บทที่ 602: เสี่ยวเหยาทนไม่ไหวอีกต่อไป
ทันทีที่หูเจียวเจียวพูดจบ ร่างหนึ่งก็วิ่งมาจากอีกฝั่งหนึ่งของป่า
“หยินซื่อ! หยินซื่อ...”
ขณะนั้นหยินสุ่ยกระโดดลงจากหลังของภูตเผ่าไป๋ผีที่แปลงร่างเป็นสัตว์ แล้ววิ่งตรงเข้าไปในป่ารกชัฏ
ก่อนที่นางจะไปถึงที่เกิดเหตุ นางก็ได้กลิ่นเลือดรุนแรงโชยอยู่ในอากาศ
นั่นทำให้ใบหน้าที่เคยซีดเซียวของนางยิ่งซีดลงจนไร้เลือดฝาด
เมื่อหญิงสาวเห็นคู่ครองที่นอนไร้ชีวิตอยู่บนพื้นหญ้า ตัวนางก็แข็งทื่ออยู่กับที่เหมือนรูปปั้นหิน
“หยินซื่อ เป็นไปได้ยังไง… เป็นไปไม่ได้…”
หยินสุ่ยส่ายหัวซ้ำ ๆ พลางถอยหลังไป 2 ก้าวจนบังเอิญสะดุดกิ่งไม้บนพื้น
จังหวะนั้นหูเจียวเจียวรีบเข้าไปคว้าตัวนางเอาไว้ “หยินสุ่ย”
จิ้งจอกสาวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นกังวลในขณะที่อ้าปากอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เธอก็คิดคำพูดดี ๆ เพื่อมาปลอบโยนนางไม่ได้สักคำ
พอหยินสุ่ยเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของหูเจียวเจียว นางก็เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าพลางพูดว่า
“ข้า-ข้าไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า ฮึก… ข้าแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮือ… ทำไมหยินซื่อ...”
หญิงสาวสะอื้นไห้ไม่หยุดพร้อมกับนั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นสามี
ก่อนที่เขาจะเดินทางออกไปจากบ้าน เขาก็ยังดี ๆ อยู่เลย
แล้วเขายังบอกเอาไว้ว่าในอนาคตพวกเขาจะช่วยกันปลูกไผ่ด้วยกัน
ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้...
ตอนนี้เตี๋ยฉ่ายสงบลงแล้ว ทันทีที่ได้เห็นปฏิกิริยาของหยินสุ่ย นางก็รู้ทันทีว่านี่เป็นคู่ของคนตาย
ต่อมา สายตาของนางไล่ไปที่หน้าท้องที่ยื่นออกมาของหญิงสาว แล้วดวงตาสีชมพูก็แสดงอารมณ์ซับซ้อน ก่อนที่นางจะตัดสินใจเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น รวมถึงถามคำถามหนึ่งออกไป
“เขาได้เล่าอะไรบางอย่างเกี่ยวกับกู่สือให้พวกเจ้าฟังหรือเปล่า?”
เตี๋ยฉ่ายจำได้ว่าในยามที่ตนหาที่หลับนอนในเผ่า ตัวเองเคยเห็นหยินซื่อหลายครั้ง
เนื่องจากนี่เป็นสิ่งที่กู่สือจงใจทิ้งไว้เพื่อเตือนตัวนาง นั่นหมายความว่าสาเหตุที่เขาเลือกชายคนนี้มันจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
หูเจียวเจียวพยักหน้าตอบ “หยินซื่อเป็นคนบอกเราว่าเจ้าอยู่ที่ไหน”
เตี๋ยฉ่ายเข้าใจในทันทีพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น “เขาคงตั้งใจทำแบบนี้โดยใช้หยินซื่อมายั่วยุเจ้า”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ลูกของเรายังไม่ทันได้เกิดมาลืมตาดูโลกเลย เจ้ายังไม่เคยเห็นเลยว่าพวกเขามีหน้าตาเป็นแบบไหน เจ้าจะทิ้งข้าไปอย่างนี้ไม่ได้ แล้วแบบนี้พวกเราจะอยู่ยังไง… ฮืออออ!” หยินสุ่ยร้องไห้แทบขาดใจในขณะที่กอดร่างหยินซื่อ
ขณะนั้นหลงโม่และลูกชายทั้ง 3 ยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างหลังพวกนางเงียบ ๆ
ส่วนหูเจียวเจียวก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาปลอบหยินสุ่ยดี เธอจึงทำได้เพียงพูดว่า
“หยินสุ่ย ข้าขอโทษ...”
ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยพวกเธอตามหาเตี๋ยฉ่าย หยินซื่อก็คงไม่ถูกกู่สือฆ่าตาย
ยามนี้หยินสุ่ยใช้หลังมือเช็ดน้ำตาของตัวเองแรง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับสะอื้นไม่หยุด
“ไม่ ไม่ต้องขอโทษข้า คนชั่วก็คือกู่สือที่พวกท่านพูดถึง มันเป็นฆาตกร แม้ว่า...” นางเหลือบมองสามีของตน แล้วเค้นเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก
“ถึงจะไม่ใช่หยินซื่อ ถ้าเป็นภูตคนอื่น เขาคนนั้นก็จะถูกฆ่าอยู่ดี ไอ้สารเลวกู่สือ พวกท่านจะต้องจับมันให้ได้!”
นางเองก็เพิ่งรู้ว่าลูกของหูเจียวเจียวก็ถูกจับตัวไปด้วย นางจึงรู้สึกเป็นกังวลมากกว่าเดิม
ปัจจุบันการช่วยชีวิตคนเป็นมันสำคัญกว่าที่จะต้องมาเสียเวลากับคนที่ตายแล้ว
แม้ว่าหยินสุ่ยจะรู้สึกเศร้าใจกับการตายของสามีตัวเอง แต่นางก็ยังเป็นคนมองโลกในความเป็นจริงว่าคนที่จากไปแล้วไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อีก
เมื่อหลาย ๆ คนในที่นี้เห็นหยินสุ่ยมีท่าทีสงบมาก พวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น
“ไม่ต้องกังวล เราจะจับกู่สือมาเพื่อล้างแค้นให้กับคู่ของเจ้าอย่างแน่นอน” เตี๋ยฉ่ายก้าวไปตบไหล่หญิงสาวผู้บอบบางเบา ๆ ในขณะที่นางรับปากอีกฝ่ายเสียงหนักแน่น
เหยื่อคนต่อไปก็จะเป็นตาข้าแล้วใช่ไหม?
นางคิดพลางหลุบนัยน์ตาสีชมพูลงต่ำ ในตอนแรกนางแอบรู้สึกหวาดกลัว แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไปแล้ว
ทางด้านหยินสุ่ยพยักหน้า จากนั้นนางก็ร้องไห้ออกมาแบบกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
…
ตกกลางคืน
ปัจจุบันผืนป่าที่เคยมีชีวิตชีวาเหมือนถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าม่านสีดำสนิท
ณ ถ้ำแห่งหนึ่งในป่า หลงเหยาถูกโยนเข้าไปที่มุมหนึ่งของถ้ำ
บั้นท้ายน้อย ๆ ของเขากระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างแรงจนมันช่วยดึงสติของเจ้าตัวให้ตื่นเพราะความเจ็บปวด
“โอ๊ย! ก้นของเสี่ยวเหยา...”
คนตัวเล็กอยากจะเอื้อมมือไปลูบก้นตัวเองเพื่อคลายความเจ็บปวดตามสัญชาตญาณ แต่แล้วเขาก็พบว่ามือของตนขยับไม่ได้
หลงเหยาจึงลืมตามองดูภาพตรงหน้า
นี่มันอะไรกัน!
“ทำไมมือของเสี่ยวเหยาถึงถูกมัดล่ะ?”
เด็กน้อยเบิกตากลมโตมองไปรอบ ๆ ในขณะที่หัวของเขาวนเวียนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่คิดเท่าไหร่เขาก็คิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นั่นทำให้คิ้วเล็ก ๆ ทั้ง 2 ข้างขมวดเข้าหากันแน่นจนแทบจะผูกเป็นปม
“ดูเหมือนว่าเสี่ยวเหยากำลังจะเข้าไปอึในป่า และพี่รองก็อยู่กับเสี่ยวเหยาด้วย จากนั้นเสี่ยวเหยาก็หมดสติไป…”
หลงเหยาก้มหน้าลงพลางพยายามนึกไล่เรียงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“ฮ่า ๆๆๆ!”
จู่ ๆ เสียงหัวเราะที่เย็นชาสุดขั้วหัวใจก็ดังขึ้นมาจากมุมมืด
“เจ้าอย่าพยายามคิดอีกเลย ถึงยังไงเจ้าก็ไม่ได้กลับไปแล้ว” เสียงแหบแห้งไม่น่าฟังนั้นทำให้เด็กน้อยอยากจะหาน้ำให้อีกฝ่ายจิบสักหน่อย
บัดนี้ใบหน้าของหลงเหยาซีดลงระหว่างที่เขาหันไปมองเงาที่อยู่ในความมืดด้วยสายตาหวาดหวั่น
จากนั้นร่างเล็กก็ค่อย ๆ ขดเป็นลูกบอลพร้อมกับสั่นสะท้านไม่หยุด
ดวงตาที่เหมือนกับทับทิมคู่หนึ่งมีน้ำตาคลออยู่ เขามองเห็นชายแปลกหน้าที่อยู่ท่ามกลางความมืดได้อย่างชัดเจน
เมื่อหลงเหยาเห็นผมสีแดงเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของกู่สือ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเพราะเขาจดจำผู้ชายคนนี้ได้ทันที
“เป็นเจ้านั่นเอง เจ้ายังไม่ได้ขอโทษที่เดินชนเสี่ยวเหยาเลย แล้วเจ้ายังจับเสี่ยวเหยามาที่นี่อีก เจ้าจะทำอะไรเสี่ยวเหยา?”
ใบหน้าที่ไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัยของเจ้าตัวเล็กแฝงไปด้วยความหวาดกลัวปนตื่นตระหนก
เขาอยากจะเอามือกอดตัวเองเพื่อให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ามือของเขาถูกมัดเอาไว้แน่นจนแทบจะขยับไม่ได้
ทางด้านกู่สือส่งเสียงเยาะเย้ยพลางเดินออกมาจากเงามืด
เขาเดินเข้าไปใกล้เด็กชายตัวเล็กแล้วย่อตัวลงนั่ง ก่อนจะยื่นมือไปบีบคางของมังกรน้อย
นิ้วหยาบกร้านที่เหมือนกิ่งไม้แห้ง ๆ นั้นบีบหน้าของหลงเหยาจนบู้บี้
“จะทำอะไรน่ะหรือ? ไอ้ตัวเล็ก เจ้ากำลังจะเป็นอาหารของข้าแล้ว เจ้าต้องเป็นเด็กดีนะ แล้วก็อย่าส่งเสียงร้องล่ะ ไม่งั้นข้าจะกินเจ้าเสียตอนนี้เลย!!” กู่สือพูดข่มขู่เด็กชายตรงหน้าเสียงเย็น
“อูกอินเอ็นอาอ๋าน(ถูกกินเป็นอาหาร)?!” ใบหน้าของหลงเหยาซีดขาวทันทีที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมาก ประกอบกับเขาถูกภูตผมแดงบีบคางเอาไว้แน่นจนขยับปากพูดได้ลำบาก
“ใช่แล้ว” เมื่อกู่สือเห็นท่าทางกลัวจนหัวหดของเจ้าตัวเล็ก เขาก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างหนึ่งก็คือการได้เห็นอาหารของตนหน้าซีดปากสั่นก่อนที่เขาจะลงมือกินมัน
“ข้าจะค่อย ๆ เจาะรูเล็ก ๆ บนหัวของเจ้า แล้วสอดปากเข้าไปดูดกินข้างใน ให้เนื้อสมองสีขาวของเจ้าไหลมาตามปากทีละนิด ๆ…”
ชายที่เป็นภูตแมลงค่อย ๆ บรรยายสิ่งที่เขาจะกระทำอย่างละเอียดให้เหยื่อของเขาได้นึกภาพตาม
แล้วเขาก็หลับตาพริ้มรอเด็กตรงหน้าร้องขอความเมตตา
แต่หลังจากรออยู่นานเขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาจากปากอีกฝ่าย
พอเขาก้มหน้าลงไปมอง เขาก็พบว่าใบหน้าของคนตัวเล็กยับย่นราวกับว่าอีกคนพยายามควบคุมอะไรบางอย่างเอาไว้
ขณะนี้ใบหน้ากลมของหลงเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและเขาก็มีท่าทางไม่สบายใจ
“นี่ ไอ้ตัวเล็ก เจ้าเป็นอะไรไป ข้ากำลังจะกินเจ้าแล้วนะ เจ้าไม่กลัวหรือไง?”
แล้วชายหนุ่มก็ทำหน้าไม่พอใจพลางเอามือสะกิดใบหน้าของเด็กน้อย
ทันใดนั้นก็เกิดรอยบุ๋มขึ้นบนแก้มของเจ้าตัวเล็ก
แต่หลงเหยาก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เขาก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม ในขณะที่เสียงเล็กแหลมพูดวิงวอนออกมาเป็นระยะ ๆ
“อือ… เสี่ยวเหยาอยาก... อยากขอออกไปข้างนอก ท่านช่วยแก้มัดให้เสี่ยวเหยาก่อนได้ไหม ปล่อยเสี่ยวเหยาไปสักครู่ แล้วเดี๋ยวอีกสักพักท่านค่อยมากินสมองของเสี่ยวเหยา…”
ตอนนี้มังกรน้อยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว
เขามีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้นต้องไปจัดการ!
ทางด้านกู่สือ เขารู้สึกว่าเด็กอวดดีคนนี้กำลังกวนประสาทตนเท่านั้น
ในเมื่อมันไม่กลัว แถมยังกล้ามายั่วยุข้าอีก งั้นข้าจะสั่งสอนมันให้ได้รู้สำนึก!
“ไม่ได้ เลิกเสแสร้งได้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ากินเจ้างั้นรึ?” ภูตผมแดงปัดมือที่ยื่นออกมาของคนตัวเล็กพลางพ่นลมอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักกลัว ข้าก็จะกินเจ้าเดี๋ยวนี้!”
วินาทีนั้นหลงเหยาหน้าแดงและตะโกนขึ้นมาทันที
“ไม่นะ! เสี่ยวเหยาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ตะโกนใส่หน้ามันเลยลูกว่าตูปวดขี้!!!