวเหยาอึราดกางเกงตัวเอง เสี่ยวเหยาไม่ได้อึใส่กางเกงเขาสักหน่อย ทำไมเขาจะต้องดุเสี่ยวเหยาด้วย

เสี่ยวเหยายังไม่ได้ตำหนิเขาเรื่องที่ไม่ยอมแก้มัดให้เสี่ยวเหยาเลยนะ ฮึ่ม!

“...” ในเวลาเดียวกัน ภูตผมแดงทำหน้าพะอืดพะอม

แอวะ ข้ากินอะไรไม่ลงแล้ว

ไอ้เด็กเวรนี่ทำไมมันถึงน่ารังเกียจได้ขนาดนี้!

ต่อมา กู่สือหันหลังกลับก่อนจะรีบหนีไปจากที่นี่

แต่ใครจะไปคาดคิดว่าหลังจากที่เขาก้าวไปได้เพียง 2 ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนปีศาจดังมาจากเจ้าตัวเล็ก

“ช้าก่อน! ท่านช่วยเอาเสื้อผ้าสะอาดมาให้เสี่ยวเหยาเปลี่ยนได้ไหม แค่ชิ้นเดียวก็ได้ เสี่ยวเหยาต้องรู้สึกอึดอัดมากแน่ ๆ ถ้าถูกทิ้งไว้แบบนี้”

กู่สือที่ได้ยินคำพูดนั้นก็หันกลับไปมองหลงเหยา

ในสายตาของเขาขณะนี้ ดวงตาสีแดงของอีกคนเป็นเหมือนกับดวงตาของปีศาจ

“เสื้อผ้าหรือ? ไม่ ข้าจะไปหาเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้เจ้าได้ที่ไหน” เขาไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าสะอาดให้ตัวเองใส่ด้วยซ้ำ

แถมไอ้เด็กนี่ก็ใส่ชุดอะไรก็ไม่รู้ซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วเขาจะไปหาเสื้อผ้ามาให้มันได้จากที่ไหน?

กู่สือจึงปฏิเสธเด็กชายทันที

มันเป็นเพียงแค่อาหารของเขาเท่านั้น ทำไมเขาจะต้องเอาใจใส่มันด้วย

แล้วใครจะไปหาเสื้อผ้ามาให้อาหารใส่กัน? ตลกตายล่ะ!

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ยามนี้กู่สือกำลังเด็ดใบไม้แถวนั้นมายัดเข้าไปในรูจมูกของตัวเอง ในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าทีละครึ่งก้าว เขาพยายามหันศรีษะไปด้านข้างพร้อมกับยื่นมือออกไปสุดแขนเพื่อช่วยหลงเหยาเปลี่ยนกางเกง

เด็กน้อยเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการบิดบั้นท้ายของเขาไปทางมือนั้น แต่สีหน้าของเขาก็ยังดูไม่สบายใจ

“ท่านลุง ท่านช่วยข้าถอดกางเกงออกหน่อยได้ไหม? อึ๊อือมันเลอะขาเสี่ยวเหยาหมดแล้ว… เสี่ยวเหยาก็บอกท่านไปแล้วว่าช่วยแก้มัดเสี่ยวเหยาหน่อย”

“...”

ทีขี้ของเจ้าเลอะมือข้า ข้ายังไม่ว่าอะไรเลยสักคำ!!

กู่สือระงับความโกรธของตัวเองพลางกลั้นหายใจถอดกางเกงของหลงเหยาออกในคราวเดียว จากนั้นจึงโยนหนังสัตว์สะอาดผืนหนึ่งและถังน้ำสะอาด 1 ถังไปให้คนตัวเล็ก

“รีบล้างมันซะ!”

ข้าจะเหม็นตายอยู่แล้ว ไอ้เด็กนี่มันโตมายังไง ทำไมมันถึงขี้ออกมาเยอะขนาดนี้ แถมยังเหม็นฉิบหายอีกต่างหาก!

ถัดมา เขารีบโยนกางเกงสกปรกที่เขาเพิ่งถอดออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

ใจเขาอยากจะเหวี่ยงมันออกนอกโลกไปด้วยซ้ำ

เขาไม่อยากได้กลิ่นชวนอ้วกอีกเลย มันทรมานจมูกมาก!

หลังจากกู่สือทิ้งกางเกงของเจ้ามังกรน้อยเสร็จ เขาก็ถอดชุดหนังสัตว์ของตนออกก่อนจะกระโดดลงไปในลำธารบนภูเขา แล้วเขาก็จัดการถูตัวเองแรง ๆ หลายครั้งจนแน่ใจว่าร่างกายของเขานั้นสะอาดและไม่มีกลิ่นทะแม่ง ๆ ปะปนอยู่ถึงจะยอมขึ้นมา

พอชายผมแดงกลับเข้าไปในถ้ำ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นหลงเหยานอนกลิ้งอยู่บนหนังสัตว์ทั้งที่ท่อนล่างยังคงเปลือยเปล่าอยู่

ภาพนั้นมันทำให้เส้นเลือดบนขมับของเขาปูดขึ้นอีกครั้ง เขาระงับความอยากจะฟาดไอ้เด็กนี่ลงไปให้ลึกสุดใจ ก่อนจะกัดฟันถามว่า

“เจ้าไม่แต่งตัวหรือไง มัวแต่นอนเกลือกกลิ้งอะไรอยู่บนนั้น”

นี่ถ้ามันปล่อยของไม่พึงประสงค์ออกมาอีกรอบหนึ่ง เขาจะไม่ต้องออกไปหาถ้ำอื่นอยู่หรือไง

ทางด้านคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นก่อนจะกดมือที่ถูกมัดไว้ใต้หน้าอก แล้วก้มตัวลงในท่าทางเหมือนเต่าตัวน้อย

จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“นี่มันไม่ใช่เสื้อผ้า มันเป็นแค่หนังสัตว์”

เนื่องจากหลงเหยาไม่ได้สวมหนังสัตว์ที่ไม่ผ่านการตัดเย็บมาเป็นเวลานาน แถมมือของเขาก็ยังคงถูกมัดอยู่ด้วย มันจึงทำให้เขาเลือกที่จะนอนอยู่บนหนังสัตว์แทน

“เสี่ยวเหยาใส่ไม่เป็น... เสี่ยวเหยาไม่รู้ว่าจะใส่มันยังไง ท่านช่วยเสี่ยวเหยาใส่ได้ไหม?”

เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างจริงใจ

ในที่สุดกู่สือก็ต้องยอมแพ้แล้วเข้าไปช่วยอีกฝ่ายผูกหนังสัตว์ไว้ที่เอวเพื่อปิดบังของสงวนของเจ้าตัวเอาไว้

เดิมทีชายหนุ่มไม่เคยมีลูกเป็นของตัวเองและไม่มีครอบครัว เขาไม่เคยดูแลใครแบบนี้มาก่อนเลย

ส่วนคนที่ถูกหมายตาว่าเป็นอาหาร ไม่ว่าจะผ่านมากี่คน พอกินเสร็จเขาก็โยนมันทิ้งไปเพียงเท่านั้น

แต่ตอนนี้เขารู้สึกรังเกียจจนพูดอะไรไม่ออก ทั้งที่ไอ้เด็กนี่เป็นคนที่ตนจับมาเอง ถ้าเขาจะต้องปล่อยมันไปทั้งแบบนี้ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ปัจจุบันชายหนุ่มคงทำได้เพียงกัดฟันทนดูแลมันไปก่อน แล้วค่อยกินมันหลังจากที่เนื้อตัวมันไม่มีกลิ่นแล้ว

ขณะนี้เนื้อตัวของหลงเหยาสะอาดสะอ้าน เด็กน้อยกำลังนั่งบนหินก้อนหนึ่งขณะห้อยขาป้อมสั้นลงมาแล้วแกว่งมันเบา ๆ อย่างสบายอารมณ์พลางมองดูคนที่ยุ่งวุ่นวายกับการเก็บกวาดทำความสะอาดทุกอย่างตรงบริเวณนั้น ก่อนจะแสดงความคิดเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง

“ท่านโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ ๆ แต่ยังต้องให้เสี่ยวเหยาสอนสิ่งเหล่านี้ให้ ท่านนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ!”

คำพูดของเด็กส่งผลให้เส้นเลือดบนหน้าผากของกู่สือปูดขึ้นมาอีกครั้ง เขากัดฟันพูดว่า “ใครบอกว่าผู้ใหญ่ทุกคนจะต้องทำแบบนี้ได้กัน!”

เขาไม่เคยเลี้ยงลูกมาก่อน แล้วเขาจะรู้ไหมว่ามันต้องทำอย่างไร?

ขณะเดียวกัน หลงเหยาเอียงศีรษะมองดูคนตรงหน้าด้วยสายตาสับสน “แต่ท่านแม่ของเสี่ยวเหยารู้เรื่องนี้ ท่านพ่อเองก็รู้เหมือนกัน คนอื่น ๆ ในเผ่าก็สามารถดูแลลูกของพวกเขาได้เหมือนกันด้วย นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้ใหญ่จะต้องทำอย่างนั้นหรือ?”

“ใครบอกเจ้าว่าพอเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำได้เลย ถึงโตแล้วก็ต้องเรียนรู้อยู่ดีนั่นแหละ!” กู่สือแทบจะคำรามออกมาอย่างเหลืออด

หลังจากพูดจบเขาก็ตกตะลึง

ไม่ ทำไมเขาถึงต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ไอ้เด็กนี่ฟังด้วยล่ะ?

ถัดมา ชายผมแดงหยิบผลไม้ 2-3 ผลออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนไปที่เท้าของหลงเหยาและพูดเสียงเย็นชา

“หุบปาก เจ้าอย่ามากวนข้าอีก กินเสร็จแล้วก็รีบเข้านอนซะ ถ้าเจ้าพูดพล่ามอะไรไปมากกว่านี้ล่ะก็… ฮึ่ม!”

“อื้อ!”

เด็กน้อยหดคอตัวเอง แต่ในหัวเล็ก ๆ ก็ยังคงมีคำถามที่อยากจะถามอีกฝ่ายเต็มไปหมด

ผู้ใหญ่ไม่ได้เกิดมาแล้วดูแลลูกเป็นเลย งั้นแสดงว่าท่านแม่ก็ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะดูแลเสี่ยวเหยาน่ะสิ?

ถ้าเสี่ยวเหยาโตขึ้น เสี่ยวเหยาต้องเรียนรู้ที่จะดูแลลูกของเสี่ยวเหยาเองเหมือนกันหรือ?

ทำไมมันยุ่งยากแบบนี้!

ที่แท้การเป็นผู้ใหญ่มันยากมากสินะ!

ระหว่างที่หลงเหยากำลังคิด มือของเขาก็เอื้อมไปหยิบผลไม้ขึ้นมาเช็ดกับหนังสัตว์เบา ๆ ก่อนจะกัดเข้าไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ลิ้มรสมันอย่างเอร็ดอร่อย

“ไม่พูดก็ไม่พูด เสี่ยวเหยาไม่ได้อยากคุยกับท่านเหมือนกันนั่นแหละ ไอ้คนนิสัยไม่ดี ฮึ่ม...”

เขาบ่นพึมพำเพื่อระบายความโกรธของตัวเองในขณะที่ปากก็ยังเคี้ยวไม่หยุด

แม้ว่าหลงเหยาจะดูเป็นเด็กไร้เดียงสามากแค่ไหน แต่เขาไม่ได้โง่ เขารู้ว่ากู่สือจับตัวเขามาแบบนี้คงไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยเขาไป

มิหนำซ้ำ เขาเองก็คงหนีอีกฝ่ายไม่พ้นด้วย สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือการกินให้อิ่ม แล้วรอให้ท่านพ่อกับท่านแม่มาช่วยตน

ในฤดูร้อนศพจะเน่าเปื่อยเร็วมาก ดังนั้นร่างของหยินซื่อจะต้องถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด

สุดท้ายหยินสุ่ยก็ตัดสินใจเผาศพของผู้เป็นสามีและเก็บขี้เถ้าของเขาไว้

ในวันฤดูร้อน การเผาศพจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงร่างทั้งหมดก็จะกลายเป็นขี้เถ้า

ยามนี้ดวงตาของหญิงสาวยังคงแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก หลังจากที่เก็บเถ้ากระดูกของหยินซื่อบรรจุลงในขวดหินเรียบร้อยแล้ว ภูตเผ่าไป๋ผีที่มากับนางก็พานางกลับไปส่งที่บ้าน

ขณะเดียวกันนั้น หลงหลิงเอ๋อกับหยินชางรีบไปยังที่เกิดเหตุทันทีที่พวกเขาได้ยินข่าว

เมื่อทั้งคู่มองดูแผ่นหลังที่เศร้าหมองของหยินสุ่ย พวกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก

“เป็นไปได้ยังไง? เมื่อเช้านี้เขายังดี ๆ อยู่เลย…” หมอผีตัวน้อยพึมพำกับตัวเอง

ในตอนที่นางกับหยินชางนั่งทำงานอยู่ที่ประตูเผ่า พวกเขาก็เห็นหยินซื่อออกไปล่าสัตว์

ตอนนั้นพวกเขาทั้ง 2 คนยังยิ้มทักทายกันอยู่เลย!

“ท่านแม่ คนร้ายโหดเหี้ยมอำมหิตเกินคนมาก เราจะต้องรีบตามหาเสี่ยวเหยาให้พบโดยเร็วที่สุด” หลงอวี้พูดด้วยสีหน้ากังวล

หูเจียวเจียวมองดูใบหน้าจริงจังของเหล่าลูกน้อยก่อนจะพูดปลอบพวกเขาว่า

“เรื่องนี้พวกเจ้าอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า รีบกลับบ้านกันก่อนเถอะ พ่อกับแม่จะหาทางช่วยเหยาเอ๋อและจับตัวกู่สือมาลงโทษเอง”

ปัจจุบันมันเย็นมากแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเด็ก ๆ จะกังวลมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่ควรต้องออกไปเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก

ดังนั้นทุกคนจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วกลับบ้านพร้อมกับแม่จิ้งจอก

ตอนนี้หลงเหยาถูกลักพาตัวไป ทำให้ไม่มีใครในบ้านรู้สึกหิวกันเลย พวกเขากินเนื้อรมควันกับผลไม้เพื่อรองท้อง จากนั้นก็กินอะไรไม่ลงกันอีก

ในเวลาเดียวกัน เตี๋ยฉ่ายถือเนื้อรมควันนั่งอยู่นอกบ้านขณะกินอาหารโดยไม่รบกวนครอบครัวของจิ้งจอกสาว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด