ตอนที่ 7 มาแข่งกันว่าใครจะสามารถเพิ่มเลเวลได้เร็วกว่ากัน
นักเรียนคลาสสายสนับสนุนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเธอก็ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมทีมกับหลินโม่อวี่อยู่แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนคลาสสายสนับสนุนที่เป็นแพทย์หรือพยาบาล เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับคลาสนี้คือผู้หญิง
ในตอนที่สาวน้อยเหล่านี้เห็นนักรบโครงกระดูกของหลินโม่อวี่ พวกเธอก็ตกใจจนแทบจะเป็นลม ดังนั้นไม่ต้องพูดเรื่องตั้งทีมหรือร่วมทีมโดยมีสมาชิกเป็นหลินอวี่ในความคิดของพวกเธอเลย
ในขณะนั้นเองหลินโมอวี่ก็พูดออกมาเบาๆว่า
“อาจารย์ลู่ ผมก็อยากเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงด้วยเหมือนกัน”
ความหมายในคำพูดของเขานั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากมีทีมหรือสร้างทีม เขาอยากสำรวจดันเจี้ยนเพียงลำพัง
ลู่หยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
“โม่อวี่ นายรู้ใช่ไหมว่ามันยากแค่ไหนที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง?”
หลินโม่อวี่พยักหน้า
“ผมรู้ และผมก็มั่นใจว่าผมจะสามารถทำมันได้”
ลู่หยุนเห็นและเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของหลินโม่อวี่ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าก่อนจะพูดกับเขาว่า
“ฉันหวังว่านายจะประสบความสำเร็จในการเข้าสู่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง”
หากคุณต้องการที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง เงื่อนไขแรกที่คุณจะต้องทำให้ได้ตามที่กำหนดคือเลเวล
คุณจะต้องมีเลเวล 12 เป็นอย่างน้อย แต่ถ้าจะให้ทุกอย่างแน่นอนเผื่อมีการเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องมีเลเวลอยู่ที่เลเวล 15
ในตอนที่หลินโม่ฮานได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงเมื่อปีที่แล้ว เธอมีเลเวลอยู่ที่ 16
ในเลเวลเพียงหนึ่งสัปดาห์ มันเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมากที่จะเพิ่มเลเวลของตัวเองให้เป็นเลเวล 12 ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลเวล 15 มันเป็นเรื่องที่ยากจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้
เนื่องจากเลเวลสูงสุดของมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนมือใหม่นั้นอยู่ที่เลเวล 8 ดังนั้นมันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพิ่มเลเวลของตัวเองให้ไปอยู่ที่เลเวล 12 ในดันเจี้ยนมือใหม่
ดังนั้นหากต้องการที่จะเพิ่มเลเวลของตัวเองให้เป็นเลเวล 12 คนๆนั้นจะต้องออกไปยังดินแดนร้างด้านนอก แต่ระดับความอันตรายของดินแดนร้างรอบๆเมืองซีไห่นั้นสูงกว่าดันเจี้ยนมือใหม่เป็นอย่างมาก สำหรับนักเรียนที่เพิ่งได้รับการเปลี่ยนคลาสนั้น การออกไปยังดินแดนร้างรอบๆเมืองเป็นการกระทำที่บุ่มบ่ามและเป็นการฆ่าตัวตาย
และนอกจากเงื่อนไขแรกแล้ว มันก็ยังมีเงื่อนไขอื่นๆอีกด้วย แต่คุณจะต้องรอจนถึงสอบปลายภาคก่อนคุณถึงจะรู้เงื่อนไขพวกนั้น
ตามคำพูดของลู่หยุน คลาสสายต่อสู้ก็ได้เลือกคลาสสายสนับสนุนหลายคนเข้าร่วมทีม
ทีมได้ถูกสร้างขึ้นโดยแต่ละทีมมีจำนวนสองหรือสามคน
เกาหยางได้เลือกนักบวชมาร่วมทีมกับเขา เนื่องจากนักบวชสามารถเพิ่มค่าสถานะต่างๆให้กับเขาได้
หลังจากที่ทำเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการเข้าดันเจี้ยนเสร็จสิ้น ทางโรงเรียนก็ได้แจกอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆให้กับนักเรียนทุกคน
นักเรียนแต่ละคนจะได้รับอาวุธแตกต่างกันตามคลาสของพวกเขา
"นี่มันเหมาะกับฉันมากเลย!"
เกาหยางได้รับดาบเหล็กและโล่ ซึ่งในตอนนี้เขากำลังทำตัวเหมือนกับราชาแห่งท้องฟ้าที่กำลังถือดาบและโล่ของเขาอยู่
หลินโม่อวี่ก็ได้รับอาวุธเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือไม้เท้าของจอมเวทย์
[ไม้เท้า]
[พลังวิญญาณเพิ่มขึ้น 1 หน่วย]
ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรในอาวุธชิ้นนี้ มันเป็นเพียงอาวุธธรรมดาๆชิ้นหนึ่งเท่านั้น
แต่สำหรับเซี่ยเสวี่ย เธอมีอาวุธของตัวเธอเองและเธอก็ไม่ต้องการอาวุธของโรงเรียน
อาวุธของเธอคือหนังสือ หลินโม่อวี่รู้สึกได้ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือธรรมดาเพราะมันมีพลังงานบางอย่างไหลออกมาจากหนังสือเล่มนี้ด้วย มันน่าจะเป็นอาวุธระดับสูงชิ้นหนึ่ง
ก่อนที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน เซี่ยเสวี่ยพูดกับหลินโม่อวี่ว่า
“มาแข่งกันว่าใครจะสามารถเพิ่มเลเวลได้เร็วกว่ากัน”
หลินโม่อวี่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกลับไป
เมื่อเซี่ยเสวี่ยเห็นเช่นนั้น เธอก็ตะคอกใส่หลินโม่อวี่ว่า
“ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะถือว่านายตกลง!”
ขณะที่เธอพูด เธอก็หันหลังกลับและเดินจากไป
มุมปากของหลินโม่อวี่กระตุกเล็กน้อยเมื่อเซี่ยเสวี่ยจากไป
“เธอนี่ชอบแข่งขันจริงๆเลย...”
เขาพูดออกมาเบาๆก่อนจะเดินเข้าสู่ดันเจี้ยน
สภาพแวดล้อมภายในดันเจี้ยนมือใหม่นั้นเป็นทุ่งหญ้าที่มีหญ้าเขียวชอุ่มที่สูงมากกว่าครึ่งเมตร
มอนสเตอร์ตัวเล็กๆจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในหญ้าและการหาตัวพวกมันก็ทำได้ยากเป็นอย่างมาก
ความหนาแน่นของมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนี้ไม่ได้สูงมากนัก ซึ่งมันทำให้ดันเจี้ยนนี้ค่อนข้างปลอดภัย แต่มันก็แลกมาด้วยปัญหาในการค้นหามอนสเตอร์พวกนั้นเนื่องจากมันต้องใช้เวลานานกว่าปกติในการค้นหาพวกมัน
ดังนั้นจุดประสงค์ของดันเจี้ยนมือใหม่นี้มันมีไว้เพื่อให้ผู้ที่เพิ่งได้รับการเปลี่ยนคลาสนั้นคุ้นเคยกับการต่อสู้
หลินโม่อวี่ที่เพิ่งเข้ามาในดันเจี้ยนได้เรียกนักรบโครงกระดูกออกมาสี่ตน
“ไปฆ่าพวกมอนสเตอร์ซะ”
หลังจากออกคำสั่งในความคิดของเขา นักรบโครงกระดูกทั้งสี่ก็วิ่งออกไปจากเขาในสี่ทิศทาง
แคร้ก แคร้ก แคร้ก
เสียงโครงกระดูกและลมกระโชกแรงเริ่มเกิดขึ้นในขณะที่โครงกระดูกทั้งสี่วิ่งออกไป
“พวกมันวิ่งเร็วมาก!”
ด้วยค่าความว่องไวของนักรบโครงกระดูกที่มีถึง 150 หน่วย ความเร็วในการวิ่งของนักรบโครงกระดูกนั้นจึงเร็วมาก
ในชั่วพริบตา พวกมันก็ได้วิ่งไปหลายสิบเมตรแล้ว
หลังจากที่นักรบโครงกระดูกวิ่งไปได้หลายสิบเมตร นักรบโครงกระดูกตนหนึ่งก็หยุดลงและเหวี่ยงดาบในมือของมันออกไป
[สังหารกระต่ายหูยักษ์สำเร็จ ค่าประสบการณ์ของท่านเพิ่มขึ้น 10 หน่วย]
กระต่ายหูใหญ่ที่มีเลเวลเพียงแค่ 1 ถูกนักรบโครงกระดูกสังหารภายในทันทีที่พวกมันถูกฟัน
หลินโม่อวี่มองไปที่ค่าประสบการณ์ในหน้าต่างสถานะของเขา
ค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้นมา 1%
มอนสเตอร์เลเวล 1 สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ของเขาได้ 1% ถ้าเป็นเช่นนั้นหากเขาต้องการจะเพิ่มเลเวลของเขาให้เป็นเลเวล 2 เขาจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมด 100 ตัว
[สังหารกระต่ายหูยักษ์สำเร็จ ค่าประสบการณ์ของท่านเพิ่มขึ้น 10 หน่วย]
[สังหารกระต่ายหูยักษ์สำเร็จ ค่าประสบการณ์ของท่านเพิ่มขึ้น 10 หน่วย]
การแจ้งเตือนยังปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนักรบโครงกระดูกทั้งสี่ยังคงค้นหากระต่ายหูยักษ์และสังหารพวกมันในตลอดระยะเวลาที่หลินโม่อวี่ยังคงยืนดูค่าประสบการณ์ของเขาที่เปลี่ยนแปลงไป
ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที ค่าประสบการณ์ของหลินโม่อวี่ก็เพิ่มขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์แล้ว
ประสิทธิภาพในการฆ่าและเพิ่มเลเวลของเขาในตอนนี้นั้นได้เรียกได้ว่ามันสูงเกินไปสำหรับผู้ที่เพิ่งได้รับการเปลี่ยนคลาสมา
เดิมทีหลินโม่อวี่วางแผนที่จะอยู่ในดันเจี้ยนมือใหม่เป็นเวลาสองวัน และออกไปจากสถานที่แห่งนี้เมื่อเขามีเลเวลอยู่ที่เลเวล 8
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้เวลาไม่ถึงสองวันแล้ว
หลินโม่อวี่ใช้สกิลของเขาและเรียกนักรบโครงกระดูกระดับเหล็กดำออกมาอีกครั้ง
จากนั้นนักรบโครงกระดูกตัวนั้นก็เดินออกไปเพื่อตามล่ามอนสเตอร์เหมือนกับนักรบโครงกระดูกตัวอื่น
เมื่อหลินโม่อวี่เรียกนักรบโครงกระดูกตนนั้นเสร็จ เขาก็นั่งลงและเริ่มนั่งสมาธิเพิ่มฟื้นฟูค่าพลังวิญญาณของเขา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เลเวลของหลินโม่อวี่ก็ถูกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก
[ชื่อ: หลินโม่อวี่]
[คลาส: เนโครแมนเซอร์ (เอกลักษณ์)]
[เลเวล: 2 (1.00%)]
[ความแข็งแกร่ง: 20]
[ความว่องไว: 20]
[วิญญาณ: 40]
[อุปกรณ์สวมใส่: ไม่มี]
[มิติอัญเชิญ: 5/20 นักรบโครงกระดูก (จำนวน: 5)]
[พรสวรรค์: แปรผันทวีคูณ (เลเวล 1 เฉพาะหลินโม่หยู)]
[สกิลติดตัว: การถ่ายโอนความเสียหาย]
[สกิล: เพลิงวิญญาณ (เลเวล 2), อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล 2)]
[แปรผันทวีคูณ (เลเวล 1): ผลของสกิลทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10 เท่า]
[การถ่ายโอนความเสียหาย: ความเสียหายทั้งหมดที่นักเวทย์ได้รับนั้นจะถูกถ่ายโอนไปที่วัตถุที่ถูกอัญเชิญมาแทน]
[เปลงเพลิงวิญญาณ (เลเวล 2): เผาเป้าหมายด้วยพลังวิญญาณและทำให้เป้าหมายเกิดความเสียหายจากการเพลิงไหม้ ความรุนแรงของเพลิงนั้นขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณและระดับสกิล]
[อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล 2): สามารถอัญเชิญนักรบโครงกระดูกเหล็กดำออกมาได้]
เลเวลเพิ่มขึ้นค่าสถานะของเขาก็เพิ่มขึ้น
มิติอัญเชิญของเขาเพิ่มขึ้นจาก 10 เป็น 20 ซึ่งนั้นทำให้เขาสามารถเก็บสิ่งที่เขาอัญเชิญขึ้นมาได้ถึง 20 ตน
เลเวลสกิลของเขาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“ไม่รู้ว่าพอสกิลนักรบโครงกระดูกเพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 2 แล้วค่าสถานะของนักรบโครงกระดูกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า”
จากความรู้ที่หลินโม่อวี่ได้ศึกษามา เมื่อระดับสกิลเพิ่มขึ้น ค่าสถานะของวัตถุที่ถูกอัญเชิญมาก็ควรจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เนื่องจากการเพิ่มเลเวลของหลินโม่อวี่ พลังวิญญาณของเขาจึงได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์
หลินโม่อวี่เปิดใช้งานสกิลของเขาและเรียกนักรบโครงกระดูกเหล็กดำออกมาอีกครั้ง
และในตอนนั้นหลินโม่อวี่ก็สังเกตเห็นความแตกต่างในการเรียกนักรบโครงกระดูกของเขา
พลังวิญญาณที่ใช้ในการเรียกนักรบโครงกระดูกของเขานั้นเพิ่มขึ้น มันเพิ่มขึ้นจาก 10 หน่วยเป็น 15 หน่วย
แม้ว่าสกิลนักรบโครงกระดูกเลเวล 2 จะยังอัญเชิญนักรบโครงกระดูกที่อยู่ในระดับเหล็กดำเช่นเดิม แต่ร่างกายของพวกมันในตอนนี้กลับสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
กระดูกที่เคยเป็นสีเทาของพวกมันจางลงมาก และรอยแตกบนร่างกายของมันก็น้อยลงด้วย
[นักรบโครงกระดูกเหล็กดำ]
[ความแข็งแกร่ง: 250]
[ความว่องไว: 250]
[วิญญาณ: 250]
[ร่างกาย: 250]
[สกิล: ไม่มี]