ตอนที่ 568 ศึกอสูรปะทะสัตว์ประหลาด
ตอนที่ 568 ศึกอสูรปะทะสัตว์ประหลาด
มู่ฉิวโป๋ไม่เคยนึกเลยว่าเซี่ยเฟยจะสามารถควบคุมสัตว์ประหลาดทั้งหมดภายในป่ามาต่อต้านกองทัพแมงมุมของเขาได้แบบนี้
เซี่ยเฟยบังคับให้นกอินทรีบินลงไปจอดที่ยอดเขา ก่อนที่มันจะมีอสูรร่างใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างชายหนุ่มทีละตัว
ราชาวานรขาวหลังฟ้า
ราชาจระเข้มงกุฎแดง
ราชาหมีจอมพลัง
…
โดยรวมแล้วด้านข้างเซี่ยเฟยได้มีราชาสัตว์อสูรยืนเคียงข้างเขาถึง 11 ตัว แล้วพวกมันต่างก็เชื่อฟังคำสั่งชายหนุ่มแต่เพียงผู้เดียว
“ถ้าฝั่งฉันมีพวกมากกว่าแล้วแกจะทำไม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในแววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความดุดัน
มู่ฉิวโป๋เริ่มหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะเขารู้ดีว่าป่าผืนนี้คือถิ่นที่อยู่ของพวกสัตว์อสูร แตกต่างจากพวกแมงมุมที่เขากำลังควบคุมอยู่ที่อุณหภูมิสามารถที่จะทำร้ายร่างกายของพวกมันได้ทุกเมื่อ ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนของสัตว์อสูรอีกฝั่งยังเยอะกว่ากองทัพแมงมุมของเขามาก และถ้าหากว่ามันมีการปะทะกันเกิดขึ้น ทางฝ่ายของเขาย่อมตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างแน่นอน
เขาไม่สามารถคิดออกได้เลยว่าเซี่ยเฟยที่เพิ่งหนีเข้ามายังป่าดงดิบ สามารถรวบรวมกองทัพสัตว์อสูรพวกนี้ได้ยังไง หรือว่ามันจะมีเทพคอยช่วยเหลือชายหนุ่มอยู่อย่างลับ ๆ
พื้นที่โดมแสงคือจุดที่ชายชรารู้สึกสงสัยมากที่สุด เพราะเขาไม่สามารถที่จะเข้าไปภายในพื้นที่ลึกลับแห่งนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังพัฒนาพลังขึ้นมาในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากที่เขาได้เข้าไปภายในโดมแสงแห่งนั้นเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือน
คนอื่น ๆ จำเป็นจะต้องใช้เวลานานนับปีหรือหลายปีเพื่อพัฒนาพลังขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่เซี่ยเฟยกลับพัฒนาพลังมิติขึ้นมาได้ 3 ขั้นในเวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น
ด้วยความเร็วในการพัฒนาที่ผิดปกติเช่นนี้เอง มู่ฉิวโป๋จึงสันนิษฐานว่าภายในโดมแสงแห่งนั้นจะต้องมีสมบัติอะไรบางอย่างถูกเก็บซ่อนเอาไว้แน่ ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์อสูรเหล่านี้ยังเชื่อฟังคำสั่งของชายหนุ่มอย่างง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขาปักใจว่าภายในโดมแสงจะต้องมีสมบัติอันล้ำค่าถูกซุกซ่อนเอาไว้อยู่
เซี่ยเฟยเริ่มสะบัดแขนออกคำสั่งให้กองทัพสัตว์อสูรทำการเคลื่อนไหว
นกนับล้านบินโฉบลงมาจากเนินเขา วานร, หมาป่า, จระเข้ต่างก็อ้าปากส่งเสียงร้องคำรามและมุ่งหน้าตรงไปยังพวกแมงมุมน้ำแข็ง
เพียงแค่การเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรพวกนี้ก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และการเคลื่อนทัพของพวกมันก็ทำให้ต้นไม้ที่ขวางทางถูกล้มลงไปเป็นแถบ ๆ
“ฆ่าพวกมันซะ!!” เซี่ยเฟยตะโกนออกคำสั่ง
ใบหน้าของมู่ฉิวโป๋ซีดเซียวลงอย่างฉับพลันและพยายามคงสภาพโดมมิติของเขาเอาไว้ โดยหวังจะให้พลังของกฎแห่งมิติหยุดยั้งการเคลื่อนทัพของกองกำลังสัตว์อสูร
พายุมิติปิดล้อม!
คลื่นมิติอันรุนแรงพุ่งเข้าใส่โดมมิติอย่างรวดเร็ว ก่อนที่โดมมิติของมู่ฉิวโป๋จะถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ เปิดช่องทางขนาดใหญ่ขึ้นมาถึงห้าช่องทาง
การปะทะในครั้งนี้มันไม่สมควรที่จะเรียกว่าการต่อสู้ แต่มันสมควรที่จะเรียกว่าการสังหารหมู่จากฝ่ายเดียวมากกว่า
เมื่อแมงมุมน้ำแข็งออกมาจากถิ่นที่อยู่เดิมและถูกบังคับให้อยู่ภายในป่าที่เต็มไปด้วยอุณหภูมิอันร้อนระอุ พละกำลังของพวกมันก็แทบที่จะไม่เหลือให้ทำการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว พวกมันจึงถูกสัตว์อสูรจากภายในป่าฉีกกระชากร่างออกเป็นชิ้น ๆ
ขณะที่แมงมุมหลากสีพยายามจะพ่นพิษเข้าใส่ศัตรู งูเขียวหลายตัวก็กระโดดลงมาจากต้นไม้และกัดแมงมุมพวกนี้เข้าไปอย่างรวดเร็ว
ความเป็นจริงงูพิษภายในป่าฝนมีพิษร้ายที่รุนแรงมากกว่าพวกแมงมุมหลากสีเสียอีก ภายในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 วินาทีพวกแมงมุมหลากสีจึงนอนหมอบลงไปกับพื้น พร้อมกับร่างกายที่ไม่สามารถจะขยับได้อีกต่อไป
กองทัพสัตว์อสูรของเซี่ยเฟยมีความได้เปรียบทั้งในด้านของจำนวน, สถานที่และความหลากหลายของสัตว์อสูร มันจึงไม่มีแมงมุมตัวไหนสามารถที่จะต้านทานกองกำลังที่ดุร้ายของชายหนุ่มได้แม้แต่ตัวเดียว
ภายในเวลาไม่กี่นาทีกองกำลังแนวหน้าก็ได้บุกเข้าไปใกล้นางพญาแมงมุมได้แล้ว นางพญาแมงมุมจึงพ่นหมอกสีขาวออกมาจากปากเพื่อแช่แข็งฝูงหมาป่าด้วยอุณหภูมิติดลบมากกว่า 100 องศาเซลเซียส
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพราะถึงแม้ว่ากองทัพสัตว์อสูรจะทรงพลังมากแต่พวกมันก็ยังมีความแข็งแกร่งเทียบชั้นกับนางพญาแมงมุมไม่ได้อยู่ดี
ในที่สุดเหล่าบรรดาราชาสัตว์อสูรก็เริ่มเคลื่อนไหว พร้อมกับสั่งการให้ลูกน้องของพวกมันออกไปจัดการกับพวกแมงมุมตัวเล็ก ๆ ในส่วนที่เหลือ
ราชาปะทะนางพญา!!
แกว๊ก!
อินทรีเหล็กส่งเสียงร้องพร้อมกับจู่โจมด้วยกรงเล็บและการเคลื่อนไหวที่มีความรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ตูม!
ร่างของอินทรีที่มีขนาดใหญ่กว่าช้างปะทะเข้ากับร่างของนางพญาแมงมุมโดยตรง จากนั้นมันก็ใช้กรงเล็บอันแหลมคมเจาะเข้าไปภายในร่างของนางพญาแมงมุมอย่างไร้ปรานี
แควก!
ราชานกอินทรีโบกสะบัดปีกของมันอีกครั้งและกระชากเนื้อก้อนใหญ่ออกมาจากร่างของนางพญาแมงมุม
กี๊ด!
นางพญาแมงมุมส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และราชาสัตว์อสูรพวกนี้ก็เลือกตำแหน่งการโจมตีได้อย่างโหดเหี้ยม จนทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากต้องรับการจู่โจมไปเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง
ราชาหมีตบเข้าใส่ร่างของนางพญาแมงมุมอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดบาดแผลลึกตามรอยเล็บเป็นทางยาว
ราชางูกัดเข้าใส่ร่างของนางพญาแมงมุมด้วยคมเขี้ยวทั้งสองข้าง จากนั้นมันก็ฉีดพิษปริมาณมหาศาลเข้าไปภายในร่างของนางพญาอย่างไม่หยุดยั้ง
…
เมื่อราชาสัตว์อสูรทั้ง 11 ตัวผลัดกันจู่โจมนางพญาแมงมุมก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านเหล่าบรรดาราชาสัตว์อสูรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ในความเป็นจริงสัตว์อสูรพวกนี้ไม่ชอบแมงมุมราชินีมาเนิ่นนานแล้ว แต่เหตุผลที่พวกมันยังสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข นั่นก็เพราะความแตกต่างของสภาพอากาศทำให้พวกมันไม่คิดที่จะบุกเข้าไปจู่โจมพวกแมงมุมที่อยู่ภายในทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์ แต่ในวันนี้นางพญาแมงมุมเลือกที่จะบุกเข้ามายังถิ่นของพวกมันเองแล้วพวกมันจะปล่อยโอกาสที่ดีแบบนี้ไปได้ยังไง
สาเหตุที่เซี่ยเฟยสามารถควบคุมเหล่าบรรดาราชาสัตว์อสูรได้อย่างรวดเร็ว มันก็ไม่ใช่เพียงเพราะเขาได้พึ่งพาวิชามนตราอสูรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังอาศัยธรรมชาติของสัตว์อสูรในการโน้มน้าวใจพวกมันด้วย
ในที่สุดหลังจากนางพญาแมงมุมถูกรุมจู่โจมเข้าใส่อย่างดุร้าย ร่างของมันก็มีรอยแผลฉกรรจ์เป็นทางยาว จนทำให้มันแทบที่จะไม่สามารถรักษาสติเอาไว้ได้
กี๊ด!
นางพญาแมงมุมพยายามใช้กำลังเฮือกสุดท้ายปล่อยหมอกน้ำแข็งออกมาครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ โดยมันพยายามใช้หมอกพวกนี้ในการเปิดพื้นที่ให้มันหลบหนีกลับไปยังถิ่นของตัวเอง
นางพญาแมงมุมรีบใช้ขาขนาดใหญ่เคลื่อนที่อย่างว่องไว เพื่อกลับไปยังเขตทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์ให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ไอ้สารเลว! แกจะหนีไปไหน รีบกลับไปฆ่ามันซะ!!”
มู่ฉิวโป๋ยังคงดิ้นรนที่จะสังหารเซี่ยเฟยโดยไม่สนใจว่าพวกแมงมุมน้ำแข็งจะต้องสูญพันธุ์ไปหรือไม่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยอย่างไร แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะทำร้ายชายหนุ่มคนนี้ได้เลย
ในทางกลับกันเซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมู่ฉิวโป๋ได้ เพราะการป้องกันของราชากฎอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก และเขาก็สามารถที่จะสร้างกำแพงมิติขึ้นมาจากอากาศได้ทุกเวลา ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถที่จะหาช่องทางจัดการกับมู่ฉิวโป๋ได้จริง ๆ
แต่ในตอนนี้นางพญาแมงมุมไม่สนใจคำสั่งของมู่ฉิวโป๋แล้ว มันจึงพยายามหลบหนีกลับไปยังดินแดนของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมันก็เป็นเพราะว่าชายชรายังไม่สามารถที่จะควบคุมนางพญาแมงมุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ สัญชาตญาณการรักชีวิตของมันจึงทำให้มันสามารถขัดขืนคำสั่งของมู่ฉิวโป๋ได้
เมื่อนางพญาแมงมุมวิ่งหนีไป สิ่งมีชีวิตที่โชคร้ายย่อมเป็นพวกแมงมุมน้ำแข็งที่ต้องตกกลายเป็นเหยื่อโดยที่ไม่สามารถจะต่อต้านได้ด้วยซ้ำ
หลังจากนางพญาแมงมุมหนีไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง ในที่สุดกองทัพแมงมุมนับล้านตัวก็ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น เหลือเพียงแค่เศษซากร่างกายที่หลงเหลือจากการถูกกัดแทะเท่านั้น
ในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยกับราชาสัตว์อสูรอีก 11 ตัวก็ยังคงไล่ตามจู่โจมนางพญาแมงมุมอย่างดุเดือด และเนื่องมาจากว่าพวกมันคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในป่าเป็นอย่างดี สถานการณ์ของทางฝ่ายนางพญาแมงมุมจึงไม่ค่อยดีมากนัก
โอกาสในครั้งนี้คือโอกาสที่ดีที่เซี่ยเฟยจะได้กวาดล้างพวกแมงมุมให้หมดสิ้น ซึ่งพวกแมงมุมน้ำแข็งก็คงจะถูกสัตว์อสูรในป่าจัดการจนหมดแล้ว และมันก็น่าจะหลงเหลือเพียงแต่นางพญาแมงมุมเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น
ขนอุยยังคงยืนอยู่บนไหล่ของเซี่ยเฟยอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับสั่งการให้พวกราชาสัตว์อสูรจู่โจมด้วยท่าทางอันหยิ่งยโส
ครั้งนี้เซี่ยเฟยสั่งการไม่ให้ขนอุยมีส่วนร่วมในการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย มันจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามกระตุ้นให้พวกราชาสัตว์อสูรคอยเป็นเขี้ยวเล็บเพื่อจัดการกับศัตรูแทนที่จะออกไปต่อสู้ตามปกติ
ตูม!
หมัดพายุคลั่งถูกซัดเข้าใส่ร่างของนางพญาแมงมุมอย่างดุเดือด และเมื่อมันได้ผสมรวมเข้ากับกฎแห่งความโกลาหล มันจึงสามารถระเบิดร่างของนางพญาแมงมุมจนเกิดบาดแผลขนาดใหญ่
ยิ่งพวกเซี่ยเฟยกับราชาสัตว์อสูรจู่โจมมากเท่าไหร่ นางพญาแมงมุมก็ยิ่งหลบหนีได้อย่างยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น
เซี่ยเฟยยังคงจู่โจมอย่างไม่รีบร้อน เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันเขากำลังเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบมากแล้ว มันจึงเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะสามารถสังหารมู่ฉิวโป๋และนางพญาแมงมุมได้สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องเร่งรีบเพราะมันอาจจะก่อให้เกิดความผิดพลาดที่ไม่จำเป็น
ครู่ต่อมานางพญาแมงมุมก็ถูกต้อนให้หลบหนีเข้าไปภายในก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งพื้นที่ด้านหน้าก็เป็นหน้าผาสูงชันที่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้านับ 10 กิโลเมตร ที่สำคัญคือพื้นที่บริเวณนี้เป็นทางตันมันจึงไม่เหลือเส้นทางให้นางพญาแมงมุมหลบหนีได้อีกต่อไปแล้ว
ราชาสัตว์อสูรทั้ง 11 ตัวกระจายกำลังกันออกไปล้อมรอบนางพญาแมงมุมเอาไว้ และเตรียมพร้อมที่จะกวาดล้างนางพญาผู้ปกครองทุ่งน้ำแข็งนิรันดร์
เซี่ยเฟยเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ พร้อมกับหยิบบลัดบิวเทียสออกมาถือไว้ในมือ ซึ่งมันอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 นาทีในการดูดเลือดภายในร่างขนาดใหญ่ของนางพญาแมงมุม แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาถูกขัดขวางจากชายชรา เขาจึงยังไม่สามารถดูดเลือดจากร่างของนางพญาแมงมุมได้สำเร็จ
“แกคือคนเปลี่ยนตำแหน่งของประตูมิติและทำให้ฉันติดอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” มู่ฉิวโป๋กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางเซี่ยเฟย
“ถ้าฉันทำแล้วจะทำไม?” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ
“มู่ฟู่ผิงไม่ใช่ญาติมิตรสหายอะไรของแกสักหน่อย แล้วแกจะไปช่วยเธอทำไม?”
“ฉันไม่จำเป็นจะต้องพูดเหตุผลให้แกฟัง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ
ตอนนี้เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจจะโต้ตอบชายชราอีกต่อไปแล้ว แต่เขาวางแผนที่จะค่อย ๆ ทรมานมู่ฉิวโป๋ให้ตายลงอย่างช้า ๆ
อย่างไรก็ตามจู่ ๆ มู่ฉิวโป๋ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อเขาเห็นว่ามันไม่มีทางรอดออกไปจากสถานที่แห่งนี้อีกแล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะลากเซี่ยเฟยลงนรกไปพร้อมกับเขาด้วย
“กฎแห่งการหลอมรวมที่ฉันกำลังใช้เป็นเพียงแค่พลังขั้นต้นเท่านั้น แต่มันยังมีกฎขั้นที่สูงกว่านั้นที่เรียกว่ากฎแห่งการหลอมรวมชีวิต หลังจากนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้เองว่าพลังของกฏแห่งการหลอมรวมชีวิตมันมีพลังที่น่ากลัวมากแค่ไหน” มู่ฉิวโป๋ตะโกนเสียงดัง ก่อนที่เขาจะเริ่มปล่อยพลังที่ทำให้ทั้งเซี่ยเฟยและราชาสัตว์อสูรถอยหลังกลับไปตั้งหลักด้วยความหวาดกลัว
วินาทีถัดมานางพญาแมงมุมก็เริ่มส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะด้วยพลังของกฎแห่งการหลอมรวมชีวิต มันจึงทำการรวมร่างของชายชราและนางพญาก่อนที่จะก่อเกิดขึ้นมาเป็นชีวิตใหม่
***************
รวมร่างฉบับสมบูรณ์ ย๊ากกกกก!!