ตอนที่ 570 แมงมุมน้ำแข็งสีชมพู
ตอนที่ 570 แมงมุมน้ำแข็งสีชมพู
“ไปลงนรกซะ!” เซี่ยเฟยบังคับให้หงส์ครามบีบคอมู่ฉิวโป๋อย่างรุนแรง ขณะที่บลัดบิวเทียสก็กำลังดูดเลือดออกมาจากลำคอของสัตว์ประหลาดอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูรต่างก็ล้วนแล้วแต่มีเส้นเลือดบริเวณลำคอเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และตำแหน่งที่บลัดบิวเทียสกำลังเสือกแทงเข้าไปในลำคอของมู่ฉิวโป๋ในตอนนี้ก็เป็นบริเวณเส้นเลือดใหญ่ที่มีเลือดไหลเวียนผ่านเป็นจำนวนมาก มันจึงทำให้ทุก ๆ วินาทีที่ผ่านพ้นไปมู่ฉิวโป๋ก็ยิ่งรู้สึกหน้ามืดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ในช่วงเวลาสิ้นหวังมู่ฉิวโป๋ก็ปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาอย่างแหบแห้ง ซึ่งเสียงนี้ก็ดังออกไปไกลหลายหมื่นกิโลเมตร และทำให้สัตว์ประหลาดที่นอนหลับใหลอยู่ในชั้นใต้ดินเริ่มมุ่งหน้าตรงมายังสนามรบในทันที
โอโร่เคยเตือนเซี่ยเฟยเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าบนดาวดวงนี้ไม่ได้มีสัตว์ประหลาดอยู่เพียงแค่ชนิดเดียว แล้วในธรรมชาติเมื่อมันมีสัตว์ตัวเมียมันย่อมมีสัตว์ตัวผู้ และเมื่อมันมีแมงมุมราชินีมันก็ต้องมีแมงมุมราชาเช่นเดียวกัน
คลื่น!
พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่งทำให้ราชาสัตว์อสูรทั้ง 11 ตัวรีบถอยห่างออกไปด้วยความประหม่าในทันที ซึ่งแม้แต่ขนอุยก็เริ่มแสดงสีหน้าออกมาอย่างไม่สบายใจ
เซี่ยเฟยยังคงกัดฟันใช้บลัดบิวเทียสดูดเลือดจากมู่ฉิวโป๋ต่อไป ซึ่งสถานการณ์นี้เกือบจะคล้ายกับตอนที่นางพญาแมงมุมเคลื่อนที่ขึ้นมาจากพื้น ชายหนุ่มจึงเดาว่ามันอาจจะมีสัตว์ประหลาดลักษณะคล้าย ๆ กันกำลังคลานขึ้นมาจากพื้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องกำจัดศัตรูไปให้ได้สักตัวหนึ่งก่อนเพื่อลดภาระในระหว่างการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง
ตูม!
พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เศษฝุ่นเศษดินฟุ้งกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่ร่างของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่โตจะพุ่งออกมาจากพื้นดิน
ความยาวของสัตว์ประหลาดตัวนี้มีความยาวออกไปมากกว่า 2 กิโลเมตร โดยลำตัวของมันเป็นสีชมพูอ่อน ๆ แตกต่างจากนางพญาแมงมุมที่มีร่างเป็นสีขาว
นี่คือปีศาจโบราณแมงมุมน้ำแข็งสีชมพู่ ผู้ซึ่งเป็นคู่ครองของนางพญาแมงมุม หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่ามันคือราชาของเหล่าบรรดาแมงมุมน้ำแข็ง!!
ราชาแมงมุมพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่จะตกลงมากระทบกับพื้นอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันอุณหภูมิในพื้นที่บริเวณนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีอุณหภูมิภายในป่าก็ลดลงจนถึง 0 องศา
กี๊ด!
สัตว์ประหลาดตัวใหม่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างยาวนานเรียกหิมะสีชมพูตกลงมาทั่วทุกที่ จากนั้นหิมะเหล่านี้ก็เริ่มควบแน่นกลายเป็นใยน้ำแข็งปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ในรัศมีหลายสิบกิโลเมตร
ไม่กี่วินาทีต่อมาอุณหภูมิของพื้นที่บริเวณรอบ ๆ ใยแมงมุมก็เริ่มลดลงเป็นอย่างมาก ก่อนที่มันจะไปสิ้นสุดลงตรงบริเวณ -60 องศา
เมื่ออุณหภูมิลดลงอย่างฉับพลันเหล่าบรรดาราชาสัตว์อสูรที่เคยชินกับความร้อนก็มีอาการสั่นไปทั่วทั้งตัว แต่ในทางกลับกันมู่ฉิวโป๋ที่ได้รวมร่างเข้ากับนางพญาแมงมุมกลับค่อย ๆ ฟื้นฟูพละกำลังกลับมาท่ามกลางความหนาวเย็น
ราชาแมงมุมมองไปที่มู่ฉิวโป๋อย่างแปลกใจ เพราะนางพญาแมงมุมของมันมีรูปร่างแปลกไปจากที่มันรู้จัก ยิ่งไปกว่านั้นร่างของนางพญาแมงมุมยังมีกลิ่นอายของมนุษย์ทำให้มันเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ตามสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของนางพญาแมงมุมก็ยังคงอยู่ และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เซี่ยเฟยก็กำลังพยายามฆ่าคู่ครองของมันอยู่จริง ๆ
ขวับ!
ขาหน้าของราชาแมงมุมที่มีความยาวราวกับใบมีดขนาดใหญ่ตวัดออกไปทางเซี่ยเฟยอย่างแม่นยำ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่กล้าที่จะรับการโจมตีของสัตว์ประหลาดตัวนี้ เขาจึงดึงบลัดบิวเทียสและหงส์ครามกลับมาก่อนที่จะกระโดดหลบออกไปยังด้านข้าง
เล่ห์กายา!
เซี่ยเฟยกระโดดตีลังกาพลิกตัว 2-3 ตลบก่อนที่ร่างของเขาจะร่อนลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง
“แมงมุมน้ำแข็งตัวใหญ่อีกตัวงั้นเหรอ? ทำไมตัวของเจ้านี่ถึงเป็นสีชมพู แต่กลิ่นอายของมันดูรุนแรงกว่านางพญาแมงมุมเสียอีก?” อันธกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เลือดส่วนใหญ่ภายในร่างของมู่ฉิวโป๋ถูกบลัดบิวเทียสดูดมาจนหมดแล้ว เป้าหมายของเราจึงเหลือเพียงแค่แมงมุมตัวใหม่ตัวนี้เท่านั้น ส่วนร่างของมันจะเป็นสีอะไรสุดท้ายเราก็ต้องจัดการกับมันก่อนอยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าว
วินาทีถัดมาราชาแมงมุมก็พิงร่างเข้ากับนางพญาแมงมุม ก่อนที่มันจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน โดยไม่สนใจเซี่ยเฟยกับราชาสัตว์อสูรทั้ง 11 ตัวเลย คล้ายกับว่าความตายของนางพญาแมงมุมทำให้มันรู้สึกเสียใจไม่ต่างจากมนุษย์ที่กำลังจะสูญเสียคนรัก
ในเวลานี้มู่ฉิวโป๋สัมผัสได้แล้วว่าเปลวไฟแห่งชีวิตของนางพญาแมงมุมกำลังจะดับมอดลงไป แล้วมันก็คงจะเหลือเวลาอีกเพียงแค่ไม่นานก่อนที่เธอจะเสียชีวิต
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็โบกมือและออกคำสั่งให้ราชาสัตว์อสูรกระจายกำลังกันออกไปเพื่อรอคอยคำสั่งทำการจู่โจม
แต่ในทันใดนั้นเองเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพราะจู่ ๆ แววตาของนางพญาแมงมุมก็แข็งกล้าขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อนที่มันจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายแทงแขนของมันเข้าไปในร่างของแมงมุมสีชมพู
“นั่นพวกมันกำลังพยายามฆ่ากันเองงั้นเหรอ?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็กำลังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เพราะเขาได้พบว่าร่างของแมงมุมน้ำแข็งทั้งสองตัวเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน
“มันกำลังจะใช้กฎแห่งการหลอมรวมอีกแล้ว!” เซี่ยเฟยร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
การหลอมรวมร่างกายในครั้งนี้ใช้เวลาไปเพียงแค่ไม่กี่วินาที และเมื่อมู่ฉิวโป๋ลุกยืนขึ้นรูปร่างของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอีกครั้ง
ตอนนี้เขาไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เคยมี 4 แขน 4 ขาอีกต่อไป แต่เป็นสัตว์ประหลาด 6 แขน 2 ขาที่สามารถเดินไปมาได้อย่างอิสระ โดยรูปร่างส่วนใหญ่ของเขามีความคล้ายคลึงกับมนุษย์มาก เว้นเสียแต่ว่าความสูงของเขามีความสูงขึ้นไปมากกว่า 500 เมตร
อย่างไรก็ตามเมื่อมู่ฉิวโป๋ได้ใช้กฎแห่งการหลอมรวมร่างเข้ากับสัตว์ประหลาดถึงสองตัว เขาก็ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปอย่างสมบูรณ์ และในตอนนี้ดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีแดงเลือด ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวของสัตว์ประหลาดร่างใหญ่
กฎแห่งการหลอมรวมเป็นกฎที่ทรงพลังมากที่สามารถหลอมรวมสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์เข้าด้วยกันได้ แต่กฎ ๆ นี้ก็เป็นกฎที่อันตรายมากเช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าผู้ใช้เริ่มหลอมรวมสิ่งมีชีวิตครั้งที่ 3 เข้ามาภายในร่างเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะสูญเสียการควบคุมสติสัมปชัญญะของตัวเองไปในทันที ดังกรณีของมู่ฉิวโป๋ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ที่เขาไม่ได้เหลือสติสัมปชัญญะดั้งเดิมในตอนที่เป็นมนุษย์อยู่อีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังคงทิ้งเอาไว้คือความเกลียดชังที่เขาได้มีต่อเซี่ยเฟย
คลื่น!
ทันทีที่การหลอมรวมร่างกายเสร็จสิ้น สิ่งแรกที่สัตว์ประหลาดตัวนี้เริ่มเคลื่อนไหวก็คือการจู่โจมชายหนุ่ม
ในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีแท่งน้ำแข็งสีชมพูก็แทงทะลุขึ้นมาจากพื้น ซึ่งพลังพิเศษที่ได้เกิดขึ้นมาใหม่นี้ก็เกิดขึ้นมาจากการหลอมรวมพลังพิเศษของสัตว์ประหลาดทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน
เล่ห์กายา!
เซี่ยเฟยหลบหลีกการจู่โจมอย่างคล่องแคล่วแต่มันก็มีการจู่โจมพุ่งขึ้นมาดักทางเขาทุกเมื่อ และเมื่อเขาพลาดโดนจู่โจมแม้แต่เพียงเล็กน้อย มันก็ทำให้ร่างของเขาถูกกระแทกออกไปด้วยพละกำลังมหาศาล
“อะไรกันเนี่ย! การจู่โจมของมันได้รวมกฎแห่งมิติของเจ้าแก่นั่นเข้าไปในพลังพิเศษของสัตว์ประหลาดด้วยหรือยังไง?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเมื่อได้เห็นว่าแท่งน้ำแข็งที่กระทบกับร่างของเซี่ยเฟยในตอนนี้ไม่ใช่แท่งน้ำแข็งธรรมดา แต่มันยังถูกแฝงเอาไว้ด้วยพลังของกฎแห่งมิติ
เซี่ยเฟยพยายามพลิกตัวกลับกลางอากาศก่อนที่จะพลิกตัวกลับมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตามการจู่โจมเมื่อสักครู่มันก็ยังคงทำให้หน้าอกของเขารู้สึกเจ็บปวด แม้ว่าจะได้รับการป้องกันจากชุดเกราะโลหะเหลวแล้วก็ตาม
การป้องกันของชุดเกราะโลหะเหลวแข็งแรงมาก ซึ่งมันช่วยลดทอนทั้งแรงปะทะทางกายภาพและลดทอนพลังของกฎให้อ่อนแอลง แต่การจู่โจมเมื่อสักครู่นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากจนเกินไป จนทำให้เซี่ยเฟยไม่ได้ใช้กฎแห่งความโกลาหลขึ้นมาในการป้องกันด้วย และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมามันก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บแบบนี้
กี๊ด!
สัตว์ประหลาดโบราณส่งเสียงกรีดร้องก่อนที่จะเริ่มทำการจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยอีกครั้ง โดยไม่สนใจราชาสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วมาก แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะป้องกันการโจมตีได้จากทุกด้าน เพราะท้ายที่สุดแท่งน้ำแข็งที่มีพลังของกฎแห่งมิตินี้ก็สามารถปรากฏขึ้นมาได้ทุกที่และพร้อมที่จะจู่โจมเข้าใส่เขาได้ทุกเมื่อ
‘ฉันจะต้องเข้าจู่โจมระยะประชิด’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจ
เมื่อตัดสินใจได้แล้วชายหนุ่มก็พุ่งตัวออกไปด้านหน้าราวกับสายฟ้า และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเข้าสู่ระยะประชิด มู่ฉิวโป๋ก็จะไม่สามารถใช้การโจมตีแบบเดิมได้อีกต่อไป ไม่อย่างงั้นถ้าหากว่ามันเกิดจู่โจมพลาดพลั้งขึ้นมาแท่งน้ำแข็งพวกนี้ก็อาจจะกระทบร่างของมันด้วย
เมื่อชายหนุ่มเข้าสู่ระยะประชิดได้สำเร็จ เหตุการณ์ก็เป็นไปอย่างที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้ เพราะมู่ฉิวโป๋หยุดใช้แท่งน้ำแข็งจู่โจมเข้าใส่เขาในทันที แต่ใช้แขนทั้งหกข้างในการฟาดฟันเข้าใส่เขาแทน
ขวับ!
แขนที่มีความคมราวกับใบมีดตวัดลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งชายหนุ่มก็ต้องพยายามบิดร่างเพื่อหลบหลีกการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
เป้ง!
เซี่ยเฟยพยายามใช้บลัดบิวเทียสแทงเข้าไปภายในร่างของสัตว์ประหลาด แต่น่าเสียดายที่การจู่โจมของอาวุธชิ้นนี้ยังไม่สามารถเสือกแทงเข้าไปภายในร่างของแมงมุมตัวนี้ได้
แม้ว่าบลัดบิวเทียสจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังแต่มันก็เป็นอาวุธที่สามารถแสดงพลังออกมาได้ก็ต่อเมื่อมันได้แทงเข้าไปภายในร่างของศัตรูก่อน แต่น่าเสียดายที่อาวุธชิ้นนี้ยังคงเป็นดาบสั้นที่แทบจะไร้คม เซี่ยเฟยจึงไม่สามารถที่จะหาช่องทางแทงบลัดบิวเทียสเข้าไปภายในร่างของศัตรูได้จริง ๆ
การหลอมรวมร่างของราชากฎเข้ากับแมงมุมร่างยักษ์อีกสองตัวทำให้เปลือกทั่วทั้งร่างของมันมีความแข็งมากกว่าเหล็ก จนทำให้การจู่โจมของเซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะทะลุชั้นผิวหนังของมันเข้าไปได้เลย
กฎแห่งความโกลาหล!
เซี่ยเฟยเข้าใจดีว่าภายใต้สถานการณ์นี้เขาจะต้องแทงบลัดบิวเทียสเข้าไปภายในร่างของศัตรูให้ได้ และกฎแห่งความโกลาหลก็คืออาวุธชิ้นสุดท้ายในการทะลวงผ่านเกราะป้องกันของศัตรู
ตูม!
กำปั้นของชายหนุ่มปะทะเข้ากับร่างของสัตว์ประหลาดอย่างรุนแรง ทำให้กฎแห่งมิติที่ปกป้องร่างของมันเริ่มแตกออก ชายหนุ่มจึงเสือกแทงบลัดบิวเทียสเข้าไปยังช่องว่างที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่
เป้ง!
“มันยังไม่ได้อีกงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึงเมื่อเขาได้พบว่าบลัดบิวเทียสยังไม่สามารถแทงเข้าไปภายในร่างของศัตรูได้
เกราะป้องกันของศัตรูในตอนนี้มีความแข็งแกร่งมาก เพราะนอกเหนือจากเกราะชั้นนอกของมันจะถูกปกป้องด้วยกฎแห่งมิติแล้ว เปลือกของมันยังมีความแข็งจากการประสานร่างกันของราชาแมงมุมและนางพญาแมงมุมอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากว่าชายหนุ่มต้องการจะเจาะทะลุการป้องกันของสัตว์ประหลาดตัวนี้เข้าไปได้จริง ๆ เขาก็จำเป็นจะต้องทะลวงการป้องกันทั้งสองชั้นนี้เข้าไปพร้อมกัน
ในเวลาเดียวกันกฎแห่งความโกลาหลเป็นพลังที่มีความละเอียดอ่อนมาก และถึงแม้ว่าในปัจจุบันเซี่ยเฟยจะสามารถควบคุมพลังอันแปลกประหลาดนี้ได้แล้ว แต่มันก็ยังคงห่างไกลจากการเรียกว่าเขาสามารถควบคุมกฎ ๆ นี้ได้อย่างสมบูรณ์
โดยปกติแล้วการใช้กฎแห่งความโกลาหลจู่โจมเข้าไปตรง ๆ ก็มักที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับเขาเสมอ เขาจึงไม่เคยพยายามที่จะรวมกฎแห่งมิติเข้ากับกฎแห่งความโกลาหลเลยแม้แต่นิดเดียว
การพยายามหลอมรวมพลังของกฎเข้าด้วยกันเป็นเรื่องที่ยากมาก และทั่วทั้งจักรวาลก็มีนักสู้เป็นจำนวนน้อยมากที่สามารถหลอมรวมกฎเข้าด้วยกันได้
ด้วยเหตุนี้เองตลอดเวลาที่ผ่านมาชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่การแฝงพลังของกฎแห่งความโกลาหลเข้าไปในระหว่างการจู่โจมด้วยกฎแห่งมิติเท่านั้น แต่การแฝงพลังเข้าไปก็ยังคงห่างชั้นจากคำว่าหลอมรวมพลังกฎเข้าด้วยกัน
แต่สถานการณ์ในปัจจุบันบังคับให้เซี่ยเฟยต้องทำการหลอมรวมกฎเข้าด้วยกัน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่สามารถเจาะทะลุการป้องกันอันแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดตัวนี้เข้าไปได้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็เริ่มเรียนรู้กฎแห่งความโกลาหลขึ้นมาด้วยตัวเองโดยไม่มีใครคอยชี้แนะเส้นทางการใช้พลังนี้ให้กับเขาเลย การพยายามใช้กฎแห่งความโกลาหลในการโจมตีมันจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากพออยู่แล้ว และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการพยายามนำกฎนี้ไปรวมพลังเข้ากับกฎหลักอย่างกฎแห่งมิติเลย ซึ่งมันจำเป็นจะต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการควบคุมกฎทั้งสองประเภทในระดับที่สูงมาก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูผู้ซึ่งมีพลังป้องกันอันแข็งแกร่ง จนทำให้แม้แต่พลังของกฎแห่งความโกลาหลก็ยังไม่สามารถทะลุผ่านการป้องกันของมันเข้าไปได้ การต่อสู้ในครั้งนี้ก็เริ่มทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไร้พลังเป็นครั้งแรก
***************
นึกว่าหลี่โม่กลับชาติมาเกิดซะอีก 555