ตอนที่ 569 สัญญาณขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 569 สัญญาณขอความช่วยเหลือ
การหลอมรวมร่างระหว่างมู่ฉิวโป๋กับนางพญาแมงมุมเป็นภาพที่ยากจะอธิบาย เพราะมันเป็นภาพที่เหมือนร่างของพวกเขาถูกรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนเนื้อก้อนกลม ๆ ที่กำลังดิ้นไปดิ้นมา
ไม่กี่วินาทีต่อมาก้อนเนื้อก้อนกลม ๆ ก็เริ่มก่อกำเนิดรูปร่างขึ้นมาใหม่เป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มี 4 แขน 4 ขา
หมัดพายุคลั่ง!
ก่อนที่กระบวนการหลอมรวมของมู่ฉิวโป๋กับนางพญาแมงมุมจะเสร็จสมบูรณ์ เซี่ยเฟยก็เริ่มจู่โจมด้วยวิชาหมัดที่แฝงไปด้วยกฎแห่งความโกลาหล
หากการหลอมรวมเสร็จสิ้นสัตว์ประหลาดที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ย่อมมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเดิมอย่างแน่นอน ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงพยายามที่จะตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม
“ไป!”
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็สั่งให้หงส์ครามยืดยาวออกไปถึง 50 เมตรในพริบตา ก่อนที่จะสั่งให้ใบหญ้าทั้งสองใบพันธนาการขา 2 ข้างของสัตว์ประหลาดตรงหน้าเอาไว้
ฉีก!
เซี่ยเฟยใช้แรงทั้งหมดฉีกกระชากขาทั้งสองข้างออกจากร่างของสัตว์ประหลาดในทันที จนทำให้ในขณะนี้มันเหลือเพียงแค่แขน 4 ข้างกับขาอีก 2 ข้างเท่านั้น
“จัดการมันซะ!!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามสั่งการให้ราชาสัตว์อสูรทั้ง 11 ตัวจู่โจมเข้าใส่แขนขาในส่วนที่เหลือในทันที
ในเวลาเดียวกันเขาก็เสือกแทงบลัดบิวเทียสเข้าไปในขาของสัตว์ประหลาด ทำให้เลือดปริมาณมหาศาลถูกดูดออกมาจากร่างของสัตว์ประหลาดตัวนี้อย่างรวดเร็ว
กี๊ด!
มู่ฉิวโป๋ในร่างสัตว์ประหลาดส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และมันก็พยายามเตะขาที่เหลือทั้งสองข้างออกไปโดยพยายามให้บลัดบิวเทียสหลุดออกไปจากร่างของมัน
“แรงเยอะชะมัด” เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด เพราะเขาได้ประเมินว่าพละกำลังของสัตว์ประหลาดตัวใหม่ตัวนี้น่าจะใกล้เคียงกับราชากฎขั้นสูงแล้ว
ตูม!
ร่างของเซี่ยเฟยถูกเตะลอยกระเด็นออกไป ซึ่งหลังจากที่ร่างของเขาได้ปะทะกับต้นไม้ไปหลายสิบต้น ในที่สุดร่างของเขาก็หยุดลงพร้อม ๆ กับต้นไม้ที่หักเป็นทางยาว
โชคดีที่ร่างกายของเขาได้รับการปกป้องจากชุดเกราะโลหะเหลว มันจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมึน ๆ อยู่เล็กน้อยแต่ร่างก็ไม่ได้รับความเจ็บปวดมากเท่าไหร่แล้ว
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็สั่งการให้ราชาสัตว์อสูรกระโดดถอยหลังกลับมาตั้งหลักเสียก่อน เพราะกระบวนการหลอมรวมได้สิ้นสุดลงไปแล้ว การพยายามโจมตีในระยะประชิดจึงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
“จู่โจมจากระยะไกล” เซี่ยเฟยตะโกนออกคำสั่งเพื่อพยายามให้พวกราชาสัตว์อสูรคอยจู่โจมจากระยะที่ปลอดภัย
สัตว์อสูรระดับราชาต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้ครอบครองพลังพิเศษบ้างไม่มากก็น้อย พวกมันจึงมีการโจมตีที่หลากหลายมากกว่าสัตว์อสูรที่พบเห็นได้โดยทั่วไป และทำให้พวกมันถูกยกย่องว่าเป็นสัตว์อสูรระดับราชา
พายุมิติปิดล้อม!
เมื่อมู่ฉิวโป๋ได้สร้างกำแพงมิติขึ้นมาทำการป้องกัน มันก็ไม่มีพลังของราชาสัตว์อสูรตัวไหนสามารถทะลวงการป้องกันนั้นเข้าไปได้ เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องใช้คลื่นมิติที่แฝงกฎแห่งความโกลาหล เจาะทะลวงผ่านการป้องกันเข้าไปก่อน เพื่อให้การจู่โจมของพวกราชาสัตว์อสูรปะทะเข้ากับร่างของสัตว์ประหลาดโดยตรง
ตูม ตูม! ตูม!!
การจู่โจมทุกประเภทถูกยิงออกไปเกือบจะในเวลาเดียวกัน ก่อให้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่บนร่างกายของมู่ฉิวโป๋
ทุกครั้งที่เกิดการระเบิดจะมีแสงสว่างกระจัดกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการโจมตีเหล่านี้เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากเพียงใด
เมื่อปราศจากการป้องกันของกำแพงมิติ เซี่ยเฟยก็รู้สึกว่าการโจมตีในครั้งนี้น่าจะเพียงพอทำให้มู่ฉิวโป๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่เขาก็อาจจะเสียชีวิตภายใต้การโจมตีครั้งนี้ไปเลย
แต่ทันใดนั้นมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน เพรามันได้มีร่างสีดำกระโดดขึ้นมาจากแสงระเบิดอันส่องสว่าง ซึ่งการกระโดดครั้งนี้ทำให้ร่าง ๆ นั้นพุ่งตัวขึ้นไปบนฟ้าไม่ต่ำกว่า 500 เมตร
มู่ฉิวโป๋จับหน้าผาบนภูเขาด้วยมือทั้งสี่ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ไต่หน้าผาขึ้นไปยังยอดเขาด้วยความรวดเร็ว
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย โดยในตอนแรกนางพญาแมงมุมมีร่างที่ยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร ทำให้มันเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวมาก แต่หลังจากร่างของมันไดหลอมรวมเข้ากับมู่ฉิวโป๋โดยสมบูรณ์ ร่างของมันก็หดเล็กลงเหลือความยาวเพียงแค่ประมาณ 150 เมตรเท่านั้น ซึ่งมันเป็นการย่อขนาดร่างกายลงมาเล็กกว่าเดิมเกือบ 10 เท่า
เมื่อร่างของมู่ฉิวโป๋ได้ถูกเปิดเผยออกมาท่ามกลางแสงสว่าง ชายหนุ่มก็ได้พบว่าทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเป็นมัด ๆ ส่วนร่างกายที่แต่เดิมเป็นสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีเทาและมีลวดลายสีดำที่พาดผ่านไปตามลำตัว
“พาฉันขึ้นไปบนนั้น” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งก่อนที่เขาจะกระโดดไปขึ้นหลังราชานกอินทรี
ราชานกอินทรีกระพือปีกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะบินขึ้นไปบนฟ้าด้วยระดับความสูงมากกว่า 10 กิโลเมตร จากนั้นชายหนุ่มก็กระโดดลงจากหลังนกอินทรีย์อย่างฉับพลันและร่างของเขาก็พุ่งดิ่งลงสู่พสุธา
“เซี่ยเฟย นี่นายบ้าไปแล้วรึไง?!” อันธตะโกนขึ้นมาด้วยความสยดสยอง เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซี่ยเฟยจะใช้วิธีที่อันตรายแบบนี้
การตกลงมาจากความสูงมากกว่า 10 กิโลเมตรเป็นเรื่องที่อันตรายมากเกินไป แม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีเกราะโลหะเหลวคอยปกป้องร่างของเขาเอาไว้ก็ตาม
“หุบปาก!” เซี่ยเฟยตะโกนร้องคำรามโดยไม่ต้องการให้อันธมารบกวนสมาธิของเขา
มู่ฉิวโป๋กำลังหนีขึ้นไปบนหน้าผา แต่ในทันใดนั้นเขาก็ได้พบจุดสีดำที่กำลังพุ่งลงมาจากฟ้าใกล้ร่างของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
กี๊ด!
มู่ฉิวโป๋ได้สูญเสียความสามารถในการพูดภาษามนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง ร่างของเขาจึงกรีดร้องออกมาด้วยเสียงอันแปลกประหลาด ก่อนที่จะเริ่มสะบัดมือออกไปสร้างกำแพงมิติปกป้องร่างของตัวเองเอาไว้
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็พุ่งลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วราวกับลูกกระสุน และเมื่อเขาได้เห็นว่าระยะห่างระหว่างเขากับมู่ฉิวโป๋อยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร เขาก็เริ่มเหยียดแขนออกและปลดปล่อยการโจมตีด้วยวิชาพายุมิติปิดล้อม
การจู่โจมด้วยคลื่นมิติประกอบกับร่างที่ดิ่งลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วสูง มันจึงก่อให้เกิดการจู่โจมที่น่ากลัวมาก แล้วแม้แต่ภูเขาที่มีความสูงมากกว่า 10 กิโลเมตรลูกนี้ก็ดูเหมือนกลับกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
มู่ฉิวโป๋ทำได้เพียงแต่ยกแขนทั้งสี่ขึ้นมาสร้างกำแพงมิติเพื่อทำการต่อต้าน แต่การป้องกันของเขากลับถูกฉีกกระชากแยกออกจากกันอย่างง่ายดาย
แต่เดิมพลังการโจมตีของเซี่ยเฟยอ่อนแอกว่าพลังของราชากฎมาก แต่เนื่องมาจากเขาได้แฝงพลังของกฎแห่งความโกลาหลเข้าไปภายในการโจมตี มันจึงทำให้การโจมตีเหล่านี้สามารถฉีกกระชากการป้องกันของราชากฎเข้าไปได้
คลื่นพายุมิติอันรุนแรงไม่เพียงแต่จะฉีกกระชากผ่านกำแพงมิติไปเท่านั้น แต่มันยังพัดเข้าใส่ร่างของมู่ฉิวโป๋อย่างรวดเร็วอีกด้วย ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของสัตว์ประหลาดตัวนี้เต็มไปด้วยรอยบาดแผลฉีกขาดนับ 100 รอย
กี๊ด!
เมื่อคลื่นพายุมิติพัดผ่านไปมู่ฉิวโป๋ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ส่งเสียงร้องคำรามจนจบเซี่ยเฟยที่ซ่อนตัวอยู่หลังพายุก็เริ่มจู่โจมอีกครั้ง
ปัจจุบันร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยของเหลวสีเงินปกปิดทั่วทั้งร่างกายเอาไว้อย่างมิดชิด โดยมีเหล็กในสีแดงอมดำยื่นออกมาจากก้อนของเหลวสีเงินนั้น และเหล็กในที่ยื่นออกมาจากเกราะโลหะเหลวก็ไม่ใช่อาวุธอื่นใดเลยนอกเสียจากบลัดบิวเทียส
ในความเป็นจริงชายหนุ่มต้องการจะใช้พายุมิติปิดล้อมในการรบกวนทัศนียภาพโดยรวมของมู่ฉิวโป๋เท่านั้น เพราะการจู่โจมในครั้งนี้ต่างหากที่เป็นการจู่โจมที่แท้จริงของเขา
ตูม!
บลัดบิวเทียสแทงเข้าไปภายในไหล่ของมู่ฉิวโป๋อย่างรุนแรง แล้วมันก็เริ่มดูดเลือดเข้ามาอย่างรวดเร็วในทันที และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ดาบเล่มเล็ก ๆ แต่ความเสียหายของมันกลับอยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัวมาก
การจู่โจมครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดให้กับมู่ฉิวโป๋อย่างรุนแรง ซึ่งแต่เดิมเขาได้ปีนหน้าผาขึ้นมาได้มากกว่าครึ่งทางแล้ว แต่การโจมตีของชายหนุ่มทำให้ร่างของเขาร่วงหล่นลงไปยังด้านล่างของภูเขาอีกครั้ง
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ได้ถอนบลัดบิวเทียสออกมา และใช้ดาบแทงเข้าไปในหน้าผาเพื่อต้องการชะลอความเร็ว ก่อนที่ร่างของเขาจะร่อนลงพื้นด้วยความปลอดภัย
เล่ห์กายา!
คราวนี้เซี่ยเฟยได้ตัดสินใจเริ่มจู่โจมมู่ฉิวโป๋ในระยะประชิด เพราะหลังจากที่เขาได้สักเกตสัตว์ประหลาดตัวนี้มาเป็นเวลานาน เขาก็ได้พบว่าร่าง ๆ นี้มีความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เพิ่มมากขึ้น แต่มันกลับทำให้พลังกฎของชายชราอ่อนแอลงมากขึ้นกว่าเดิม
นับตั้งแต่ที่มู่ฉิวโป๋หลอมรวมร่างจนเสร็จ เขาก็ยังไม่ได้ใช้กฎแห่งมิติทำการจู่โจมในระยะไกลเลยแม้แต่ครั้งเดียว คล้ายกับว่าเขาได้สูญเสียความสามารถนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฟุบ!
เซี่ยเฟยรีบออกวิ่งด้วยความรวดเร็วโดยใช้ฝ่าเท้าวิ่งไปตามแนวหน้าผาของหุบเขา ก่อนที่จะกระโดดลงไปโดยมีเป้าหมายคือศีรษะของมู่ฉิวโป๋
แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะมีขนาดเล็กลงมากกว่าเดิมแล้ว แต่ตัวของมันก็ยังคงมีขนาดใหญ่มากอยู่ดี แล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่บลัดบิวเทียสจะสามารถดูดเลือดมาจากร่างของสัตว์ประหลาดได้หมด ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงตัดสินใจจู่โจมเข้าสู่สมองโดยตรงเพื่อพยายามยุติการต่อสู้ในครั้งนี้ลงซะ
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดไหนเมื่อขาดเลือดไปเลี้ยงสมองก็จะก่อให้เกิดอาการสมองตาย การจู่โจมที่สมองโดยตรงจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าการจู่โจมเข้าใส่ร่างกายสูงมาก
มัด!
หงส์ครามพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วโดยใช้ใบหญ้าใบหนึ่งปิดดวงตาเอาไว้ ขณะที่ใช้ใบหญ้าอีกใบหนึ่งรัดจมูกของมู่ฉิวโป๋เอาไว้แน่น
“เอามันให้ตาย!” เซี่ยเฟยตะโกนเสียงดัง
การเคลื่อนไหวของหงส์ครามในครั้งนี้ได้ก่อกวนประสาทสัมผัสทั้งสองของมู่ฉิวโป๋อย่างฉับพลัน เพราะดวงตาของเขาถูกปิดจนมองไม่เห็นและจมูกก็ถูกปิดไม่ให้ได้กลิ่น รวมถึงใบหญ้าสีฟ้านี้ยังมัดแน่นจนทำให้เขาเริ่มหายใจไม่ออก
สวบ!
บลัดบิวเทียสถูกเสือกแทงเข้าไปในศีรษะของมู่ฉิวโป๋โดยตรง ก่อนที่มันจะเริ่มทำการดูดเลือดออกมาจากร่างของเป้าหมายด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง
กร๊อบ!
ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็มีเสียงเหมือนกระดูกแตกดังลั่นออกมาจากศีรษะของสัตว์ประหลาด ซึ่งมันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าหงส์ครามรัดศีรษะของมู่ฉิวโป๋เอาไว้แน่นมาก จนทำให้มีกะโหลกบางจุดถูกรัดจนเกิดรอยแตกขึ้นมาแล้ว
เมื่อตกอยู่ในความตื่นตระหนกมู่ฉิวโป๋ก็เริ่มใช้มือขนาดใหญ่จู่โจมเข้าใส่ศีรษะของตัวเองเพื่อพยายามสะบัดร่างของเซี่ยเฟยให้หลุดออกไป โดยไม่สนใจว่าการจู่โจมนี้จะทำให้ร่างกายของตัวเองได้รับบาดเจ็บหรือไม่
เซี่ยเฟยปล่อยหงส์ครามอย่างช่ำชอง ก่อนที่เขาจะขยับร่างไปอยู่ด้านหลังศีรษะของมู่ฉิวโป๋
ตูม ตูม! ตูม!!
ชายหนุ่มพยายามกระโดดหลบไปเรื่อย ๆ พร้อมกับจู่โจมเข้าใส่ศีรษะของมู่ฉิวโป๋ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งในระหว่างนั้นสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็จู่โจมเข้าใส่ศีรษะของตัวเองอย่างรุนแรง
ในเวลานี้เซี่ยเฟยได้ขยับไปยังบริเวณคอของมู่ฉิวโป๋แล้ว ก่อนที่เขาจะเริ่มสั่งการให้หงส์ครามเคลื่อนไหวอีกครั้ง ใบหญ้าทั้งสองจึงพันรอบลำคอของสัตว์ประหลาดด้วยแรงอันมหาศาล จนทำให้ใบหน้าของมู่ฉิวโป๋เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว
สวบ!
บลัดบิวเทียสถูกเสือกแทงออกไปอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือเส้นเลือดบริเวณลำคอ
ศีรษะและลำคอเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณเลือดไหลเวียนมากที่สุด และการจู่โจมเข้าใส่พื้นที่บริเวณนี้มันก็จะทำให้บลัดบิวเทียสสามารถดูดกลืนเลือดภายในร่างของเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย
มู่ฉิวโป๋พยายามใช้แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อฉีกใบหญ้าออกจากคอด้วยความตื่นตระหนก แต่น่าเสียดายที่ใบหญ้าเหล่านี้คืออาวุธโบราณที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาล ดังนั้นถึงแม้ว่ามู่ฉิวโป๋จะมีรากฐานพลังอยู่ในระดับราชากฎ แต่หงส์ครามก็จะยังคงพัวพันร่างของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา และจะไม่มีวันปล่อยมือจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายถึงตาย
เมื่อเลือดถูกดูดออกไปมากยิ่งขึ้นสติสัมปชัญญะของมู่ฉิวโป๋ก็ค่อย ๆ เลือนลางลงเช่นเดียวกัน เพราะถึงแม้ว่าเขาจะได้กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด แต่เมื่อเลือดภายในร่างถูกดูดออกไปในปริมาณมาก มันก็จะเหลือเลือดที่ขึ้นไปเลี้ยงสมองเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่ากฎแห่งการหลอมรวมชีวิตจะทำให้มู่ฉิวโป๋ได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่มันก็ทำให้ตัวตนของเขาสูญเสียความคล่องแคล่วไปด้วยเช่นเดียวกัน มันจึงทำให้เขาไม่สามารถจัดการกับเซี่ยเฟยที่มีความว่องไวมากกว่าได้เลย
ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะมีร่างกายอันใหญ่โตแต่การพยายามจู่โจมเซี่ยเฟยที่ว่องไวมันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามยิงปืนใหญ่เข้าใส่ยุง ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังมีพลังอันแปลกประหลาดจากกฎแห่งความโกลาหล มันจึงทำให้การป้องกันของมู่ฉิวโป๋ไม่สามารถที่จะปกป้องร่างของเขาจากการจู่โจมของศัตรูได้
ในระหว่างที่นางพญากำลังตกลงไปสู่ความมืด มู่ฉิวโป๋ก็มองเห็นเงา ๆ หนึ่งที่ซ่อนตัวลึกลงไปในทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์
หลังจากที่ชายชราได้หลอมรวมร่างของเขาเข้ากับนางพญาแมงมุมแล้ว เขาก็ได้รับเศษเสี้ยวความทรงจำของนางพญาแมงมุมมาด้วย เขาจึงสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยของร่างเงาที่หลบซ่อนอยู่ลึกลงไปในชั้นใต้ดิน
กี๊ด!
มู่ฉิวโป๋ส่งเสียงร้องคำรามออกไปอย่างแผ่วเบา แต่ในคราวนี้มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอีกต่อไป แต่มันเป็นการส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือ
ในเวลาเดียวกันเสียงกรีดร้องของมู่ฉิวโป๋ก็ได้ทำให้เงาดำขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวลงไปในชั้นใต้ดินนับหมื่นกิโลเมตรเกิดการเคลื่อนไหว แน่นอนว่าเป้าหมายของมันก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากสนามรบ
***************
ลาสบอสหรอ?!