ตอนที่แล้ว1101 - กลับสู่ตงหวง 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1103 - ความลับของภูเขาสีม่วง 

1102 - ซากศพของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ 


1102 - ซากศพของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ

“เส้นทางแห่งความเป็นอมตะช่างโหดร้ายจริงๆ แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างราชามังกรเขียวยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้”

เย่ฟ่านถอนหายใจเบาๆ ยืนอยู่หน้าสระน้ำตรงนั้น เขารู้สึกสับสนและมึนงง ราชามังกรเขียวมีพลังขนาดไหน นี่คือเซียนเทียมขั้นสองที่แข็งแกร่งที่สุด

ครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมมือกับราชานกยูงเพื่อดักสังหารปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง แม้จะไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็สามารถสังหารผู้อาวุโสไท่ซ่างของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงได้

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่มากเพียงใดเจ้าก็จะตายและกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นในประวัติศาสตร์เหมือนเช่นผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ

“ราชามังกรเขียวตายแล้ว ข้าฝังศพเขาไว้ในหนองน้ำนี้ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาโปรดปรานมากที่สุด” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง

เย่ฟ่านแสดงความเคารพต่อหลุมศพของราชามังกรเขียวอย่างนอบน้อม จากนั้นเขาก็หันมาแสดงความเคารพต่อนักพรตมังกรแดงอีกครั้ง

“คำนับผู้อาวุโส” เย่ฟ่านเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง

บนฝั่งน้ำนักพรตมังกรแดงเฒ่ายังคงสวมชุดนักพรตเก่าคร่ำคร่า อย่างไรก็ตามแม้ว่าร่างกายของเขาจะผอมแห้ง แต่กลับเต็มไปด้วยพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าทรงพลังมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า

นักพรตมังกรแดงที่ประสบความสำเร็จในระดับเซียนเทียมขั้นสามปัจจุบันกลายเป็นราชามังกรแดงผู้ยิ่งใหญ่แล้ว

“ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ ในเวลาที่แยกกันเพียงสิบสองปีเจ้าก็เกือบจะไล่ตามฝีเท้าของข้าทันแล้ว” นักพรตมังกรแดงถอนหายใจ

เย่ฟ่านรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายอย่างแท้จริง ในอดีตนักพรตมังกรแดงช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้ง แม้จะต้องกลายเป็นศัตรูของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ตาม

หลังจากการพรากจากกันหลายปี มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนกินสนทนากันอย่างออกรสออกชาติราวกับสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันมานานที

“ราชานกยูงเป็นอย่างไรบ้าง?” เย่ฟ่านถาม

“ในตอนนั้นข้ามีพี่น้องร่วมสาบานแปดคน แต่ตอนนี้เหลือเขาและข้าเพียงสองเท่านั้น”

นักพรตมังกรแดงถอนหายใจ หลายปีผ่านไปความสูญเสียที่เขาได้รับนั้นมากมายมหาศาลอย่างยิ่ง

สิ่งที่ทำให้เย่ฟ่านรู้สึกสบายใจก็คือราชานกยูงสบายดี เขาประสบความสำเร็จในการทำลายตัวตนในอดีตของตัวเองแล้ว ขอแค่มีเวลาเพียงพอเขาก็จะกลายเป็นราชานกยูงผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน

“ด้วยพรสวรรค์ของเขาหากไม่ถูกจำกัดด้วยกฎที่ไม่สมบูรณ์ในโลกใบนี้เขาจะกลายเป็นผู้อมตะตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน” นักพรตมังกรแดงกล่าว

เย่ฟ่านตระหนักดีถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของราชานกยูงได้เช่นกัน นี่เป็นสิ่งมีชีวิตตนเดียวที่เขารู้จักซึ่งสามารถประสบความสำเร็จในการสร้างชีวิตที่สองขึ้นมา

ไม่เพียงพลังของเขาจะน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น ราชานกยูงยังเป็นอัจฉริยะเจ็ดต้องห้ามในตอนที่มีอายุเท่ากันกับเย่ฟ่าน

ผู้คนเช่นราชานกยูงและนักพรตมังกรแดงหากไม่ถูกจำกัดด้วยความผิดปกติของโลกใบนี้พวกเขาคงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน นับประสาอะไรกับแค่เซียนเทียมขั้นสาม

เหตุใดเซียนจึงไม่ปรากฏ เหตุใดราชาผู้ยิ่งใหญ่จึงหายาก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนับตั้งแต่ยุคแห่งความรกร้างโบราณเป็นต้นมา กฎของสวรรค์พิภพได้เปลี่ยนแปลงไปทำให้ยากสำหรับผู้คนที่จะบรรลุความเป็นอมตะได้

และเมื่อไม่กี่ปีก่อนนิกายพุทธแห่งทะเลทรายตะวันตกได้เผยแพร่แนวความคิดในเรื่องการทำลายตัวตนในอดีตเพื่อเป็นการตัดเต๋า และหลีกเลี่ยงการพิสูจน์เต๋าไปโดยปริยาย

วิธีการนี้ทำให้นิกายพุทธเป็นมหาอำนาจที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตอมตะมากที่สุดนับตั้งแต่โลกอำพรางสวรรค์เกิดขึ้น แม้ว่าสิ่งมีชีวิตอมตะประเภทนี้จะอ่อนแอมากกว่ากลุ่มที่พิสูจน์เต๋าได้สำเร็จก็ตาม

ประกอบกับในปัจจุบันข้อจำกัดของสวรรค์พิภพเริ่มมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น นั่นทำให้นักพรตมังกรแดงประสบความสำเร็จในการตัดเต๋าทำลายตัวตนในอดีต และกลายเป็นเซียนเทียมขั้นสามได้สำเร็จ

น่าเสียดายที่นิกายพุทธเปิดเผยเรื่องนี้ช้าเกินไป ไม่เช่นนั้นโลกอำพรางสวรรค์คงเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตอมตะมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว!

นักพรตมังกรแดงสั่งสมพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขานานหลายพันปี ดังนั้นเมื่อกฎแห่งสวรรค์พิภพสมบูรณ์แบบมากขึ้น เขาได้รวบรวมฐานการบ่มเพาะและทำลายสิ่งกีดขวางเพื่อกลายเป็นเซียนเทียมขั้นสามในครั้งเดียว

เหตุใดกฎของสวรรค์พิภพในโลกใบนี้จึงเกิดความเปลี่ยนแปลง? ตามการคาดเดาของนักพรตมังกรแดง ยุคสมัยโบราณกำลังย้อนกลับสู่โลกอำพรางสวรรค์อีกครั้ง

นั่นเป็นเหตุผลให้เผ่าพันธุ์โบราณเริ่มทยอยตื่นขึ้นจากการหลับไหล ด้วยการที่สิ่งมีชีวิตโบราณเหล่านั้นมีผู้อมตะมากมายนับไม่ถ้วน สวรรค์ย่อมต้องสร้างเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาต่อกรกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เช่นกัน!

“หากร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณไม่มาคุกเข่ายอมรับความตายที่หุบเขาเทพ ในโลกอำพรางสวรรค์นี้ไม่ว่าใครก็ตามที่แซ่เย่จะถูกประหารโดยไม่ละเว้น”

โลกทั้งใบตกตะลึง หลายคนร่างกายสั่นสะท้าน แรงกดดันที่มาจากหุบเขาเทพนั้นทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย ในโลกนี้เซ่เย่คือหนึ่งในห้าแซ่ที่ผู้คนใช้มากที่สุด หากสิ่งมีชีวิตโบราณออกกวาดล้างผู้คนแซ่เย่ มันจะทำให้มีคนตายมากมายเพียงใด?

ในเวลานี้ สีหน้าของเย่ฟ่านที่กำลังพูดคุยกับนักพรตมังกรแดง เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่เขาได้ยินข่าว

“เจ้าจะทำอะไร?” นักพรตมังกรแดงถาม

“ข้าอยากจะสนทนากับทายาทของจักรพรรดิชิง” เย่ฟ่านกล่าว

“นางอยู่ห่างจากตงหวงมาหลายปีแล้ว ตอนนี้นางกำลังฝึกฝนตัวเองอยู่ในทะเลทรายตะวันตก”

เย่ฟ่านรู้สึกผิดหวังอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้

“ถ้าเจ้าต้องการพบนางจริงๆ ข้าสามารถเรียกตัวนางกลับมาได้”

“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนผู้อาวุโสแล้ว” เย่ฟ่านกล่าว

จากนั้นเย่ฟ่านขอซากศพร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่ราชามังกรเขียวเก็บไว้จากนักพรตมังกรแดง

แม้ว่าร่างศักดิ์สิทธิ์นี้จะบ่มเพาะเพียงอาณาจักรกงล้อทะเลเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้ว

แต่สุดท้ายร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณนี้ยังคงประสบความสำเร็จในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียมขั้นสามโดยการฝึกฝนอาณาจักรลับอันยิ่งใหญ่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น

“เจ้าต้องการศพศักดิ์สิทธิ์นั้นจริงหรือ?”

เย่ฟ่านพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า “ใช่ ข้าสามารถสิงสถิตอยู่ในร่างของเขาและควบคุมดั่งแขนขาตัวเอง สิ่งนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง หากข้าสามารถควบคุมเขาได้อย่างเต็มที่ความแข็งแกร่งของเขาจะเทียบได้กับอาวุธเต๋าสุดขั้วได้เลย”

มีซากศพเหี่ยวเฉาในคลังสมบัติของราชามังกรเขียวพี่ไม่มีใครรู้ว่าตายมากี่หมื่นปีแล้ว ในอดีตเย่ฟ่านได้รับข้อมูลจากเอี๋ยนหรูอวี้ว่านี่คือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่บรรลุขอบเขตเซียนเทียมขั้นสามเท่านั้น

แต่ในปัจจุบันหลังจากที่เย่ฟ่านเคยสัมผัสกับกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตอมตะในเรือรบโบราณ เขามั่นใจว่าซากศพที่อยู่ตรงหน้าจะต้องเป็นซากศพของสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างแน่นอน

เพียงกระดูกของเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ธรรมดาทั่วไปก็มีความแข็งแกร่งไม่แตกต่างจากอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วแล้ว แต่นี่คือศพของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่บรรลุความเป็นอมตะ!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเย่ฟ่านควบคุมร่างศักดิ์สิทธิ์นี้ได้เหมือนแขนขาของตัวเองจริงๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะเทียบได้กับเสมือนเซียนอมตะอย่างแน่นอน

โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางที่นักพรตมังกรแดงจะอนุญาตให้ผู้ใดหยิบยืมสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ไป อย่างไรก็ตามเขาได้สั่งให้ชิงยี่หลานชายของราชามังกรเขียวเปิดคลังสมบัติทันที

“พี่ชิงยี่น้ำใจของเจ้าครั้งนี้ข้าจะตอบแทนคืนอย่างแน่นอน!”

ศพเย็นๆ ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม เลือดเนื้อของเขาให้เหี่ยวไปนานแล้ว แต่กลิ่นอายแห่งความเป็นอมตะนั้นเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่แม้แต่นักพรตมังกรแดงก็ยังเกิดความหวั่นเกรงอยู่บ้าง

เย่ฟ่านคุกเข่าลงที่เบื้องหน้าซากศพของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณก่อนจะแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นเขาก็อัญเชิญซากศพนี้เข้าไปในหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว

“เจ้าต้องการอะไรอีกไหม” นักพรตมังกรแดงถาม

“ข้าต้องการยืมอาวุธเต๋าสุดขั้วของจักรพรรดิชิง” เย่ฟ่านกล่าว

สถานที่ที่เขากำลังจะไปนั้นน่ากลัวเกินไปและต่อให้เป็นนักพรตมังกรแดงก็ยากที่จะรอดชีวิตกลับมาได้

“นี่มันยากเกินไป…” นักพรตมังกรแดงส่ายหน้า

ตอนนี้ไม่มีใครสามารถทำอะไรบุ่มบ่ามกับอาวุธเต๋าสุดขั้วที่ถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดิชิง

ในช่วงที่สิ่งมีชีวิตโบราณกำลังตื่นขึ้นนั้นต่อให้นักพรตมังกรแดงจะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์อสูรเขาก็ไม่สามารถตัดสินใจมอบอาวุธล้ำค่านี้ให้เย่ฟ่านได้

ท้ายที่สุดสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของเผ่าพันธุ์อสูรทั้งปวง หากมันถูกแย่งชิงไปโดยสิ่งมีชีวิตอมตะของเผ่าพันธุ์โบราณ ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้อย่างแน่นอน

เย่ฟ่านรู้ดีว่าแม้แต่ในยุคโบราณการต่อสู้ด้วยอาวุธเต๋าสุดขั้วอย่างสุดกำลังนั้นก็แทบจะไม่มีทางเกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เขาร้องขอจึงไม่มีทางประสบความสำเร็จได้

เพราะท้ายที่สุดแล้วสถานที่ที่เย่ฟ่านกำลังจะไปนั้นมีโอกาสตายถึงเก้าในสิบส่วน

อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านตั้งใจจะใช้โอกาสเพียงส่วนเดียวของเขาสังหารสิ่งมีชีวิตอมตะของเผ่าพันธุ์โบราณในหุบเขาเทพให้ได้!

…….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด