บทที่ 598: พบผู้หญิงคนนั้นแล้ว
หลงหลิงเอ๋อและหยินชางวิ่งหนีหมอจิ้งจอกเฒ่าไปยังสถานที่ที่ไม่มีคนก่อนจะหยุดฝีเท้าตัวเอง
ถัดมา หมอผีตัวน้อยที่ถือสมุนไพรไว้หันไปหาหยินชางแล้วถามอย่างสงสัยว่า “หยินชาง ทำไมเจ้าไม่ถามข้าสักคำเลยว่าทำไมข้าต้องเอาสมุนไพรนี้มาด้วย?”
เด็กหญิงบอกแค่ว่านางอยากจะตรวจคู่ของหยินซื่อ แล้วเด็กหนุ่มก็ตามนางมา
พอตัวนางอยากได้สมุนไพร เขาก็ยังตามไปเอาด้วยโดยไม่พูดอะไรสักคำอีก
ดูเหมือนว่าไม่ว่านางจะตัดสินใจทำอะไร เขาก็ยอมทำตามแบบไม่คัดค้านเลย
ยามนี้ดวงตาของหยินชางเป็นประกาย แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องการสมุนไพรชนิดนี้ แต่เขาก็ยังคงปฏิบัติตามคำพูดของหลงหลิงเอ๋อ
“ทำไมเจ้าถึงต้องเอายาสมุนไพรนี้ไปให้นางล่ะ?”
ทันทีที่เด็กหญิงได้ยิน ‘คำถามที่เกิดจากความสงสัย’ ของอีกคน นางก็ยิ้มหวานจนเผยให้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ 2 ข้าง
“เพราะว่าในวันนั้นหยินซื่อช่วยพวกเราไว้ ข้าจึงอยากจะตอบแทนเขา”
หยินซื่อไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่พวกนางวางยาหยินเสวี่ยกับคู่ของนางก็จริง แต่ท่าทางนั้นบ่งบอกว่าเขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น
“อย่างนี้นี่เอง” หยินชางผงกหัวพลางแสดงสีหน้าเข้าใจ
“ท่านแม่บอกว่าถ้าเราติดหนี้ใคร เราก็ต้องหาทางตอบแทนเขา แต่ข้าไม่อยากติดหนี้บุญคุณคนพวกนี้นาน ๆ ข้าจึงคิดว่าข้าควรรีบคืนให้เขาโดยเร็วที่สุด” หลงหลิงเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอาล่ะ งั้นเราก็ไปใช้หนี้เขากันเถอะ”
แล้วเด็กทั้ง 2 ก็เอาสมุนไพรไปวางไว้หน้าบ้านของหยินซื่อ ก่อนจะรีบพากันออกไปจากที่นั่น
...
เมื่อหยินซื่อและหยินสุ่ยกลับถึงบ้าน พวกเขาก็เห็นสมุนไพรวางอยู่นอกประตู
“สมุนไพรพวกนี้มาจากไหน?” หญิงสาวหยิบสมุนไพรที่ห่อด้วยหนังสัตว์ขึ้นมาจากพื้นด้วยความประหลาดใจ
“ต้องเป็นแม่หมอที่ส่งมาให้เราแน่ ๆ เลย เพราะเราไม่รู้จักหมอคนไหนในเผ่าสักคนนอกจากเด็กคนนั้น” หยินซื่อนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง และเขาก็สามารถคาดเดาได้อย่างรวดเร็วจากรอยเท้าที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น
“นี่… ยาสมุนไพรนี้ล้ำค่ามาก หยินซื่อ เจ้าควรส่งมันกลับไปให้แม่หมอโดยเร็วที่สุด นางจะเอายาสมุนไพรมามอบให้ข้าเปล่า ๆ ได้ยังไง”
หยินสุ่ยยัดยาสมุนไพรไปไว้ในอ้อมแขนของผู้เป็นสามีแล้วพยายามผลักเขาเป็นการเร่งเร้าให้เขารีบเอาของไปคืน
ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เกิดภัยแล้งรุนแรงมาก ยาสมุนไพรจึงกลายเป็นของหายากและล้ำค่ายิ่งกว่าอาหารด้วยซ้ำ
ทางด้านหยินซื่อเดินไปตามแรงผลัก 2-3 ก้าวก่อนจะหันกลับมาจับมือของภรรยาสาวแล้วพูดปลอบให้นางสบายใจ
“ไหน ๆ แม่หมอก็เอาของมาให้ถึงที่บ้านแล้ว มันจะเป็นการเสียน้ำใจไหมถ้าเราเอาไปส่งคืน อาสุ่ย เจ้ารับมันเอาไว้ใช้เถอะ หากในอนาคตเราพอจะตั้งตัวได้แล้ว เราค่อยกลับไปตอบแทนแม่หมอให้ดี”
“หา? มันจะไม่เป็นไรหรือ...” หยินสุ่ยยังคงรู้สึกลังเล
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แม่หมอส่งยาสมุนไพรพวกนี้ให้เราถึงที่บ้านเพื่อให้เจ้าได้เอาไว้ใช้ ถ้าเจ้าไม่ยอมใช้มัน มันก็คงไม่เป็นไปตามประสงค์ของนางแล้วนางก็อาจจะรู้สึกไม่ดีก็ได้”
แน่นอนว่าชายหนุ่มรู้ว่าทำไมหลงหลิงเอ๋อถึงนำยาสมุนไพรมาให้เขา ซึ่งเขาก็จำต้องหาข้ออ้างเพื่ออธิบายให้หญิงสาวเข้าใจโดยไม่เผยพิรุธอะไรออกไป
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับหยินเสวี่ยก่อนที่นางจะตายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้ใครได้รับรู้ เขาจึงจำเป็นจะต้องปิดบังมันกับภรรยาของเขาด้วย
“เอาเถอะ หลังจากที่ลูกของเราคลอดแล้ว เราก็ต้องคอยบอกเขาว่าที่เขามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะแม่หมอ เขาจะต้องกตัญญูกับแม่หมอและตอบแทนครอบครัวนางให้ดี” หยินสุ่ยเม้มริมฝีปากของตัวเองแล้วพูดอย่างหนักแน่น
“ได้” หยินซื่อพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มกว้าง
หยินสุ่ยที่ได้รับคำยืนยันจากสามีหนุ่มก็กลับเข้าไปในบ้านไม้ ในระหว่างที่นางกำลังนั่งลง นางก็เห็นว่าอีกคนกำลังตั้งท่าจะเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง นางจึงตะโกนถามเขาด้วยความสงสัย
“หยินซื่อ! นั่นเจ้าจะออกไปไหนอีก?”
ปัจจุบันก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว ในตอนเช้าเขาได้ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อขุดหน่อไม้กับภูตเผ่าไป๋ผีคนอื่น ๆ จากนั้นก็นำหน่อไม้สดไปให้หูเจียวเจียวแล้วไม่ใช่หรือ เขายังมีธุระที่ต้องไปทำที่ไหนอีก?
“ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย ข้าจะออกไปอีกสักครั้งเพื่อดูว่าข้าจะจับเหยื่อได้สักตัวไหม” ชายหนุ่มอธิบาย
ทว่าดวงตาของหญิงสาวกลับเป็นกังวล และนางก็ดึงแขนของสามีกลับมาก่อนจะกล่าวว่า
“แต่ถ้าเจ้าออกไปตอนนี้ ขากลับมันคงจะมืดแล้ว มันอันตรายมาก เจ้าอย่าไปเลยนะ ถึงยังไงวันนี้เราก็ยังมีหน่อไม้กินกันอยู่”
“ไม่เป็นไร ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด และจะไม่ให้ตัวเองต้องเสี่ยงอันตรายแน่นอน”
หยินซื่อยิ้มพลางตบมือหยินสุ่ยที่จับแขนเขาไว้เบา ๆ จากนั้นก็พยุงให้นางไปนั่งในบ้านอีกครั้ง
“ถึงยังไงตอนนี้ข้าก็ไม่มีอะไรทำพอดี ข้าออกไปหาอาหารให้เจ้ากับลูกได้กินไม่ดีกว่าหรือไง อีกไม่นานลูกของเราก็จะคลอดแล้ว เจ้าควรได้กินอาหารดี ๆ ข้าคงปล่อยให้เจ้ากับลูกต้องมาทนหิวไม่ได้หรอกนะ”
ทันทีที่หญิงสาวได้ยินสิ่งที่คนเป็นสามีพูด นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะรั้งเขาเอาไว้ได้อีก
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วย แล้วก็รีบไปรีบกลับล่ะ”
“เจ้าไม่ต้องห่วง ถ้าข้านำเหยื่อกลับมาให้เจ้ากินเป็นอาหารได้ ร่างกายของเจ้าก็จะแข็งแรงและให้กำเนิดลูกได้อย่างราบรื่น เจ้าจะได้ทรมานน้อยลง ข้าเองก็รอที่จะได้พบหน้าลูกของเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”
“แล้วหลังจากที่ลูกของเราเกิดแล้ว ข้าจะอาสาขอหัวหน้าปลูกป่าไผ่เอาไว้ในเผ่าเพื่อที่เราจะได้มีไผ่กินโดยไม่ต้องเดินทางขึ้นไปบนภูเขา”
เมื่อหยินสุ่ยได้ฟังคำอธิบายของชายตรงหน้า นางก็จินตนาการถึงอนาคตของพวกเขา จากนั้นนางก็เผยรอยยิ้มกว้าง “ตกลง เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะไปช่วยเจ้าปลูกไผ่ด้วย”
หยินซื่อลูบหัวภรรยาสาวอย่างรักใคร่ก่อนจะหันหลังออกจากบ้านไม้ไป
...
เมื่อเช้าหยินซื่อคัดเก็บแต่หน่อไม้อ่อนมาทั้งหมด โดยที่ทุกอันเขาคัดเลือกมันอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเอาไปส่งให้กับหูเจียวเจียว
สิ่งนี้ทำให้จิ้งจอกสาวถอนหายใจอีกครั้ง
ความจริงแล้วภูตแต่ละคนนั้นมีนิสัยที่แตกต่างกันไป เราไม่สามารถตัดสินคนในแต่ละเผ่าพันธุ์แบบเหมารวมได้
ทั้งที่พวกเขาก็มาจากเผ่าไป๋ผีเหมือนกัน แต่เป็นเพราะอะไรที่ทำให้พวกหยินซางกับหยินเสวี่ยแตกต่างจากคนอื่นมากขนาดนี้
ถึงแม้ว่าจะมีหน่อไม้อยู่มากมาย แต่ร่างสัตว์ของหยินชางก็เป็นแพนด้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้นไผ่เลย แม้แต่หน่อไม้เขาก็สามารถกินมันแทนผลไม้ได้ด้วยซ้ำ
เดิมทีหูเจียวเจียวตั้งใจจะเก็บหน่อไม้ครึ่งหนึ่งไว้ให้หยินชางโดยเฉพาะ แล้วนำอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือไปที่ห้องครัว โดยที่เธอวางแผนเอาไว้ว่าจะเอามันมาปรุงเป็นอาหารเย็นวันนี้
เมื่อหญิงสาวแปรรูปหน่อไม้เสร็จ หลงโม่ก็นำข่าวดีกลับมา
“เจียวเจียว เราพบผู้หญิงที่เจ้าพูดถึงแล้ว”
ปัจจุบันภูตผมแดงที่เป็นตัวอันตรายสำหรับลูก ๆ ยังคงลอยนวลอยู่ ทันทีที่หลงโม่ได้รับข่าวนี้มา เขาก็รีบกลับมาเพื่อบอกภรรยาสาวทันทีเพราะเขากลัวว่านางจะเป็นกังวล
“เจ้าพบนางแล้วหรือ?” หูเจียวเจียวถามพร้อมกับแสดงอาการดีใจ
หลายวันที่ผ่านมานับตั้งแต่หยินซื่อบอกข้อมูลที่อยู่ของผู้หญิงคนนั้น ตัวเธอก็คิดว่าจะหานางไม่พบเสียแล้ว
“ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างระมัดระวังตัว ที่พักของนางจะเปลี่ยนไปในทุก ๆ วัน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องใช้เวลามากพอสมควรในการตามหาตัวนาง” มังกรหนุ่มพยักหน้าตอบ
เมื่อหญิงสาวได้ฟังคำพูดของเขา เธอก็เริ่มมีความหวังแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
“ตอนนี้หัวหน้าหลินได้สอบถามนางแล้ว แต่นางก็ยังปฏิเสธไม่ยอมพูดอะไร” ก่อนที่หูเจียวเจียวจะได้ถามคำถามอะไรเพิ่มเติม หลงโม่ก็บอกถึงสถานการณ์ของผู้หญิงคนนั้นให้เธอฟังทั้งหมด
“นางไม่ยอมบอกหรือ?” นั่นหมายความว่านางจะต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน
“หลงโม่ พาข้าไปหานางได้ไหม?” จิ้งจอกสาวถาม
ในเมื่อผู้หญิงตาสีชมพูคนนั้นไม่ยอมพูด แสดงว่านางคงจะต้องมีความกังวลอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
การที่อีกฝ่ายออกตัวช่วยพวกเด็ก ๆ แต่ก็ไม่ยอมบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องของภูตผมแดง บางทีอาจเป็นเพราะว่านางกลัวที่จะถูกภูตผมแดงทำร้ายหรือเปล่า?
เพื่อให้หญิงสาวผู้มีดวงตาสีชมพูยอมเอ่ยปากเอง ดูเหมือนว่าพวกเธอจะต้องจัดการกับความกังวลของนางให้เรียบร้อยก่อน
พอหูเจียวเจียวคิดได้แบบนี้ เธอก็ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างตัว
“ได้ ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเอง” หลงโม่ตอบตกลงทันที
วันนี้นอกจากหลงหลิงเอ๋อกับหยินชาง ลูกชายทั้ง 4 คนยังคงเล่นกันอยู่ที่บ้าน
เมื่อพวกหลงอวี้เห็นว่าแม่จิ้งจอกจะออกไปข้างนอก พวกเขาก็อยากติดตามเธอไปด้วย
เนื่องจากช่วงนี้เหล่าเด็กชายอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ไปไหนเลยจึงเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกันแล้ว
หลังจากที่จิ้งจอกสาวคิดว่าตอนนี้ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน แถมเป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก หากมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นอีก พวกลูก ๆ คงจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงตกลงที่จะพาพวกเขาไปด้วย
เป็นผลให้พวกหลงอวี้กลายร่างเป็นสัตว์แล้วพุ่งออกจากบ้านนำหน้าพ่อมังกรตัวเขื่องไป
ในไม่ช้า หลงโม่ก็พาหูเจียวเจียวมาลงจอดอยู่ที่หน้าบ้านหินหลังหนึ่ง
บริเวณนั้นมีผู้ชายร่างกายกำยำ 4 คนยืนอยู่ข้างนอกประตูด้วยท่าทางขึงขังไม่ต่างจากเทพเจ้าผู้เฝ้าประตู
เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นฉากนี้ มุมปากของเธอก็กระตุกและอดไม่ได้ที่จะถามว่า
“นี่พวกเจ้าขังนางเอาไว้หรือ?”